13 กรกฎาคม 2549 13:08 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
(คน)
นั่งริมน้ำ
แล้วชื่นฉ่ำไอละอองของน้ำใส
มองบึง มองบัว ทั้งดอกใบ
เพื่อสะท้อน พลังใจ ให้ชีวิต
(บัว)
จากโคลนจากตมจากข้างใต้
บัวก็ยังฝันใฝ่ หมาย-มี สิทธิ์
แตกหน่อ ใต้น้ำ ทีละนิด
ออกฤทธิ์ ออกแรง เต็มแรง
เป็นสาย เป็นกอ ก่อเกิด
ด้วยหวังอันประเสริฐ ซึมซับแสง
ไม่หวั่นอุปสรรค ที่แทรกแซง
ความฝันไม่เคยแห้ง จากหัวใจ
อาจไม่ประสีประสา
แต่ก็ยังมุ่งหน้าในฝัน-ใฝ่
ซื่อในแนวทางที่เป็นไป
ตรงในวิธี วิถีเดิม
วิถีเดิมของบัวที่พร้อมบาน
เน้นย้ำอุดมการณ์แต่แรกเริ่ม
ชำแรก แตกกอ ต่อเติม
พูนเพิ่ม สายใย ในสายบัว
จากราก รักราก รักเหง้า
ภาคภูมิพงศ์เผ่าทุกเหง้าหัว
รักตม ดินต่ำที่สร้างตัว
รักโคลนหม่นมัว รักที่มา
(คน)
เรียนรู้จากบัวที่บานแบ่ง
ซึมซับเรี่ยวแรง คุณค่า
บัวงาม รู้งาม รู้ศรัทธา
เติบกล้า รากเหง้า ก็ยังมี
(บัว+คน)
ดอกบัวชูตนให้คนชื่น
พ้นวัน ผ่านคืน สมศักดิ์ศรี
เป็นคน ชูตน เป็นคนดี
แล้วลืมที่มาหรือเปล่าเหง้าของคน?
6 กรกฎาคม 2549 09:31 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ฝนตก ฟ้าร้อง ลมแรง
พายุกร้าวแกร่ง...โหดหิน
ไม้ใหญ่ล้มฟาดแผ่นดิน
ด่าวดิ้น อเนจอนาถ เจียนขาดใจ
สงสารหญ้าแพรก
เจ้าก็แหลก เจ้าก็ป่น หม่นไหม้
หรือชีวิตเจ้าเล็กน้อยเกินไป
เจ้าหัวเราะ เจ้าร้องไห้...ใครจะรู้!
คนเห็นไม้ใหญ่ล้ม
ก็ระดมกำลังเข้ากอบกู้
ประคบประหงมอุ้มชู
ลืมดู ลืมห่วงใย อะไรทั้งนั้น
เพียงหยาดน้ำตา...หญ้าต่ำต้อย
คงเล็กน้อยเกินกว่าใครจะไหวหวั่น
เสียงร้องของคนไม่สำคัญ
โหยหวน พร่าสั่น สะท้านใจ
สะท้านใจ แต่ก็ไม่สะท้านป่า
เจ็บปวดก็ก้มหน้า เพียงร้องไห้
สะท้อนเรื่องสะท้อนภาพ กับทุกข์ภัย
เก็บเป็นความน้อยใจ...ใจน้อยน้อย
เช็ดคราบน้ำตา
เชิดหน้าขึ้นเถิด ความต่ำต้อย
"เรื่องราว" เดี๋ยวก็เป็นเพียง "ร่องรอย"
จะเศร้าสร้อยต่อไป ทำไมกัน
มองดูรอบรอบข้าง
ใช่เจ้าจะอ้างว้าง...อย่าไหวหวั่น
เป็นหญ้าแพรกต้นน้อย...ก็สำคัญ
เพราะหญ้าแพรกด้วยกัน...เท่านั้นที่รู้!
4 กรกฎาคม 2549 14:18 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
หลายครั้ง...
ชีวิตอยู่กับความหลัง ในวันเก่า
อยู่กับภาพ ในใจ ในวัยเยาว์
เป็นม่านเงา อีกมิติ ของชีวิต
วันนั้น เมื่อทำอะไร
อาจจะไม่เข้าใจว่าถูกผิด
แต่วันนี้ เมื่อไตร่ตรอง มองและคิด
เคารพทุก ความถูกผิด ที่ผ่านมา
เป็นความจริง ความจำ ถึงความใส
แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ แต่มีค่า
ผ่านความหมายวันวาน ผ่านเวลา
จึงติดตรา และติดตรึง ถึงวันนี้
คิดถึงวันวาน...
ที่วิ่งเล่นเบิกบาน อย่างเต็มที่
จากสนามกว้างสะอาด อากาศดีดี
แต่วันนี้ต้องวิ่งตาม สนามชีวิต
3 กรกฎาคม 2549 18:26 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
แต่เช้าจนค่ำ...
พบเจอกันประจำ พร้อมแสงจ้า
ตะวันรุ่ง ตะวันแรง ตะวันลา
ตะวันล้า บ้างไหม ในบางวัน?
เธออุ่นแสง อาบส่อง ต้องชีวิต
เธอเป็นมิตร ผู้ให้ ไม่ไหวหวั่น
อยากจะรู้ในดวงตากล้าแกร่งแกร่งนั้น
เธอซ่อนฝัน อะไรไว้ บ้างไหมนะ!
นานแค่ไหน เธอได้เห็น ความเป็นอยู่
การกอบกู้ ริเริ่ม เสียสละ
การแก่งแย่ง ต่อสู้ ประทุ-ประทะ
ชัยชนะ และพ่ายแพ้ แต่ละยุค
หรือเธอเห็นจนชาชินสิ้นสงสัย
เมื่อโลกยังเป็นไป ทั้งโศก-สุข
รู้สึกร้อน-หนาวไหม ยามใครทุกข์
รู้สึกสนุกบ้างไหม ในบางที
หรือเมื่อรักเป็นตะวันอันยิ่งใหญ่
ต้องรับได้ เต็มพันธะ และหน้าที่
เป็นตะวัน ให้ได้...และให้ดี
สมศักดิ์ศรี สมภาระ แห่งตะวัน
คงเป็นความธรรมดา ประสาชีวิต
ไม่ใช่ความ ถูก-ผิด...เพียงพลิกผัน
เปลี่ยนแปลง คือคุณค่า แห่งสามัญ
ไม่ยึดตึด ไม่ตีบตัน...ไม่ตื่นตาม
......
ดวงตาแห่งความเข้าใจ...ในชีวิต
ไม่ใช่ความถูกผิด เพียงเปลี่ยนผัน
ซึมซับความธรรมดา ในสามัญ
ไม่ยึดตึด ไม่ตีบตัน...จึงเติบโต!
3 กรกฎาคม 2549 14:03 น.
จันทร์เพ็ญ จันทนา
ซ่าซ่า ซู่ซู่...นั่งดูฝน
แล้วก็ดลหัวใจ ให้ฉ่ำฝัน
คิดถึงเหลือเกิน...ภาพวานวัน
ที่ทุกภาพ ยังผูกพัน ถึงวันนี้
บ้านทุ่ง ริมท่า ท้องนาไร่
คูคลอง น้ำใส ที่ไหลปรี่
กล้างาม - งามกล้า เขียวขจี
เมื่อได้ฝน แต่ละที แสนดีใจ
แตกกอ หน่อกล้า ผงาดแกร่ง
เสริมแรง สร้างรวง กันยกใหญ่
เด็กน้อย บนคันนา ยอมเดินไกล
เอาปิ่นโตไปส่งให้...ใครหลายคน
ใครหลายคน...หลังอาบฟ้า หน้าอาบฝัน
เพียรบากบั่น ไม่หวั่นไหว ในแดดฝน
ลูกต้องไม่ลำบาก ไม่ยากจน
ตั้งใจเรียน ตั้งตน นะลูกนะ!
ทำนา ทำไร่ มันไม่แน่
ฟ้า-ฝน จะดี-แย่ ใครรู้ล่ะ
กว่าหนี้สินจะหมด ปลดภาระ
กินเงินเดือน ดีกว่าน่ะ...ดีกว่ากัน
เสียงพ่อแก่ แม่เฒ่า เฝ้าสั่งสอน
เจ้างามงอน ก็เติบงาม เดินตามฝัน
กล้าก้าว ฟันฝ่า กล้าประชัน
ในเวทีการแข่งขัน ของชีวิต
จากทุ่ง เถื่อนท่า มาเมืองหลวง
ภาพพ่อแม่ ห่าง แต่ ห่วง ยังตามติด
กลางกรุง กล้าน้อย กระจ้อยนิด
ยังคงคิด คำนึง ถึงป่า-นา
กล้ากับกรุง แม้บางครั้ง อาจดูขัด
กล้าเจ้าก็แจ่มชัด ในคุณค่า
มีตัวตน กับหน้าที่ และศรัทธา
มีหัวใจ ที่แจ่มจ้า กำลังใจ
มองฝน ซู่ซู่ อยู่ในเมือง
เห็นฝัน มลังเมลือง อยู่เต็มใฝ่
รักฝน รักฝัน สุดหัวใจ
ฝน-ฝัน ที่นั่น-ที่ไหน...สุข เหมือนกัน