13 กรกฎาคม 2552 15:27 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
คิดว่าทุกคน คงรู้จักกลอน "เสียเจ้า" ของท่านอังคารแล้วนะครับ บางท่านอาจจะท่องขึ้นใจได้ทั้งบทเสียด้วยซ้ำ คงไม่ต้องลงฉบับเต็มให้อ่านนะครับ วรรคในเครื่องหมายคำพูด คัดลอกมาจากกลอน เสียเจ้า ของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์
เขียนขึ้น ตามการตีความของผมเอง ต่อกรณีที่บางคนบอกว่า นี่เป็นกลอนรัก มากกว่ากลอนช้ำ บางคนไม่เห็นว่า เป็นกลอนรักที่ตรงไหน ลองอ่านดูนะครับ
หากความอ่อนด้อยฝีมือกลอนของผู้เขียน และการตีความที่อาจจะผิดจากเจตนารมณ์ของท่านกวี ทำให้กลอนครูต้องหม่นหมองลง ผู้น้อยก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ นะครับ
อ่านกลอน -เสียเจ้า- ในคราวนี้
ร้าวฤดีดาดประดัง กว่าครั้งไหน
เมื่อถึงคราวต้องเสียเจ้าไปจากใจ
กลอนอย่างไรใจอย่างนั้น ในวันนี้
....
"ราวร้าวมณีรุ้ง"
เมื่อใจมุ่ง รักดังแก้วแววสดศรี
เห็นรุ้งเพริศพรรณรายในมณี
แต่รุ้งกลับดับทันทีเมื่อสิ้นกัน
"ซบหน้าติดดินกินทราย"
ต้องฟูมฟาย โหยไห้ใจสะบั้น
ต่ำสุดแล้วครั้งนี้ในชีวัน
เกลือกหน้านั้นกับทราย ทุรายทุรน
"จะเจ็บจำไปถึงปรโลก"
เมื่อความโศก ติดตามไปในทุกหน
แม้สิ้นแล้วชีวิตนี้ที่เป็นคน
ก็ไม่พ้นความโศกซึ้งถึงวิญญาณ
"ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย"
ประทับกายประทับใจ ไปทุกด้าน
รอยโศกตรึง ซึ้งสุดท้อทรมาน
หมื่นวันผ่าน ไม่จางหายไม่คลายลง
"แม้แต่ธุลีมิอาลัย"
ยังจำได้แม้ป่นเป็นเช่นผุยพง
เพราะแค้นนัก รักที่สุดมาหยุดลง
ยังมั่นคงความเจ็บแค้นที่แน่นใจ
"จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา"
ยังดีกว่าต้องเห็นเจ้าเข้ามาใกล้
ไม่ครณา แม้ตาบอดตลอดไป
โลกกว้างใหญ่ให้มืดมิดสนิทนาน
"ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า"
ไร้คุณค่าต่ำติดดินถิ่นสถาน
เพื่อโดนหยามซ้ำเหยียดเกลียดทุกกาล
เพื่อเป็นการเติมช้ำ ย้ำ ซ้ำเติม
"เพื่อจดจำพิษช้ำนานา"
สมทบมา เติมตรงส่งเข้าเสริม
ความเจ็บนี้ไม่มีเบา จะเท่าเดิม
เพราะมันเพิ่มเติมทุกข์ใส่ไปทุกวัน
...
อ่านกลอน "เสียเจ้า" ในคราวนี้
จึงรู้ที ที่ความแค้นแน่นใจฉัน
และต่ำต้อยน้อยใจไปพร้อมกัน
ความอัดอั้น ที่จุกอกสะทกสะเทือน
แต่ก็ยังมีอาวรณ์แอบซ่อนอยู่
ใครไม่รู้มองผาดอาจไม่เหมือน
สองคำในชื่อกลอนมาย้อนเตือน
กลับกลบเกลื่อน ช้ำทั้งหลายที่ร่ายมา
คำ "เสียเจ้า" บอกเศร้าใจอาลัยนัก
ยังบอกถึงความรัก แสนหนักหนา
โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยเผยวาจา
แค้นเท่าฟ้า รักเท่าไหนให้คิดดู
8 กรกฎาคม 2552 09:49 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
เป็นตอนต่อ ของ แก้มตอบ - ขอหอมฯ นะครับ
ลองติดตามตอนต่อไป
ถ้าไม่ช้ำดวงฤดีถึงที่สุด
คงไม่หยุด ยั้งไมตรีที่มีให้
ถ้าไม่ช้ำรันทดหมดหัวใจ
คงจะได้ปลูกสวนหอมไปพร้อมนาง
อาจเก็บเกี่ยวเหนี่ยวเนื่อง เรื่องหอมๆ
เข้าใส่อ้อมอุ่นทรวงใน ไม่เมินหมาง
หอมตรงนั้น หอมตรงนี้ทุกที่ทาง
ทุกก้าวย่างหอมเย้าทุกเช้า-เย็น
แต่เสียดาย มาสายไปใจตายแล้ว
หมดสิ้นแววสดใสให้ใครเห็น
ชัดรอยช้ำย้ำนิยามความลำเค็ญ
ใจเน่าเหม็น ไม่เห็นหอมยอมเอกา
คงปลูกได้แค่นี้หนอ กอ"ระกำ"
เพื่อตอกย้ำว่าช้ำโศกสุดโลกหล้า
หากน้องสาวบังเอิญเดินผ่านมา
ระวังหนา หนามระกำจะตำใจ..
8 กรกฎาคม 2552 09:45 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ดูหนังจีนเรื่อง The king of mask
ท่านผู้เฒ่ารำพึง ยามตกอับ
เลยขยับเป็นกลอนลองดูครับ
หนังดี search youtube ดูได้นะครับ
"เมื่อมังกรติดแห้งแหล่งน้ำน้อย
แค่กุ้งฝอย ก็ยังรังแกได้
เมื่อเสือพรากจากป่าออกมาไกล
สุนัขไล่ข่มขู่ไม่รู้เกรง"
รำพึง ผู้ยิ่งใหญ่ในกาลก่อน
สะท้อนถอนยามอับจน คนข่มเหง
ห้ามไม่ได้ น้ำตาไหลออกมาเอง
ร่ำบรรเลงเป็นเพลงหม่น คนถูกลืม
6 กรกฎาคม 2552 15:26 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
และแล้ววันร่ำลาก็มาถึง
หมดแล้วซึ่งแรงพลังจะรั้งไหว
คงต้องปล่อยไปตามกรรม ทำใจไป
เป็นอย่างไรก็ให้เป็น ไม่เห็นตาย
คอหยักๆ ให้คนเห็นเป็นคนอยู่
แต่ไม่รู้ถึงข้างใน ว่าใจหาย
เมื่อเธอทำเจ็บแสบแทบวอดวาย
ไม่อาจหมายรั้งให้อยู่ดูน้ำตา
จะจากไปจงเอาใจฉันไปด้วย
ถ้าสงสาร วานให้ช่วยเก็บรักษา
ไม่สงสาร ..ไม่ว่าหาก อยากขว้างปา
ใจไร้ค่า ปาทิ้งไปไกลๆเลย
ใจเจ้ากรรม ริแร่หาแต่รัก
รำคาญนักรักแต่เขาเฝ้าเฉลย
ไม่เคยได้น้ำใจมอบตอบมาเลย
เจ็บอย่างเคย คราวนี้หมดความอดทน
แต่ขอรักฉันคืนมาจะได้ไหม
รักยิ่งใหญ่เสมอแม้ แพ้ทุกหน
งามสง่า แม้ว่าเปื้อนน้ำตาปน
รักค่าล้น แม้สิ้นไร้ใครเหลียวแล
6 กรกฎาคม 2552 14:24 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
เป็นตอนต่อ ของกลอน "แก้มตอบ" นะครับ
เขาบอกว่า.. ดวงตาเป็นหน้าต่าง
เป็นเส้นทางไปสู่ใจ ..กล่าวไม่ผิด
แต่หากสบแล้วหลบตาพามิดชิด
คงต้องคิดหาทางใหม่ ให้ใจเดิน
แก้มไม่มีที่ปิดบังดังดวงตา
แถมยังแดงดีหนักหนาเวลาเขิน
ได้เยี่ยมมองทุกคราอุราเพลิน
ดังชวนเชิญ ให้จมูกปลูกสัมพันธ์
ขอหอมใหญ่ ให้ใจได้มีแรง
ขอหอมแดง เรื่อใสหวามใจฉัน
ขอหอมซอย บ่อยเนืองๆอย่างเคืองกัน
ขอแบ่งปัน หอมเธอหน่อยนะกลอยใจ
แต่หอมน้อง ในครั้งนี้อาจมีพิษ
ในใจจิตพี่พะวงคิดสงสัย
ถ้าหอมน้อง เที่ยวแจกจ่ายชายทั่วไป
พี่อาจต้องร้องไห้ ระคายระคาง
เขาว่ามีรักหลอกเหมือนปอกหอม
ต้องตรมตรอม เสียน้ำตาออกมาบ้าง
เพื่อจะพบ ความเปล่าไร้ที่ใจกลาง
ได้สองอย่าง น้ำตาเล็ดและเศษหอม