19 กรกฎาคม 2553 12:41 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
รางคืนคิดขมขื่น อยู่ค่อนคืน
รฤกชื่นคืนจันทร์คล้าย ครั้งฉายฉาน
รตีรุม กลุ้มกลุ้มกลัด รัตติกาล
รำเพยผ่าน กาลวิโยค ซึ้งโศกครวญ
ร่ำเพลงรักเพียงในใจไหวริกๆ
เพียงลมพลิก ใบไม้ไหวก็ไห้หวน
คิดลึกคิด ปั่นป่วนปั่นรื้นรัญจวน
คล้ายคร่ำครวญ หวนไห้ห่ม ตรมตรมตรอม
โอ้เอ๋ยใจ ..กระไรใจไร้คนรอ
เราก็หนอ ถนอมเนาว์เฝ้าถนอม
ยอมเจ็บปวดรวดร้าวเหงาเราก็ยอม
เกินจะกล่อม จะย้อมใจให้แนบนอน
ความคิดถึงมันร้าวรานปานฉะนี้
ไม่รู้ที่ทุเลาได้ เพียงถ่ายถอน
พะวงหลงพะวงหาเปี่ยมอาวรณ์
ดั่งกองฟอนร้อนสุมรุมรุ่มกลุ้มกาย
ไฟอะไรไม่สู้ได้ ไฟรักรุม
ระเริงร้อนรอนรักรุ่ม แรงเหลือหลาย
ระรานเพียงเยี่ยงว่าจะ กระอักตาย
ร้อนไฟร้ายรักไฟรุม กลุ้มใจเรา
แต่เธอเอย เคยบ้างไหม จะไหวหวั่น
กับคืนวันที่ผ่านไปเมื่อไม่เหงา
เธอพร้อมเพื่อนเกลื่อนทุกวันไม่บันเบา
เราหรือเฝ้า มองจันทร์ฉายไม่ได้นอน
จันทร์ก็ฉาย ประสาจันทร์วันยังค่ำ
คนคิดถึงเป็นประจำก็ไม่ถอน
วอนฝากจันทร์ประจำไป ใจอาวรณ์
ฝากคำกลอนวอนยอดมิตรให้นิทรา
อยากให้เธอหลับสนิทจิตสงบ
ให้ได้พบสบฝันอันปรารถนา
ส่วนคนเหงาก็ให้เป็นเช่นเป็นมา
สุขแล้วหนาแค่ได้เหงาในเงาเธอ
ด้วยรักคงมั่น ด้วยฝันคงมี..
ฝันอย่างนี้ จวบประจำสม่ำเสมอ
ทุกข์ปนสุข จริงปนฝันฉันละเมอ
ไม่กลัวเก้อ เพ้อเพียงกลอนมาอ้อนกัน
25 มีนาคม 2553 22:08 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
เหมือนจะใช่คล้ายจะชอบมอบใจให้
แต่ก็ไม่ ..เหมือนจะแหนงแคลงใจอยู่
หวาดสะทกอกสะท้อน ย้อนมองดู
ไม่อาจรู้เธอมีใจหรือไม่มี
บางวันดี เป็นที่รักหนุนตักเย้า
มองตาเราหวานเยี่ยมเปี่ยมสุขขี
ช่างฉอเลาะเจรจา พรอดพาที
เอมฤดี รักกำเริบเอิบอาบทรวง
บางวันร้ายไม่มีใจก็ไม่หวาน
ร้างริดราน ไร้สิ้นแล้วแววตาหวง
คำ คำนึง น้อยคำหนึ่ง ถึงต้องทวง
หวานทั้งปวง ล่วงมลายคล้ายเงาเลือน
เธอไม่หมายจะสานต่อก็รับได้
แต่ว่าคล้ายยังรักอยู่ ก็ดูเหมือน
อยู่อย่างนี้เห็นทีฉันจะฟั่นเฟือน
ต้องคอยเตือนสติตั้ง รั้งชีวา
..จะรักจริง ..จะทิ้งไป ให้เธอคิด
รู้สักนิด ว่าเธอทำบาปกรรมหนา
ที่รักเล่น เช่นลวงเล่ห์ ฆ่าเวลา
รู้ไหมว่า มันเจ็บแสบแทบ ฆ่าคน
21 กุมภาพันธ์ 2553 00:10 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
ประทับใจเพลง Everybody wants to go to heaven ของ Kenny Chesney ตรงท่อนสร้อยที่ว่า
Everybody wants to go to heaven, but nobody wants to go now.
ลอง search หาฟังกันได้ เป็นทำนอง เร็กเก้ สบายๆ ครับ
ถามคนดี กี่คนหรือกี่ราย
ทุกคนหวังเมื่อตาย ขึ้นสวรรค์
แต่พอถาม ไปเลยไหมไปโดยพลัน
ทุกคนนั้น ไม่อยากไปในทันที
มองให้ดีมีประเด็นให้เห็นคิด
ถึงสวรรค์ ที่ในจิตคนเรานี่
เหมือนเป็นที่สุดจะเลิศประเสริฐดี
แต่โลกนี้ ยังดึงหลังให้รั้งรอ
โลกใบนี้ก็มีดีของมัน
เป็นสวรรค์ ที่มีให้ไม่ต้องขอ
พร้อมเพื่อนพ้องพี่น้องญาติ ดาษพะนอ
ร่วมถักทอต่อเติมฝันทุกวันคืน
และเมื่อหากแม้วันไหนหัวใจทุกข์
"ความหวัง"ปลุกเราได้ให้แช่มชื่น
เป็นกำลังดั่งเติมไฟให้กองฟืน
ชีวีชื่น ฟื้นทุกหนไม่ทนนาน
โลกมี"รัก" เอิบอาบไล้ในดวงจิต
ในทุกทิศด้าวแดนดินถิ่นสถาน
และมี่ที่เหนืออื่นใดไร้เปรียบปาน
ก็คือ"บ้าน" หลังเก่าเราเติบกาย
ยังทะล ท้องฟ้า และป่ากว้าง
จันทร์กระจ่าง ตะวันจ้ากลางฟ้าฉาย
ดาวเต็มฟ้า พร่างระยิบพริบๆพราย
ชื่นพระพายโชยชื่น รื่นอุรา
ยังมีเพลง ดนตรี คีตการ
สอดประสานสรรพศิลป์ ในถิ่นหล้า
หนังสืองาม ความรู้เรียน เพียรตำรา
นักภาษา เพลินเขียน-อ่านงานกวี
สวรรค์ไม่ได้อยู่บนฟ้า-โลกหน้าไหน
สวรรค์อยู่ในใจ ในอกนี่
ถ้าไม่หาคงไม่เห็น เร้นฤดี
หาเดี๋ยวนี้ หาที่นี่ หาที่ใจ
10 กุมภาพันธ์ 2553 12:17 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
หากบอกว่าคิดถึง จะซึ้งไหม
บอกมาจากหัวใจชายช่างฝัน
ร่อนเร่พเนจร นอนกลางวัน
เพื่อดูจันทร์ ข้ามฟ้าทั้งราตรี
ดื่มกินความคิดถึงจนซึ้งซาบ
อิ่มเอิบอาบไอพระจันทร์อันสดสี
ฝากจารึกลมหายใจในบทกวี
ไม่ยึดติดชีวิตนี้ กว่าที่เป็น
ไม่ฝืนฝันจะยิ่งใหญ่กว่าใครอื่น
ไม่ฝ่าฝืน สร้างราคากว่าที่เห็น
กตัญญูรู้ค่าความลำเค็ญ
มีพระจันทร์วันเพ็ญ เช่นรางวัล
ตัวตนนั้น แน่แท้แค่มายา
มีขึ้นมาแล้วสลาย คล้ายความฝัน
จะจริงจังกับมันไปทำไมกัน
ชีพแสนสั้น มันก็คล้ายดอกไม้บาน
บานชั่วครู่แล้วก็โหยโรยกลีบร่วง
สุดจะทวงวันชื่น คืนแสนหวาน
ความสวยเกิดแล้วก็ลับไปกับกาล
ที่อยู่นาน คือดอกไม้ในใจคน
อยากให้รักเบ่งบานในใจของเธอ
จึงเสนอ "ให้ความรัก" อีกสักหน
ที่เคย"ขอความรัก" มักอับจน
มิ่งกมลจะรับไหม ใจปอนๆ
ไม่รับไว้ก็ไม่เห็นว่าเป็นทุกข์
ฉันยังสุข ยิ้มร่าหน้าสลอน
ไร้ที่ไปก็ให้เร่พเนจร
ไม่ทุกข์ร้อน ยังเริงร่ายว่ายแสงจันทร์
หากบอกว่าคิดถึง ไม่ซึ้งพอ
ใจไม่ท้อ ขอสุขแต่แค่ในฝัน
ความรักให้ไปแล้วก็แล้วกัน
ดอกไม้นั้นบานในใจไม่เคยโรย
4 กุมภาพันธ์ 2553 14:41 น.
คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
สงสัยทำไมสาวๆชอบหนังพวก twilight, new moon นัก
เขาว่าพวกแวมไพร์มัน sexy
ผมก็ว่า พวกแวมไพร์ ตัวซีดๆ ผอมๆ ตาโหลๆ
มัน sexy ที่จรงไหน
เลยลองเขียนดูครับ
เป็นบทอัศจรรย์แบบแวมไพร์ หรือไม่ อ่านเอาเอง.. หุ หุ
เธอเข้ามาทางหน้าต่างในกลางดึก
ฝากจารึกรอยเขี้ยวนี้ที่คอฉัน
ดื่มเลือดฉ่ำ ชำแรกแทรกกายกัน
บัดเดียวนั้นพลันรอยกัดก็รัดรึง
ใกล้จะเป็นแวมไพร์กระหายเลือด
ดังดุเดือด หัวใจร้องปองคิดถึง
อยากพบอยากเจอเพ้อคะนึง
รอยกัดซึ่งเธอกัดไว้คล้ายไฟลน
มันเต้นตุบเร็วกว่าใจไวกว่าห้าม
อยากจะตามแต่แวมไพร์ไปทุกหน
ไม่อยากแล้วไม่อยากอยู่เป็นผู้คน
เลือดไหลหลั่งคั่งข้นล้นออกมา
..ใช้มือ ปิดไว้เอาไม่อยู่
ไม่อาจสู้ จิตมุ่งมาดปรารถนา
ไหวสะทกอกสะท้านรานอุรา
จิตใฝ่หา หวนละเมอที่เธอทำ
เอานิ้วแตะรอยแยกชำแรกกัด
มันรุมรัดเร้ารึงถึงถลำ
หิวกระหาย เขี้ยวเขื่องเนื่องจำนำ
ดังตอกย้ำ รอยที่คอนั้นรอคอย