28 มิถุนายน 2557 00:12 น.

วิธีที่สามารถชำระล้างการก่อให้เกิดของร่องรอยทางพันธุกรรม

คีตากะ

u=1235080114,3584329867&fm=3
ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
จากหนังสือความลับสู่การฝึกจิตวิญญาณที่ง่ายดาย
        มนุษย์ได้ทำสิ่งไม่ดีมากมายต่อเนื่องมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ดังนั้นมันยากมากที่จะลบสิ่งอ้างอิงที่ไม่ดีออกจากดีเอ็นเอ และบางครั้งเราเกิดอยู่ในร่างที่ถูกตราไว้ด้วยข้อมูลที่ดีและไม่ดีจำนวนมาก ซึ่งเราได้รับการถ่ายทอดมาอย่างช่วยไม่ได้ เราไม่สามารถทำอะไรได้เว้นแต่ว่าถ้าเรานั่งสมาธิ เราก็สามารถล้างและลบมันออกเพื่อให้มันจากไปอย่างไรร่องรอย ถ้าเราลบบางสิ่งออกทุกวัน ไม่มีร่องรอยของความเป็นลบนี้หลงเหลืออยู่ในเซลล์ของเรา แล้วเราก็สามารถทำสิ่งดีๆได้
      ด้วยเหตุนี้แม้ว่าเธอมีธรรมชาติของพระเจ้าและเธอมีพระเจ้าอยู่ภายในตัวเธอ แต่เธอต้องต่อสู้กับตราประทับเหล่านี้ของดีเอ็นเอในเซลล์ของเธอด้วย ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำงานช้า ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ดี และด้วยเหตุนี้บางครั้งเธอจึงทำสิ่งลบๆ แม้ว่าจะขัดแย้งกับความประสงค์ของตัวเธอเอง ดังนั้นแม้ว่าเราต้องการจะทำความดี ถ้าไม่มีการนั่งสมาธิหรือไม่มีพลังพระเจ้าที่ชำระล้างตราประทับของดีเอ็นเอในเซลล์แล้ว เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก
       ด้วยเหตุนี้โลกนี้จึงเป็นแบบนี้ ด้วยเหตุนี้คนจำนวนมากที่ต้องการทำความดีแต่ไม่สามารถดิ้นรนต่อสู้กับร่องรอยทางลบเหล่านี้ได้ ซึ่งมีอยู่เรียบร้อยแล้วก่อนที่เราจะเข้ามาในร่างกายนี้เสียอีก พวกมันอยู่ที่นั่นแล้ว ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมเธอต้องนั่งสมาธิและเป็นมังสวิรัติเพื่อว่าเธอจะไม่เพิ่มร่องรอยทางลบเข้าไปในดีเอ็นเอไม่ดีที่มีอยู่แล้วในตัวเธอให้มากขึ้นอีก เธอมีสิ่งไม่ดีมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่มอีก
        ถ้าหากว่าเธอไม่สามารถนั่งสมาธิได้นานๆ นั่นเป็นเพราะดีเอ็นเอด้วยเช่นกัน เป็นไปได้ที่เธออาจได้ร่างกายที่ไม่เคยนั่งสมาธิเลยในอดีตชาติ บางทีอาจมาจากครอบครัวที่ ลูก หลาน เหลนของปู่ย่าตาทวด ไล่ลงไป ไม่มีใครในครอบครัวเคยนั่งสมาธิเลย บางครั้งเธอไม่สามารถเกิดในครอบครัวที่เหมาะสมด้วย เพราะว่าทุกวันนี้พวกเขากินยาคุมกำเนิดตลอด และมีการทำแท้งเป็นต้น ดังนั้นเธอจำต้องกระโดดเข้าไปในครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แล้วเธอก็ได้รับดีเอ็นเอที่ไม่ดี มันแย่มาก นั่นเป็นข่าวร้าย แต่ข่าวดีก็คือเราสามารถชำระล้างมันได้ด้วยการนั่งสมาธิแสงและเสียง
         ดังนั้นด้วยเหตุนี้เราจึงอยู่ที่นี่ เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับไสยศาสตร์ให้เธอฟัง และฉันไม่ได้เล่าเพื่อให้เธอเคารพฉัน เพื่อให้เธอให้เงินฉัน หรือเพื่อสิ่งใดๆ นี่คือสิ่งเดียวเท่านั้นที่ดีต่อตัวเธอเองและดีต่อโลกนี้
1 มิถุนายน 2557 21:49 น.

อรรถกถาเพิ่มเติมของครู

คีตากะ

  520841211080551.jpg      
      ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เบื้องต้นและจะอยู่ต่อไปตราบอวสานแห่งวันวารทั้งหลาย เพราะหาได้มีจุดจบไม่สำหรับการเป็นอยู่ของฉัน วิญญาณของมนุษย์เป็นแต่ส่วนของคบเพลิงที่ลุกโชติช่วงซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงแยกจากพระองค์ในวาระแห่งการสร้างสรรค์
         ภราดาของฉัน จงแสวงหาการปรึกษาซึ่งกันและกันเพราะภายในนั้นมีทางออกของความพลั้งพลาดและความเสียใจที่ไร้ประโยชน์ ปัญญาของคนหมู่มาก คือโล่ที่ปกป้องการกดขี่ เพราะเมื่อเราปรึกษากันและกัน เราก็จะลดจำนวนศัตรูของเราลง
        ผู้ไม่แสวงหาคำแนะนำคือคนโง่ ความโง่เขลาของเขาทำให้เขามืดบอดต่อสัจธรรม แลทำให้เขาชั่วร้ายดึงดื้อและเป็นภัยแก่พวกพ้องของเขาเอง
      เมื่อท่านจับประเด็นปัญหาได้อย่างกระจ่างชัด จงเผชิญหน้ากับมันด้วยความคิดที่แน่วแน่ เพราะนั่นแหละคือหนทางแห่งความเข้มแข็ง
       จงปรึกษาผู้สูงอายุเถิดเพราะดวงตาของเขาได้พบเห็นสิ่งต่างๆมานับเป็นปีๆ และหูของเขาได้ยินเสียงต่างๆ แห่งชีวิต ถึงแม้ว่าคำปรึกษาของเขานั้นไม่เป็นที่สบอารมณ์ท่าน ก็จงให้ความสนใจแก่เขาเถิด 
     อย่าหวังคำปรึกษาที่ดีจากทรราชหรือมิจฉาบุคคล หรือจากคนทะลึ่งหยาบคายหรือบุคคลผู้ละเกียรติ ความทุกข์ร้อนมีแก่ผู้ซึ่งคบและแสวงหาคำแนะนำจากมิจฉาบุคคล เพราะการตกลงปลงใจกับคนชั่วนั้นคือการเสื่อมเสียชื่อ และการสดับตรับฟังในสิ่งซึ่งไม่ถูกต้องก็เป็นการทรยศหลอกลวง
      ฉันไม่อาจจะนับตัวเองว่าเป็นที่ปรึกษาของมวลมนุษย์ได้ นอกเสียจากว่าฉันได้รับความรู้ที่กว้างขวาง การวินิจฉัยที่เฉียบแหลมและประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว
       จงทำให้ความรีบด่วนช้าลงบ้าง และจงอย่าเชื่องช้าเมื่อโอกาสให้สัญญาณ เช่นนั้นแหละท่านจะเลี่ยงจากความผิดพลาดต่างๆ อย่างมหันต์ได้
       สหายของฉัน อย่าเป็นเช่นบุคคลซึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟ จ้องดูไฟที่กำลังดับและพัดวีอย่างไร้ผลบนกองขี้เถ้าซึ่งดับแล้ว อย่าได้เลิกความหวังหรือยอมจำนนต่อความสิ้นหวังเพราะว่านั่นคืออดีตที่ผ่านไปแล้ว แลการเศร้าโศกถึงสิ่งที่ไม่อาจจะกลับคืนมาได้นั้นเป็นส่วนเลวร้ายที่สุดของความอ่อนแอของมนุษย์
       เมื่อวันวานฉันเสียใจในการกระทำของฉัน และวันนี้ฉันเข้าใจความผิดพลาดของฉันและความชั่วที่ฉันได้นำมาสู่ตนเมื่อฉันได้หักลูกธนูและทำลายกระบอกใส่มันแล้ว
       พี่น้องของฉันเอ๋ย ฉันรักท่านไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ไม่ว่าท่านจะนมัสการในโบสถ์ คุกเข่าในวิหาร หรือสวดภาวนาในมัสยิดของท่าน ท่านและฉันล้วนเป็นลูกหลานของศรัทธาหนึ่งเดียว เพราะหนทางหลากหลายของศาสนานั้นเป็นดังนิ้วมือทั้งผองของมือแห่งความรักแห่งพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด เป็นหัตถ์ที่เอื้อมไปสู่ทุกคน ประทานความสมบูรณ์แก่วิญญาณทุกดวง กระหายที่จะรับทุกผู้ไว้
      พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานดวงวิญญาณอันมีปีกให้แก่ท่าน เพื่อจักได้ถลาบินขึ้นสู่ห้วงนภากาศแห่งความรักและเสรีภาพ ไม่เป็นที่น่าเวทนาดอกหรือ เมื่อท่านได้ตัดปีกของท่านออกด้วยมือของท่านเองแลสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ดวงวิญญาณของท่านโดยให้คืบคลานไปเหมือนตัวแมลงบนพื้นโลก?
       วิญญาณของฉันมีชีวิตอยู่เหมือนผู้ไล่ตามรัตติกาล ยิ่งมันบินเร็วขึ้นเท่าใดก็ยิ่งใกล้อรุณรุ่งมากขึ้นเท่านั้น
คำครู
คาลิล ยิบราน เขียน
น่านรังษี กิติมา แปล
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ