18 เมษายน 2551 13:38 น.
จิตรำพัน
กลางเมษาว่ากันวันยาวร้อน
ไม่มีผ่อนห่อนแสงสุรีย์ศรี
ยิ่งนับวันยิ่งร้อนขึ้นทุกปี
เผยวจีชี้เอ่ย โลกร้อน เกิน
ร้อนกายนี้มีที่รี่หายได้
โดนน้ำไวดำผุดร้อนไกลเหิน
เอาผ้าถุงตีโปงโล่งเหลือเกิน
อยากจะเชิญหลายคนลองทำดู
แต่ทว่าต้องหาวาระโอกาส
อย่าฝืนวาดลีลาในสระหรู
ใส่ผ้าถุงโดดลงไม่น่าดู
เดี๋ยวยามรู้ลู่เชิญเปลี่ยนชุดพลัน
ร้อนมากเหรอเปิดแอร์แน่นอนมาก
ร้อนหลายหลากห่างหายคลายแปรผัน
แต่ยิ่งไปทำลายโอโซนกัน
ยาวนานวันหวั่นแย่แน่ชีวี
ร้อน ร้อน ร้อน อยากได้ ให้หายร้อน
ชาวบ้านกลอนวอนช่วยทางสุขี
หาโปรแกรมแจ่มแจ้งหลากทางมี
ชื่นฤดีหายร้อนห่อนลี้กาย
โลกมันร้อนปล่อยไปตามวิถี
ขอฤดีชุ่มเย็นเข็ญร้อนหาย
สร้างในเย็นเข้าไว้ให้เป็นนาย
อย่าตามพายสายร้อนก่ออารมณ์
หากใจลู่ตามฤดูสู่ร้อนรุ่ม
ตัวคงสุมรุมเร้าไม่สุขสม
เรื่องเล็กน้อยคล้อยใหญ่ให้ทุกข์ตรม
ใจอาจบ่มสมไว้เหมือนหนามแทง
เย็น เย็น เย็น ลมเย็น อยู่ไหนหว่า
มองไปมาหาเห็นอยู่ปลายแสง
โอ้ละหนอพอพัดแทบสิ้นแรง
ลมแสนแล้งไอแดดแผดไหม้ดำ
ไม่เอาแล้วขอตัวไปแช่น้ำ
ให้ชุ่มฉ่ำนำชื่นกลืนสุขสำ(ราญ)
ดื่มน้ำปั่นหวานเย็นเป็นเกร็ดนำ
อร่อยล้ำย้ำลิ้มเย็นถึงทรวง
10 เมษายน 2551 22:37 น.
จิตรำพัน
ยิ่งมีรักสลักในใจดวงจิต
ยิ่งได้คิดติดบ่วงเสน่ห์หา
ยิ่งเฝ้าบอกหยอกใจทุกเวลา
ยิ่งรู้ว่ารักห่างร้างไกลกาย
พบดวงพักตร์จักษุลุล่วงจิต
พบสนิทชิดในให้ทุกข์หาย
พบที่พักดักวุ่นผ่อนเหนื่อยคลาย
พบธารสายชุ่มฉ่ำน้ำใจเธอ
เคยก้าวผ่านย่านไกวใจไหวสั่น
เคยหวาดหวั่นพรั่นในใจพี่เผลอ
เคยคิดมากยากห้ามใจละเมอ
เคยตาเอ่อเหม่อท้อห่อทุกข์ตรม
อยากโอบกอดสอดรัดรับไออุ่น
อยากนอนหนุนตักพี่มีสุขสม
อยากสานตาพาเฉลยเผยอารมณ์
แต่ต้องข่มก้มหน้าพาห้ามใจ
หลากคนมอง น้อง - พี่ ที่ได้พบ
ยากจะสบหลบตากลัวหวั่นไหว
อยากโผกอดพูดคุยเรื่องฤทัย
สองห่างไกลไคร่ขอต่อเวลา
ทางเดินไกลใจลิ่วปลิวถึงก่อน
เหมือนมาอ้อนวอนเธอที่ห่วงหา
ทุกข์ใดใดหดหายเมื่อเธอมา
สบสายตาพาทุกข์สลายไป
แม้เวลาน้อยนิดชิดชื่นสุข
แต่เปลื้องทุกข์คลุกจิตชื่นคืนใส
แค่ได้นั่งเห็นหน้าพาจิตใจ
แท้ฤทัยสองเรา เคล้าสุขนำ
----------------------------------------------------
ขอบคุณทุกความห่วงใย
ขอบคุณที่รักกัน
17 มีนาคม 2551 21:58 น.
จิตรำพัน
ใจหนอใจ ใยเหนื่อย และเมื่อยล้า
อยากรู้ว่า เมื่อไร จะคลายหาย
ขอที่พัก ตักอุ่น กรุ่นใจคลาย
ร้อนมลาย สลายเศร้า ที่เร้าทรวง
เหนื่อยใดหนอ ก่อทุกข์ รุกในหนัก
เท่าเหนื่อยนัก ใจตน คนใหญ่หลวง
คิดว้าวุ่น ชุลมุน เรื่องหลากปวง
ทิ้งลงหน่วง ร่วงล้า พาน้ำตา
อยากระบาย คลายทุกข์ ที่รุกเศร้า
อยากจะเอา ไปทิ้ง ดิ่งเวหา
อยากขอร้อง หมองไกล ในอุรา
อยากขอมา เขียนสู่ ลู่อักษรา
อยากร้องไห้ ให้หมด ปลดเปลื้องสิ้น
อยากโบยบิน ถิ่นฟ้า ท่องเวหา
อยากปลดปล่อย รอยหมอง ต้องกายา
อยากหายล้า พาใจ ให้พักลง
แต่ทำไม ไยแกล้ง ใจได้หนอ
น้ำปริ่มอ่อ ล่อใจ ให้ได้หลง
แต่ทำไม ไม่ไหล ให้ทุกข์ปลง
ใยยังคง คลอหน่วย จักษุแดง
เคยทำได้ เปลี่ยนเรื่อง เนื่องแนวคิด
ให้ใจปิด ปลิดทุกข์ ทุกเรื่องแหนง
ดึงความคิด ออกจาก เรื่องเคลือบแคลง
เรื่องอื่นแซง แรงมา พาอารมณ์
แต่หนนี้ มีใจ ในความเศร้า
ที่รุมเร้า เคล้าปัก หนักขื่นขม
ยากจะแยก แลกใจ จากระทม
สิ่งที่ตรม คงหาย ด้วยน้ำตา
1 มีนาคม 2551 22:47 น.
จิตรำพัน
โรงเรียนเล็ก เด็กน้อย ร้อยศึกษา
หลักสูตรมา พาครู รู้วางแผน
ให้เทียบเท่า เข้าเทียม เยี่ยมทั่วแดน
ไร้แลแก่น แดนต่าง อย่างสังคม
ผลสัมฤทธิ์ ผิดต่าง ทางมุ่งหวัง
เป็นต้องนั่ง กุมขมับ จับใจขม
ตามหลักการ วานสอน ท้องถิ่นนิยม
ขอชื่นชม หากพัฒนา พาคนดี
เมื่อผ่านกาล สอบวัด มาตรฐาน
เสียงยินยล ก่นมา หามีศรี
ด้วยว่าครู ไม่สอน ให้เด็กดี
ทิ้งหน้าที่ ขี้เกียจ ไร้ทุ่มเท
ใจท้อแท้ แน่เบื่อ เมื่อยินเสียง
ใจแทบเดี้ยง เบี่ยงหาย คล้ายหักเห
ใจเคยสู้ อยู่เพื่อ เกื้อเด็กเซ
ใจหว้าเหว่ แทบดิ้น สิ้นพลัง
มานั่งคิด วิเคราะห์ เจาะตรองตรึก
คนึงนึก ลึกเรื่อง เนื่องเบื้องหลัง
มาทดท้อ ห่อเหี่ยว เรื่ยวแรงพัง
หลายสิ่งรั้ง ยั้งเดิน มาตรฐานไทย
..............................................................
บางวิถี ที่มี ชี้สังเวช
ด้วยเพราะเหตุ สังคม แปรสั่นไหว
หางานทำ นำเงิน เติมกายไกล
แต่หาได้ มองซึ้ง ถึงดวงมาลย์
อยากบอกเล่า เข้าเรื่อง เด็กคนหนึ่ง
เธอนั้นพึ่ง ย้ายมา พาสืบสาน
สามเดือนไซร้ ได้มอง คล้องพบพาน
เพียงไม่นาน กาลเล่า เยาว์ชีวี
พ่อแม่ไซร้ ไม่อยู่ รู้หลักแหล่ง
คิดแค่แหล่ง หาเช้า เข้าอิ่มหมี
เที่ยวขอข้าว อาหาร พาพบมี
ย้ายถิ่นที่ มีกิน เรื่อยฤดู
ไม่เคยคิด ติดตรอง มองอนาคต
ที่สวยสด จรดหลัง ให้อดสู
ด้วยเพียงเพราะ สบายได้ ในตัวกู
ใครจะอยู่ ต่อไป ใคร่ดำเนิน
ลูกจะเรียน หรือไม่ ใช่เป็นเรื่อง
สาม - สี่เดือน ย้ายครั้ง ไม่รั้งเหิน
ลูกเต็มบ้าน คร้านคุม ดุ่มนอนเพลิน
ไร้คิดเดิน วางแผน แปลนชีวา
เพียงป.สอง มองดู ครูแสนเศร้า
ด้วยนงเยาว์ เบาเขียน เรียนไฝ่หา
อ่านหนังสือ ฤารู้ ตัวไก่กา
ลูกดวงตา คราสบ จบใจครู
...................................................................
มีหลายหลาก มากอย่าง กลางบ้านป่า
เรื่องราวพา คราได้ ไกลเมืองหรู
อนันต์ชีวิต คิดแค่ แน่รอดกู
ด้วยกินอยู่ สู่ท้อง ต้องดิ้นรน
ความช่วยเหลือ เจือจาน พานพบบ้าง
หน่วยงานกลาง ย่างส่ง ลงหลายหน
แต่ทว่า ความต้องการ มีมากคน
ย่อมตกหล่น ไม่ทั่ว รั้วเรือนชาน
บ้างสานต่อ ก่องาน บ้านเข้มแข็ง
บ้างปรุงแต่ง แบ่งวิ่น กินสนาน
ต่างความคิด ต่างจิต ต่างพบพาน
ต่างบันดาล สานใจ ให้ตนปรีดิ์
................................................................
ฤาหาใด ไปจัด วัดคุณภาพ
ต้นเหตุอาบ จุดใด ใคร่ส่องศรี
แก้ร่วมกัน สรรสร้าง ทางที่มี
เพื่อชีวี ฤดีสุข ทั่วทุกคน
17 กุมภาพันธ์ 2551 21:39 น.
จิตรำพัน
วันและคืน หมุนเวียน เปลี่ยนสรรพสิ่ง
ไม่หยุดนิ่ง วิ่งตาม ยามแปรผัน
โลกความจริง สิ่งเป็น เห็นทุกวัน
สิ่งที่ฝัน หายาก หากตื่นมา
เมื่อครั้งเด็ก เล็กเล็ก โลกใบน้อย
ยังคงคอย พ่อแม่ ยื่นมาหา
พอเติบใหญ่ โลกกว้าง สุดสายตา
ได้พบว่า ล้าเหนื่อย เมื่อยจิตใจ
ยังไม่คุ้น อุ่นใจ ในความคิด
ต้องสะกิด จิตเตือน เบือนหวั่นไหว
ยิ่งคิดไป ใจเหนื่อย ทำเช่นไร
เป็นผู้ใหญ่ ที่ดี เหนื่อยเหลือทน
นาฬิกา ชีวิต หมุนเร็วรี่
ใจที่มี ลี้หาย คล้ายสับสน
เด็กคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ คู่ตัวตน
ฉันอีกคน ได้หาย ไปจากกัน
มุ่งทำงาน สานต่อ เรื่องต่างต่าง
เร่งสะสาง ทางเดิน เกินเรื่องฝัน
ต้องพบปะ ผู้คน จนทุกวัน
ลืมตัวฉัน ที่เป็น ที่เคยมี
ขอพื้นที่ เล็กน้อย คอยใจพัก
ขอประจักษ์ ตัวตน ยลผ่องศรี
ความสดใส ได้อยู่ คู่ฤดี
อย่าให้มี ใครแย่ง แบ่งออกไป
โลกใบใหญ่ ให้มี สักที่หนึ่ง
คอยฉุดดึง ใจฉัน ยามสั่นไหว
ขอพี้นที่ เล็กน้อย คอยจิตใจ
ขอปลีกไป เป็นเด็ก เหมือนเช่นเคย
โลกความจริง บางครั้ง ชั่งร้ายกาจ
หากประมาท พลั้งล้ม ตรมเข้าเสย
ขอพื้นที่ มีฝัน เหมือนอย่างเคย
เก็บไว้เชย เฉยจาก โลกร้าย-ดี
ในบางคราว ราวเรื่อง เนื่องชีวิต
แทบจะปลิด ริดรอน ห่อนใจศรี
จนลืมว่า ความฝัน นั้นเคยมี
มองอีกที ลืมแม้ แท้ตัวตน
เคยมีฝัน ผันลู่ สู่อุดมการณ์
เคยวาดผ่าน ม่านใจ ไกลสับสน
แต่โลกเปลี่ยน หมุนเวียน เพียรให้คน
จนลืมยล พื้นที่ มีในใจ
ณ เพลา พาใจ ให้ได้คิด
ขอสักนิด จิตแบ่ง แห่งใจใส
สักเสี้ยวหนึ่ง พึงเป็น ที่พักใน
ขอเก็บไว้ เป็นเด็ก ไม่ปิดบัง
@........................................................................@
พื้นที่เล็กๆ ร้องโดย บอย ตรัยภูมิรัตน์