28 พฤศจิกายน 2544 10:19 น.

ธาร...ทานตะวัน

จันทร์เพ็ญ จันทนา

วันหนึ่งฤดูหนาว... 
รถไฟขบวนยาว ฝันยิ่งใหญ่
วันหยุด วันพัก สบายใจ
ขอไปดูดอกไม้ ให้เต็มตา

สู่ลพบุรี
ประสบการณ์วันนี้ คงสมค่า
วันเสาร์ยี่สิบสี่พฤศจิกา
บทบันทึกอีกหน้า...ของชีวิต

ฟ้าสวย อากาศใส ใครหนอสร้าง
ทุ่งที่ดูโล่งกว้างช่างวิจิตร
ต้นไม้ใบหญ้านานาชนิด
ทายทักอยู่ทุกทิศ สองข้างทาง

พบคนแปลกหน้า
ร้อยคน ร้อยที่มา ล้วนแตกต่าง
สบตา บนใบหน้า ยิ้มบางบาง
ในหน้าต่าง นอกหน้าต่าง..ไม่ต่างกัน 

อยุธยา สระบุรี
ไม่กี่ชั่วโมงก็ผ่านผัน
ผ่านทุ่ง ผ่านท่า สารพัน
เป็นสีเป็นสัน อันงดงาม

ถึงแก่งเสือเต้น
ทานตะวันโดดเด่น เหลืองอร่าม
เรี่ยรายเรืองรอง ท้องฟ้าคราม
ลงรถแล้วเดินตาม ใครต่อใคร

ถ่ายรูป...ดอกทานตะวัน
ทำหน้าตาให้ชวนขัน กันยกใหญ่
ทานตะวัน ทายท้า ตาคนไกล
ให้งุนงงหลงใหล เกินใจทาน

รถแล่นเรื่อยลิ่วผ่านทิวทุ่ง
พาใจหมายมุ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน
ลบทุกรอยเหงื่อ...ลืมเนื้องาน
มีเพียงใจที่เบิกบาน สบาย-สบาย

รถไฟหยุดกลางสะพาน
เป็นอีกภาพ ที่ผสาน ความหมาย
ความหมายของความงามเกินบรรยาย
ท้องน้ำเป็นประกาย ใต้ตะวัน

รถไฟกลางน้ำ
ร้อยหมื่นพันคำ ที่เสกสรรค์
คงยากแทนความรู้สึก ลึกลึกนั้น
ลืมสาระ ภาระสำคัญ...เพียงผ่อนคลาย

สงบ อ่อนโยน เยือกเย็น
เฉกเช่นสายน้ำทุกทุกสาย
ป่าสักจากป่าสูงอันกลับกลาย
เปลี่ยนจากความหลากหลายเป็นหนึ่งเดียว

หนึ่งเดียวที่โอบเอื้อ เกื้อชีวิต
ป่าสักชลสิทธิ์ และป่าเขียว
ต้องแลก และต้องเลือก เพียงอย่างเดียว
แปรตามความข้องเกี่ยว ระหว่างกัน

เขื่อนดูกว้างใหญ่สุดสายตา
เห็นเส้นขอบฟ้าขีดคั่น
ขอบฟ้าขอบเขื่อนเลื่อนเป็นชั้น
ส่วนใจนั้นกลับไร้ขอบ หรือกรอบใด

เดินเล่นรับไอน้ำอันฉ่ำชื่น
ใบหน้ายังยิ้มรื่น สดใส
แสงแดดเจิดจ้า...ถึงหัวใจ
ลมพลิ้วพัดไหว ไล้สายธาร

อิ่มท้องกับอาหารอันเรียบง่าย
พักกาย พักใจผสมผสาน
เป็นเรื่องราวหล่อเลี้ยงใจได้อีกนาน
เป็นของขวัญอันแสนหวาน วันดีดี

โบกมืออำลา
ลพบุรีเจ้าขา ลาแล้วนี่
ความทรงจำ จะคงค่า ชั่วตาปี
จะไม่ลืมลพบุรี...ธาร ทานตะวัน				
4 พฤศจิกายน 2544 02:26 น.

คำฝาก...ของคนสร้างตึก

จันทร์เพ็ญ จันทนา

ในเมืองแห่งแสงสีที่สดใส
ข้าหม่นหมอง ข้าร้องไห้ ตั้งหลายหน
ในเมืองแห่งความหลายหลากมากผู้คน
ข้าอ่อนแรง ดิ้นรน...จนอ่อนใจ

คิดถึงข้าวเต็มนา ปลาเต็มน้ำ
คิดถึงคลองเคยว่ายดำ น้ำใสใส
คิดถึงบ้านที่ลาร้างมาห่างไกล
คิดถึงใครบางคนที่เฝ้าคอย

ทั้งดินทั้งฟ้า
เจ้าจะรู้ไหมว่า ข้าเหงาหงอย
ชีวิตที่เป็นอยู่ดูล่องลอย
ตัวข้าเล็กกระจ้อยร่อยอยู่กลางกรุง

อยากจะคืนภูมิลำเนา แหล่งกำเนิด
ผืนแผ่นดินถิ่นเกิด และท้องทุ่ง
กลิ่นจำปี มะลิลา หอมจรุง
ฝากความมุ่งหวังไป กับสายลม

ฝากคิดถึงแม่พ่อและน้องพี่
อยู่ทางนี้ ใจจะขาดด้วยขื่นขม
ยังไม่ลืมทุกถ้อยร้อยคำคม
สอนสั่งสมสูงค่ากว่าเงินทอง

ฝากคิดถึงเถาตำลึงที่ริมรั้ว
ทั้งสายบัวสันตะวาในนาหนอง
ฝากห่วงแม่โสนน้อยที่ริมคลอง
ฝากปกป้อง ผักบุ้งน้ำ ตามคันนา

ภาพเจ้าทุยลุยลายยังไม่ลบ
เสียงเขียดกบยังเจื้อยแจ้วให้แว่วหา
หอมควันไฟจากเตาฟืนยังไม่ซา
ยังหวังว่ายังมีหวัง.จึงยังทน

ในเมืองแห่งแสงสีที่สดใส
ข้าหม่นหมองข้าร้องไห้ตั้งหลายหน
ในเมืองแห่งความหลายหลากมากผู้คน
ข้าอ่อนแรง ดิ้นรนจนอ่อนใจ

มีภาพของพ่อแก่ และแม่เฒ่า
คอยปลอบใจให้คลายเศร้าพร้อมก้าวใหม่
ข้าฝากตัวไว้เมืองกรุงที่ศิวิไลซ์
ข้าฝากรักและห่วงใยไว้บ้านนา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจันทร์เพ็ญ จันทนา
Lovings  จันทร์เพ็ญ จันทนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจันทร์เพ็ญ จันทนา
Lovings  จันทร์เพ็ญ จันทนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจันทร์เพ็ญ จันทนา
Lovings  จันทร์เพ็ญ จันทนา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงจันทร์เพ็ญ จันทนา