5 เมษายน 2554 09:07 น.

ดั่งบินร่อนอ่อนแรงในแสงจันทร์

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน





.. นี่แหละคนเขียนกลอนผู้อ่อนไหว

เพียงลมกวัดกิ่งไม้ไกวก็ใจอ่อน

ใจร้าวรวดยังซวดเซพเนจร

ดั่งบินร่อนอ่อนแรงในแสงจันทร์


  เคยวาดหวัง มีคู่เคียงเผดียงหวัง

กระซิบสั่งฟังสำเนียงเสียงสุขสันต์

ให้กายใกล้ ให้ก้อยเกี่ยวก้อยเดียวกัน

ใกล้แค่นั้น.. มันช่างไกลจนใจราน


  เห็นใครที่เขามีรักสมัครสุข

ไม่มีทุกข์เมื่อรักสมานสาน

ส่วนเราแสนเก่งกาจวาดวิมาน

ที่แสนหวาน อยู่ในที่ไม่มีจริง


  คนช่างฝันก็สุขแต่แค่ในฝัน

สรวงสวรรค์หลอกฤดีดังผีสิง

หลอกว่าใจจะได้มีที่พักพิง

แต่ก็ทิ้งให้แสนเศร้าเฝ้าตราตรึง


  กอดได้แต่แค่ในฝันมันไม่อุ่น

อยากกอดคนเคยคุ้นที่คิดถึง

บอกรักได้แต่ในฝันมันไม่ซึ้ง

ร่ำรำพึงรำพันเหงาเฝ้าเขียนกลอน


  .. นี่แหละคนเขียนกลอนผู้อ่อนไหว

เพียงลมกวัดกิ่งไม้ไกวก็ใจอ่อน

ใจร้าวรวดยังซวดเซพเนจร

ดั่งบินร่อนอ่อนแรงในแสงจันทร์.. 


				
29 มีนาคม 2554 11:59 น.

.. เราจะไปหนไหนในวันหน้า ปาดน้ำตา ..ฝ่าข้ามความสับสน

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน





  ถ้าเลือดไหลมาไม่แดง ค่อยแช่งด่า

ถ้าน้ำตาไม่ใสซึ้ง จึงเดียจฉันท์

ถ้าสุขใจไม่หัวร่อ ก็เกลียดกัน

นี่เป็นคนกันทั้งนั้น  คน คน คน


  คน ต้องการโอกาสแม้อาจผิด

ในความคิดนั้นคลุมเครือเมื่อสับสน

โลภ โกรธ หลง ไม่ปลงละ มีปะปน

ยังไม่พ้นบรรลุธรรมย่อมทำไป


  โลกเราไม่กลมได้ในวันเดียว

จนผู้เชี่ยว-ชาญส่องส่งและสงสัย

กว่ายอมรับว่ากลมเป็นส้มไป

ก็ต้องใช้หลายชีพเชียว ผู้เชี่ยวชาญ*


... 


  ผู้เห็นต่างจากฉัน คือมันผิด

อำนาจคิดแทนสมองจ้องประหาร

ใครคิดไม่เหมือนฉัน มันคือมาร

ต้องล้างผลาญพร่าชีวิต คิดแค่นั้น


  .. เรายังทำเช่นนั้นในวันนี้ 

ยังชีวีด้วยความเกลียดเหยียดหยามหยัน

แล้วนี่เราจะไปได้แค่ไหนกัน

ต้องฆ่าฟันกันหมดหรือ คือเส้นชัย


  คนถูกฆ่า.. ก็อาฆาตโดยญาติมิตร

เมื่อคั่งแค้นก็สิ้นคิด วินิจฉัย

เกลียดต่อเกลียดยิ่งเกลียดชังยิ่งฝังใจ

เราเหลือหวังอะไร ในเกลียดชัง


  ลูกหลานเราก็เอาเข้าโรงเรียนเกลียด

เรียนหยามเหยียดเรียนเก็บกด จงหมดหวัง

เอาความเกลียดนี่แหละเป็นเช่นพลัง

ให้สมสั่ง สร้างสังคมนิยมชัย


  กี่หนังสือประวัติศาตร์ไม่อาจเล่า

กี่เรื่องเก่าไม่เคยฟังบ้างใช่ไหม

ว่าที่ตายกล่นเกลื่อนคือเพื่อนไทย

ที่ร้องไห้อึงอื้อก็คือ คน


  .. เราจะไปหนไหนในวันหน้า

ปาดน้ำตา.. ฝ่าข้ามความสับสน

หมอกควันคลุ้งพลุ่งพลั่งน่ากังวล

จะฝ่ากลหนนี้ได้อย่างไรกัน





* ฟังเพลง  "กาลิเลโอ - การลิ้มลองอนาคต" 
ของ ศิลปินแห่งชาติ น้าหงา คาราวาน แล้ว
เกิดอารมณ์ ผูกโยง กับเรื่องราวสมัยปัจจุบัน				
17 มีนาคม 2554 09:52 น.

ฝน ตก ทาง โน้น หนาว คน ทาง นี้

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน





ฝน ตกมาจะฝ่าฝนหาคนรัก

ตก หนักนักตกปลักรักสับสน

ทาง ก็เหมือนจะปิดไปใจอับจน

โน้น ถนนของคนหวังยังทางไกล


หนาว ใจแสนแม้นใจสาวเจ้าไม่สน

คน หนึ่งคนท้อบนทางรู้บ้างไหม

ทาง จะสั้นลงทันตาถ้าห่วงใย

นี้ อย่างไรคือรักแท้ ไม่แพ้ทาง



				
13 มีนาคม 2554 13:27 น.

สงสารคนช่างฝันอย่างฉันหน่อย อย่าได้ปล่อยอ้างว้างข้างๆฝัน

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน





  แล้วนี่ฉันจะทำไงกับใจฉัน

เมื่อใจมันมีรักอยู่อักโข

แต่ได้แต่เก็บไว้จนใจโต

มีพะโล ก็เพียงไร้เหมือนไม่มี


  ได้แต่รักมักแต่หวังรังแต่ใฝ่

ตะกายใต่ใฝ่และฝันวันสุขขี

ที่ฝันถึงทุกๆวันใช่ฝันดี

เป็นฝันที่สุดเหงาเศร้าแสนตรม


  ฝันจูบเงา.. แต่เหงาจริงยิ่งเหงากว่า

ฝันยิ่งพาเจ็บอกใจไหม้ขมๆ

แต่ก็ยอมจะตรมไหม้ใจระทม

ขอฝันลมแล้งขื่นๆทุกคืนวัน


  สงสารคนช่างฝันอย่างฉันหน่อย

อย่าได้ปล่อยอ้างว้างข้างๆฝัน

อยากให้ใจเราเอาวาง ข้างๆกัน

เพื่อวันนั้น ..เลิกจูบเงาเลิกเหงาใจ


				
8 มีนาคม 2554 14:06 น.

คือความหมายให้ชีพนี้เป็นชีวิน รื่นระริน ใช้รักเช่นหลักชัย

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน





  แสนเจ็บใจ.. หนึ่งชีวันนั้นสั้นนัก

เราหรือรักมากเท่าไหร่ไม่สมสา

อยากจะรักมากกว่ารัก อนรรฆา

ผ่านชีวาครึ่งชีวิต จึงคิดไป..


  อยากมีภาพเธอในใจให้มากขึ้น

อยากจะชื่น ปลายผมปลิวพลิ้วไสว

อยากเห็นยิ้มที่เผลอพลั้งไม่ตั้งใจ

อยากอยู่ใกล้ อ้อมไออุ่นอันคุ้นชิน


  ..ช่วงเวลาเช่นนี้ของชีวิต

ที่ได้ชิดชื่นชมสมถวิล

คือความหมาย ให้ชีพนี้เป็นชีวิน

รื่นระริน ใช้รักเช่นหลักชัย


  ..อย่างฉันอยู่ได้สุดยาว คงเก้าสิบ

แล้วคงริบดับลาอายุขัย

ตั้งมั่นจิตคิดประกันมั่นฤทัย

ลมหายใจสุดท้าย ..ใช้เรียกเธอ..






อนรรฆา = หาค่ามิได้ , หาที่เปรียบมิได้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
Lovings  คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
Lovings  คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน
Lovings  คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคืนแรมสามค่ำหน้าร้อน