30 มีนาคม 2552 12:24 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
นักดนตรีเหงื่อตก
บรรเลงเพลงอยู่เพียงตัวโน๊ตเดียว
เครื่องดนตรีคือ ฆ้อน ทั่ง และเหล็กร้อน
-- ไพเราะ แรงงาน
เป้ง เป้ง เป้ง
29 มีนาคม 2552 11:31 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
รับรู้ลม
เอาหน้าผากแตะกิ่งไม้ของต้นไม้
รับรู้ลมที่พัดผ่านดอกไม้
จากที่ดอกไม้มันบอก
-- ปลายจมูกชี้ชัน
ลมพัดปอยผมปลิวไหว
ท่ายืนเธอ กอดอก
เช่นนี้ ไม่ต้องแตะต้อง
.. ฉันก็รับรู้ลม
29 มีนาคม 2552 11:28 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
เธอมิได้มีหน้ามีตากวี
แต่เธอหยุดตากวีไว้ที่เธอได้
กวีเห็นโลก
จากวิธีที่เธอมองโลก
และเงาสะท้อนจากโลกสู่ตาเธอ
กลับส่องสะท้อนความเป็นเธอ
-- แหล่งน้ำมีเพียงน้ำน้อยๆ
เราก็มองเห็นเป็นทะเลสาบได้
เพราะเรารักทะเล มหาสมุทร
28 มีนาคม 2552 23:51 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ร้องไห้เถิดยอดมิตร ถ้าคิดจะร้อง
เธอไม่ต้องกลั้นไว้ เพื่อใครทั้งสิ้น
น้ำตานั้นมีค่าเมื่อไหลบ่าระริน
ช่วยล้างใจให้สิ้น ที่ทุกข์ตรมตรอม
การร้องให้ บอกว่าใจเรายังมีค่า
จึงต้องใช้น้ำตา หลั่งมาถนอม
เจ็บเหมือนยาใส่แผล แน่แท้จำยอม
บอกโดยอ้อม ว่าใจนี้ ยังมีราคา
เพื่อวันพรุ่งรุ่งเช้า เรานั้นจะตื่น
ด้วยดวงใจ สดชื่น เปี่ยมด้วยคุณค่า
พร้อมพบรักที่ดี กว่าที่ผ่านมา
เพราะว่าเรารู้ค่า ราคาใจเรา
อันนี้ ลองเขียนตอบกลอน น้ำตาฝน นะครับ
28 มีนาคม 2552 13:25 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
เหมือนฝน แต่ไม่ใช่ฝน
เม็ดน้ำมันช้า มันละเอียดโรยละออง
มันไม่ชัดแต่ใช่
ทำให้ที่มืด สว่างเรืองด้วยแสงสะท้อนน้ำฟ้า
-- เหมือนฝนแต่ไม่ใช่ฝน
มันป็นฝัน
มันเป็นฝนปนฝัน และมันปันฝน