9 พฤศจิกายน 2550 15:01 น.
จันทร์ไร้เงา
ว่างเปล่า นั่งเงียบ-เงียบเหงา-เหงาที่นี่
ที่แห่งนี้ที่เราเคยรวมสร้างทางแห่งฝัน
วันนี้เศร้าสร้อยไม่เหลือไว้แม้ร่องรอยความเกี่ยวพัน
เงียบงันจนไม่เหลือเค้าความจำได
ถนนสายเดิมที่เคยผ่าน
ดูรกร้างชอบกลนะรู้ใหม
ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยออ้ล้อลมยามผ่านไป
บัดนี้เหลือเพียงซากต่อทิ้งไว้ให้ได้ชม
ร่มคันเดิมดูไร้ค่าหมดความหมาย
เหล่าหนังสือมากมายก็ไม่อาจสร้างความสุขสม
ดนตรีที่เคยฟังแม้มันจะยังคงรื่นรมณ์
แต่ไม่อาจขับไล่ความขื่นขมให้จางไป
ตรงนี้จึงมีแต่ความว่างเปล่า
คอยอยู่เป็นเงาไม่ไปไหน
อยู่รอบ-รอบตัวไม่เคยห่างกันไกล
แทรกซึมอยู่ในซอกหลืบหัวใจในทุกอณู
29 ตุลาคม 2550 12:55 น.
จันทร์ไร้เงา
ชีวิตหนึ่งมีตัวตนอยู่บนโลกกลม-กลมใบใหญ่
สองมือสองเท้าก้าวตะกายต่อไฟฝัน
สร้างชีวิตก่อกำเนิดเกิดผูกพัน
สร้างบุญคุณเวรกรรมทำกันมา
เมื่อประสพพบเจอทางลำบาก
เฝ้าแต่โทษโกธาด่าดินฟ้า
อาจมีบ้างบางครั้งที่ผ่านมา
โชคชะตาให้ความสุขกับชีวี
หนึ่งชีวิตของคน-คนหนึ่ง
ที่เกลือกกลั่วมอมเมาลาปศักดิ์ศรี
ยศฐาชูหน้าตาค่ามากมี
หากเรามองดูให้ดีมีอาจม
ลิขิตฟ้าหรือที่ส่งท่านให้มาเกิด
หรือกิเรสโลบส่งมาเกิดให้สุขสม
แม้สังขานไม่อาจรั้งให้มั่นคง
จะมั่วมาลุ่มหลงอยู่ใย
ฟังคำเราเถิดท่านทั้งหลาย
เกิดเพียงหนึ่งตายเพียงหนึ่งท่านอย่าเสียดาย
การเกิด คือ บาปเวรที่เสื่อมสูญสลาย
การตาย คือ การกลับสู่ความจีรัง
18 ตุลาคม 2550 16:57 น.
จันทร์ไร้เงา
ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรอยู่ ณ ที่ตรงนี้
ในมุมทึบ-ทึบของห้องที่ไม่มีแสงสว่าง
ไร้ซึ้งแสงแห่งรุ่งอรุณหรือดวงดาวจะนำทาง
ส่องสว่าให้ความมืดละลายหายไป
ฉันไม่รู้ว่าทำไมจึงนั่งลงร้องไห้ ณ ที่ตรงนี้
บนทางที่แสนจะมืดมนไร้สิ่งใดจะเคลื่อนไหว
ไม่มีแม้สายลมโบกโบยพัดสะบัดฝุ่นลอยหลิ่วไป
คงมีแค่เพียงสายน้ำที่รินใหลออกจากตา
ฉันไม่รู้ว่าเหตุใดจึงยังคงคิดถึงเธอ
ทั้งที่เธอไม่เคยจะพร่ำเพ้อละเมอหา
ไม่รู้ทำไม่จึงปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ใต้เงาแห่งน้ำตา
ทำไมปล่อยให้ตัวเองดูไร้ค่าอย่างไม่ใยดี
24 กันยายน 2550 12:58 น.
จันทร์ไร้เงา
ขอแค่มีเธอ อยู่ใกล้ๆตรงนี้ก็อบอุ่น
ขอแค่มีเธอ ให้ฉันได้กอดให้อุ่นยามหนาว
ขอแค่มีเธอ คอยรับฟังในทุกๆเรื่องราว
ขอแค่มีเธอ ถึงแม้บนคานมันจะเหงาก็ยินดี
21 กันยายน 2550 12:09 น.
จันทร์ไร้เงา
ชีวิตเราเกิดมากันทำไมหนอ
มานั่งรอ เฝ้าฝัน ถึงวันสลาย
หรือเกิดมาเพื่อเพียงพบกับความเดียวดาย
หรือเกิดมาสร้างความวุ่นวายให้ผู้คน
เกิดก็ยากอยู่ก็ลำบากหนอชีวิต
หากไม่ยึดติดชีวิตก็อสุขล้น
สับสนวุ่นวายกับโลกใบใหญ่แสนอลวน
เหนื่อยล้ากับความทุกฃ์ทนและความต้องการ
พูดไปพูดมาช่างน่าเศร้า
ความต้องการรุมเร้าน่าสงสาร
มีฝีมีอไม่อาจเลี้ยงชีพได้อย่างใจต้องการ
เพราะยังอ่อนด้อยมาตราฐานของสังคม
เลยต้องทุกทรมานกับความต้องการของตัวเองอยู่อย่างนี้
เดินผ่านห้างร้านทีแทบสุดข่ม
หากเผลอไผล่ใช้จ่ายเกินเมินระทม
คงได้กินน้ำต่างนมก่อนเข้านอน
................................................................
พี่ชายเป็นคนแต่งไว้ เห็นแล้วเศร้าใจเลยแต่งต่อ
................................................................
เศร้าเหลือเกินก็เงินไม่มี
หนังสือเราสิออกมาทีเกือบพัน
จะทำอย่างไรเห็นแล้วใจสั่น
ก็อยากซื้อมันมาไว้กับตัว
เงินกู้ไม่ออก
บอกแล้วเวียนหัว
หนทางเริ่มมัว
หมุนเงินไม่ทัน
ยืมเพื่อนเริ่มหน่าย
ยืมพี่ชายเริ่มระอา
ยืมแม่เริ่มว่า
ว่าใช้เงินเปลื่อง
เลยได้แต่มอง
หนังสือเชื่อง-เชื่อง
โชเน็นจ้า อย่าเคือง
โตเกียวฮิบิคิ อีกเรื่องโปรดเข้าใจ
รอยสาป ของชลนิลเอย
แฮ็ก3 เอ๋ยอย่าเพิ่งย้ายถิ่นไปที่ไหน
อีกทั้งแฮร์รีเล่ม7 จะเข้ามาเร็วไว้
เห็นแล้วปวดใจเหลือเกิน
บังเอิญว่ายังเด็ก
สมัครงานที่ใดเขาก็ขัดเขิน
แม้ความสามารถไม่อาจประเมิน
แต่ก็ยังต้องเผชิญกับกฏสังคม
อีทีนี้สิลำบาก
ความอยากเริ่มทับถม
วนเข้าเวียนออกจนระทม
แต่ก็ยังไม่สุขสมกับใจที่มันแสนระทมอยู่ดี...เฮ้อ