17 มิถุนายน 2552 13:26 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
.. งานทดลอง
เก็บตกบันทึกสั้น จับมารวมกัน
เผื่อจะเป็นเรื่อง
หรือที่ระหว่างบรรทัด
อาจจะเกิดเรื่องใหม่ ในใจท่านผู้อ่าน
ความเรียงหนึ่งบรรทัด
ผูกภาพที่เห็นตามรายทางชีวิต
คิดเป็นนิยายกระพร่องกระแพร่ง
-------
เธอแน่ใจได้ ความรักจะไม่หายระหว่างทาง
รอยยิ้มนั้นจะช่วยคลายทุกข์
ความฝันของฉัน มีสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้จักด้วย
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เหลือเพียงเรื่องหลังให้คำนึง
จดหมายของเขา เขียนเรียงได้เหมือนอย่างบทกวีที่สวย
ถ้ากินกลิ่นไม่ทัน ก็หันไปโทษลม
เด็กผู้หญิงจูงตุ๊กตา เดินทางไปทั่วโลก
ถ้าอยากจะหัวเราะ ก็เพียงหันหน้ามาหาเรา
17 มิถุนายน 2552 04:36 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
เห็นเขาเขียน series "อ่อน" มาห้าหกกลอน มาสาย แต่ขอด้วยคนนะครับ
โอ้อกเอ๋ยแสนอาวรณ์ยาม ..อ่อนตัว
ก็เพราะเรานั้นเขลามัว แค่เครียดขึ้ง
ขุ่นขัดข้องหมองใจหมาย สุดท้ายจึง
ไม่ปั๋งปึ๋ง ปึงปังดังก่อนมา
เดินหมายมุ่งพุ่งไปร้านหมอตี๋
หวังเต็มที่มุ่งหมาย "วัยอาก้า"
ที่เห็นเขาโปรโมท โฆษณา
ว่าดีนักดีหนาถ้าได้ลอง
หมอตี๋ขายให้มา ห้าเม็ดพัน
เม็ดละวันก็พอชอบตอบสนอง -
อาการอ่อนระทวยช่วยประคอง
บอกว่าของเขาดีจริง นิ๊งจริงคุณ
กลับมาบ้านหยิบงานมาทำต่อ
วุ่นจริงหนอทำให้ใจเคืองขุ่น
ปวดหัวแปลบแทบระเบิดเปิดเป็นจุณ
หันหันหุน กินพาราฯ แก้อาการ
กินสองเม็ด ยังไม่หายไม่คลายลง
ปวดยังคงอยู่ในหัวมหาศาล
ตามอีกสองเม็ดเข้าไปไม่ทันนาน
แล้วรวบงานเก็บเอาไว้ให้ไกลตา
นั่งพักผ่อนถอนใจได้สักครู่
แล้วจู่ๆ สะดุดใจอะไรหว่า
ทิพยอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา
แข็งกระด้างดังศิลา ประหลาดใจ
เอะใจ หยิบถุงยาขึ้นมาดู
แล้วก็รู้ถึงเหตุอาเภทใหญ่
กินยาผิด โอ้กรรม จะทำไง
แทบร้องไห้ วัยอาก้า เหลือเม็ดเดียว
จะล้วงคอขย้อนอ้อก ไม่ออกได้
เพราะคอ "แข็ง" เกินไปใจฉันเหี่ยว
จะเดินไปก็ล้มภายในก้าวเดียว
ไม่เฉลียวว่าขาแข้ง "แข็ง" เกินไป
จะหลับตาปลงกรรมทำชิวิต
ไม่อาจปิด ตาที่"แข็ง" ไม่แข่งได้
จะเปิดขวดสุรามาย้อมใจ
ตับก็"แข็ง" เกินไปไม่อาจกิน
โอ้ ใครก็ได้ช่วยผมด้วย
ถึงคราวซวย ทั่วทุกแห่งแข็งเหมือนหิน
สุดจะร้องบอกใครให้ได้ยิน
เพราะว่าลิ้น "แข็ง" เกินไป ไม่อาจร้อง
จึงขอเตือนเพือนชายในทั่วหล้า
อย่าเอาเรื่อง"อ่อนตัว"มารกสมอง
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปในครรลอง
เพื่อไม่ต้องทุกข์ตรมอย่างผมเอย
15 มิถุนายน 2552 13:02 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
คร่ำครวญคิดจิตคะนึง คืนหนึ่งค่ำ
คอยแต่คิดจิตใจจำค่ำคืนหนึ่ง
ค่อยแค่คอยน้อยเพียงคำ ไม่คำนึง
คอยคำซึ้งว่าคิดถึงเพียงหนึ่งคำ
เนิ่นนานเนิ่นมิใช่น้อยคอยคำรัก
น้อยใจนักเหนี่ยวใจรานนานมิหนำ
แค่คำน้อยปล่อยรอเปลืองไม่เนื่องนำ
นี่หรือน้ำใจน้องน้อยให้คอยนาน
เหงาหงอย เฝ้าคอยคนเคยข้างเคียง
สดับเสียงกระซิบซึ้งซึ่งคำหวาน
คิดถึงครั้งเคยเคียงคู่อยู่เนานาน
หวั่นเธอหว่านคำหวานใช้ ให้ทุกชาย
คนึงนิจจิตคำนึง คืนหนึ่งค่ำ
ใจเจ้ากรรมคิดคำนึงซึ้งใจหาย
หนักใจวาบอาบไหวใจจะวาย
ขอได้ไหม คำคะนึงเพียงหนึ่งคำ
12 มิถุนายน 2552 12:26 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
จากความเดิมตอนที่แล้ว..
คุณ ใจปลายทาง เขียนถามว่า ใจแข็งพอไหม ในหัวเรื่อง "ถ้าจะไปก็ขอให้ไปไกลกว่าฯ" จึงขอตอบเป็นกลอนไว้ ณ ที่นี้ครับ
คนใจแข็ง ขอชี้แจงแถลงไข
ว่าเหตุไหนเพราะอะไรจึงใจแข็ง
ใจเคยเต้นได้ดีมีสีแดง
เมื่อขาดแล้งน้ำใจลับ จึงกลับกลาย
เคยใจอ่อนก็เปลี่ยนไปเป็นใจกร้าน
เคยอ่อนหวานก็เปลี่ยนไปจนใจหาย
เคยใจเย็น กลับร้อนผ่าวเผาละลาย
ที่ไม่เคยใจร้าย ก็กลายเป็น
ไม่โทษเธอที่ทำให้ใจฉันเปลี่ยน
เป็นบทเรียนที่ยากแค้นและแสนเข็ญ
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ใจเย็น
ก่อนจะเค้นคำขอให้ ..เธอไปดี
ไปลับแล้วคนใจแข็งคงแรงหมด
น้ำตารดท่วมในหัวใจนี่
ทรุดลงกองกับสองเข่าเศร้าชีวี
พอกันที ที่ใจแข็งแค่แกล้งทำ
12 มิถุนายน 2552 05:40 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ส่วนตัวผมอ่านผู้ชนะสิบทิศแล้ว
ตีความ "ด้วยใจภักดิ์" ว่า คือรักที่มั่นคง รักบูชา แบบคนในฐานะต่ำต้อยมองสูงขึ้นไป และถ้ามีวาสนาได้รักก็จะภักดี และ ตีความ "ภักดี" ในแง่ไม่ได้เสื่อมคลายรัก แต่มิใช่ภักดีที่จะมีรักเดียว (ทั้งนี้ก็ตามประสาชายเจ้าชู้ในนิยาย)
"ด้วยใจปอง" จะเหมือนกับ รักอยากได้มาครอง อยากพิชิตใจ และ มีนัยในการแข่งขัน กับศัตรูคู่ศึก และศัตรูหัวใจ
จึงแต่งกลอนออกมาดังนี้ครับ
"ด้วยใจภักดิ์" คือรักสลักมั่น
ไม่แปรผันแน่นอน ไม่ห่อนหาย
ไม่ลดรักลดรา กว่าจะตาย
ชีพไม่วาย รักทั้งหมดไม่ลดลง
ให้ถามได้ทุกเวลาว่ารักไหม
ก็ตอบได้ทุกเวลาว่ารัก-หลง
"ด้วยใจภักดิ์" คือรักที่มั่นคง
เจตน์จำนงประจักษ์ใจไม่บางเบา
เป็นความเศร้าลึกที่สุดไม่หยุดได้
เมื่อในใจพบเจอ ว่าเธอเศร้า
และที่ทำเธอช้ำหรือ คือใจเรา
ที่มันเร้า ริแต่รักไม่หักวาย
โอ้ตัวกู ผู้ชนะมาสิบทิศ
ไม่เคยคิดจะพ่ายแพ้แค่ง่ายๆ
กลับพ่ายแพ้แก่ใจนี้ที่ในกาย
จนทำร้าย จันทรา ที่ข้ารัก