8 กรกฎาคม 2544 06:39 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
เรียกว่าบังเอิญ...ก็คงใช่
กับโลกที่กว้างใหญ่เหลือที่
กับมนุษย์ตัวเล็กขนาดนี้
กลับพอดิบพอดี...มาพบกัน
จะว่าพรหมลิขิต...ก็อาจเชื่อ
เพราะเหนือกว่าความคาดฝัน
คนมากมาย แต่ทำไม เราพบกัน?
ยิ่งกว่านั้น ยังร่วมเดิน เส้นทางเดียว
จะว่าโชคชะตา....ก็น่าคิด
มหัศจรรย์ของชีวิต ติด-ยึด-เหนี่ยว
แต่ละก้าว รวมเป็นก้าว ที่กลมเกลียว
แต่ละเดี่ยว มาร่วมเด่น เป็นวงกลม
เป็นวงกลมที่กลมเกลี้ยง หากคมกล้า
เป็นความหมาย ของเวลา ที่เพาะบ่ม
เป็นความงาม ของไมตรี ที่ชื่นชม
ยังนิยม ยังคงเชื่อ ในเยื่อใย
แล้ววาระการจากลา...ก็มาถึง
เมื่อ ส่วนหนึ่ง" ถึงเวลาของวงใหม่
รับรู้ค่า และครรลอง ต้องเป็นไป
ทั้งเสียใจ และดีใจ เคล้าคละกัน
เสียใจกับเวลาต้องลาจาก
ประมวลภาพ การพลัดพราก แล้วไหวหวั่น
ดีใจกับวงใหม่ อีกวงนั้น
ว่าจะมีส่วนสำคัญ ไปเพิ่มเติม
บอกลาส่วนของวงกลม ที่เติบกล้า
ขอบคุณทุกช่วงเวลา นับแต่เริ่ม
จะวันนี้ วันไหน...ให้เหมือนเดิม
ย้ำและเสริม ยังเต็มที่... เป็นพี่น้อง"
8 กรกฎาคม 2544 06:33 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ฝนตก ฟ้าร้อง ลมแรง
พายุกร้าวแกร่ง...โหดหิน
ไม้ใหญ่ล้มฟาดแผ่นดิน
ด่าวดิ้น อเนจอนาถ เจียนขาดใจ
สงสารหญ้าแพรก
เจ้าก็แหลก เจ้าก็ป่น หม่นไหม้
หรือชีวิตเจ้าเล็กน้อยเกินไป
เจ้าหัวเราะ เจ้าร้องไห้...ใครจะรู้!
คนเห็นไม้ใหญ่ล้ม
ก็ระดมกำลังเข้ากอบกู้
ประคบประหงมอุ้มชู
ลืมดู ลืมห่วงใย อะไรทั้งนั้น
เพียงหยาดน้ำตา หญ้าต่ำต้อย
คงเล็กน้อยเกินกว่าใครจะไหวหวั่น
เสียงร้องของคนไม่สำคัญ
โหยหวน พร่าสั่น สะท้านใจ
สะท้านใจ แต่ก็ไม่สะท้านป่า
เจ็บปวดก็ก้มหน้า เพียงร้องไห้
สะท้อนเรื่องสะท้อนภาพ กับทุกข์ภัย
เก็บเป็นความน้อยใจ...ใจน้อยน้อย
เช็ดคราบน้ำตา
เชิดหน้าขึ้นเถิด ความต่ำต้อย
เรื่องราว เดี๋ยวก็เป็นเพียง ร่องรอย
จะเศร้าสร้อยต่อไป ทำไมกัน
มองดูรอบรอบข้าง
ใช่เจ้าจะอ้างว้าง...อย่าไหวหวั่น
เป็นหญ้าแพรกต้นน้อย...ก็สำคัญ
เพราะหญ้าแพรกด้วยกัน...เท่านั้นที่รู้!
5 กรกฎาคม 2544 00:40 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
แต่เช้าจนค่ำ
พบเจอกันประจำ พร้อมแสงจ้า
ตะวันรุ่ง ตะวันแรง ตะวันลา
ตะวันล้า บ้างไหม ในบางวัน
เธออุ่นแสง อาบส่อง ต้องชีวิต
เธอเป็นมิตร ผู้ให้ ไม่ไหวหวั่น
อยากจะรู้ในดวงตากล้าแกร่งแกร่งนั้น
เธอซ่อนฝัน อะไรไว้ บ้างไหมนะ!
นานแค่ไหน เธอได้เห็น ความเป็นอยู่
การกอบกู้ ริเริ่ม เสียสละ
การแก่งแย่ง ต่อสู้ ประทุ-ประทะ
ชัยชนะ และพ่ายแพ้ แต่ละยุค
หรือเธอเห็นจนชาชินสิ้นสงสัย
เมื่อโลกยังเป็นไป ทั้งโศก-สุข
รู้สึกร้อน-หนาวไหม ยามใครทุกข์
รู้สึกสนุกบ้างไหม ในบางที
หรือเมื่อรักเป็นตะวันอันยิ่งใหญ่
ต้องรับได้ เต็มพันธะ และหน้าที่
เป็นตะวัน ให้ได้...และให้ดี
สมศักดิ์ศรี สมภาระ แห่งตะวัน
คงเป็นความธรรมดา ประสาชีวิต
ไม่ใช่ความ ถูก-ผิด...เพียงพลิกผัน
เปลี่ยนแปลง คือคุณค่า แห่งสามัญ
ไม่ยึดตึด ไม่ตีบตัน...ไม่ตื่นตาม
......
ดวงตาแห่งความเข้าใจ...ในชีวิต
ไม่ใช่ความถูกผิด เพียงเปลี่ยนผัน
ซึมซับความธรรมดา ในสามัญ
ไม่ยึดตึด ไม่ตีบตัน...จึงเติบโต!