21 เมษายน 2554 18:30 น.

ปัญญาของหญิงชราขอทาน...

คีตากะ

677301phvn1cg1f4.gifปราศรัยโดยท่าน Suma Ching Hai
ศูนย์ออสติน, เท็กซัส, สหรัฐอเมริกา
๒๗ สิงหาคม ๑๙๙๔ 
(เดิมเป็นภาษาอังกฤษ)




      คนส่วนมากที่รู้มักจะไม่รู้ และคนที่พูดก็มักจะไม่รู้ แน่ละที่มหาอาจารย์อย่างเช่น พระพุทธเจ้าและพระเยซู ท่านออกไปสั่งสอนผู้คน แต่ว่าก็ไม่เหมือนกับแบบนี้ พวกท่านต้องทำงานอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นพวกท่านเองก็ไม่ได้อยากจะทำหรอก พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายความว่าอย่างไร? ภารกิจของพวกท่านเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ว่าท่านจะทุกข์ยาก ไม่ต้องการมัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านชอบออกไปหาโอกาสที่จะโต้วาทีกับผู้คนอยู่เสมอ นั่นมันต่างกัน พวกเธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม? ที่ว่าพวกท่านจะไม่ชอบและจะวิ่งหนีไปจากโอกาสแบบนี้ ท่านเพียงแต่ต้องทำงานเพื่อคอยสอนพวกลูกศิษย์ที่เข้ามาหาท่าน แต่ท่านจะไม่ออกไปโต้คารมกับคนอื่นเพื่อจะอวดหรือแสดงความรู้ของท่าน มันต่างกัน
    ทีนี้ก็มี ทิโลบา (ทิโลบา คืออาจารย์ทวดของอาจารย์ของมิลาเรอปาซึ่งเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของธิเบต) คนนี้ผู้ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ชอบเดินทางไปทั่วอินเดีย เพื่ออวดภูมิความรู้เกี่ยวกับหนังสือตำรับตำราต่างๆ ของเขา และทุกๆ แห่งที่เขาไป เขาก็เป็นคนชนะเสมอ ไม่เคยมีใครเอาชนะเขาได้เลย เพราะว่าความรู้ของเขาเกี่ยวกับตำราต่างๆ นั้นมีมากมายจริงๆ เอ้อ, ในประเทศต่างๆ หลายประเทศก็มีคนแบบนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ใช่แต่เพียงทิโลบาคนเดียวหรอก
    วันหนึ่ง, เขากำลังอ่านหนังสือตำราเล่มหนึ่งที่มีชื่อเสียงและมีค่าที่สุดในเวลานั้นอยู่ในบ้านของเขา ก็มีขอทานคนหนึ่ง เป็นขอทานหญิงชราที่ดูสกปรก และผอมแห้งมาก เป็นพวกขาดอาหารอย่างมาก เดินผ่านมาแล้วก็พูดกับเขาทำนองว่า “คุณอ่านหนังสืออย่างลุ่มหลงออกอย่างนั้น แต่คุณเคยเข้าใจที่คุณอ่านสักนิดหนึ่งไหมล่ะ?” (เสียงหัวเราะ) โอ๋? ทิโลบาก็สะดุ้งรู้สึกตกใจมาก เธอรู้ใช่ไหม? ขอทานแก่ๆ น่าเกลียดขนาดนั้น กล้าดียังไงถึงมาพูดอย่างนี้ใส่หน้าบัณฑิตอย่างฉัน? ศาสตรจารย์ที่รอบรู้อย่างฉันนี้? ทิโลบาจึงคล้ายกับตกใจและก็ยังไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรดี และแล้วขอทานหญิงชราคนนั้นก็ถ่มน้ำลายใส่หนังสือของเขาแล้วก็วิ่งหนีไป
    ทิโลบาก็โมโหโกรธามาก เพราะว่าเธอกล้ามาถ่มน้ำลายรดตำราอันศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ เขาจึงออกวิ่งไล่ตามเธอไป แต่พอเขาวิ่งตามมาถึงเธอ เธอก็พึมพำอะไรในคอเธอแค่นั้นเอง ทิโลบาก็รู้สึกใจเย็นสงบลงทันทีและก็ไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป แล้วเขาก็หยุดอยู่ตรงนั้น แล้วก็เดินกลับบ้านและก็เริ่มต้นคิด อาจจะเป็นได้ว่าเขารู้สึกว่ามีอะไรผิดอยู่ รู้สึกว่าอาจจะมีอะไรที่ไม่ถูกต้องในวิธีที่เขากำลังศึกษาเล่าเรียนจากหนังสือต่างๆ เขาจึงนั่งลงครุ่นคิดอย่างหนักและก็ครุ่นคิดมากว่า ทำไมหญิงชราขอทานคนหนึ่งจึงกล้าถ่มน้ำลายรดตำราศักดิ์สิทธิ์ที่คนทั้งอินเดียเคารพนับถือกันมาเป็นพันๆ ปีแล้ว
    ผู้คนยังมากราบไหว้บูชาตำรานี้ด้วยซ้ำ และก็ถวายเงินแก่ตำราเล่มนี้ พวกเขาก็ยังทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ในบางประเทศรวมทั้งประเทศอินเดียด้วย ฉันรู้และก็เคยเห็นมาแล้วด้วยว่า พวกเขาพากันมาก้มกราบ ถวายเงินและดอกไม้แก่ตำราเล่มนี้ และก็เชื่อว่าตำรานี้แหละที่เป็นความรู้และปัญญาทั้งหมดทุกอย่าง แต่ตำราก็คือตำรา ตัวเธอก็คือตัวเธอ เธอจะทำแค่ก้มกราบตำราแล้วก็ได้ความรู้มาจากมันได้อย่างไร, หือ? พวกเธอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นได้หรือ? แต่ก็มีหลายคนเชื่อแบบนั้น ก็ช่างเขาเถอะ เป็นเรื่องของเขา
    เพราะฉะนั้น ทิโลบาจึงครุ่นคิดไตร่ตรองอย่างหนัก เขายังรู้สึกประหลาดใจอีกด้วยว่า ทำไมหญิงชราที่ผอมแห้งแรงน้อยออกอย่างนั้น เพียงแต่พึมพำอะไรออกมาประโยคหรือสองประโยค ก็ทำให้ความโกรธของเขาที่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟสงบลงได้ทันทีเหมือนกับมีน้ำมาดับไฟนั้น ดังนั้นหลังจากคิดไปคิดมาอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งเขาก็ลาออกจากงานของเขา เลิกทำงานเดิมของเขาและก็ไม่โต้คารมกับใครอีกเลย แล้วก็ออกเดินทางไปทั่วเพื่อค้นหาหญิงชราคนนั้น, ขอทานคนนั้น, พยายามจะค้นหาเพื่อที่จะรู้ให้ได้ว่า มันเป็นอะไรกันแน่ที่เขาไม่เข้าใจนั้น
    แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบหญิงชราคนนั้นที่ในป่า เธออยู่คนเดียว แล้วเขาก็พยายามจะโต้คารมกับเธออีก เขาใช้ความรู้ความสามารถในการพูดอันเก่งกาจของเขาเพื่อจะเอาชนะเธอในการโต้คารมกันในป่านั้น แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างมากมายเพียงใด เธอก็ชนะเสมอ ขอทานที่แก่ชรา น่าเกลียด ยากจน ผอมแห้งแรงน้อยนั้นก็ยังชนะอยู่เสมอ (อาจารย์หัวเราะ) ดังนั้น ในที่สุดเธอก็บอกเขาว่า “สิ่งที่ฉันรู้ ปัญญาที่ฉันมี ที่ฉันเข้าใจนั้นไม่ได้อยู่ในตำราทั้งหลายเหล่านั้น คุณไม่มีทางหามันพบหรอก เพราะฉะนั้นคุณจึงไม่มีทางจะเถียงสู้ฉันได้”
    ดังนั้นในที่สุดเขาก็ยอมก้มกราบและยอมรับเธอเป็นอาจารย์ และก็ขอร้องให้เธอสอนเขา เธอก็ตกลง ดังนั้นสิ่งที่เธอบอกเขาท้ายที่สุดก็คือว่าสิ่งใดก็ตามที่คุณอยากจะรู้นั้นไม่ได้อยู่ในหนังสือต่างๆ หรอก และก็ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ด้วย เพราะฉะนั้นคุณต้องไปหาชาวสวรรค์ให้พบเพื่อที่จะไปเรียนกับพวกเขา เพราะฉะนั้นวิธีนั้นก็คือการประทับจิต เราขึ้นไปทางภายในของเรา แล้วเราจึงจะได้พบกับชาวสวรรค์นั้น เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ แล้วเราก็เรียนกับพวกเขา แม้ว่าฉันจะสอนพวกเธอแล้ว แม้ว่าอาจารย์ใดๆ ก็ตามที่สอนพวกเธอมันก็เป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้น และอยู่กับเธอด้วยร่างกายเท่านั้น แต่ถ้าเธอยังอยากจะเรียนรู้ให้ดีกว่านี้ เธอก็ต้องไปเรียนรู้ข้างใน ในระดับชั้นของความมีจิตสำนึกที่สูงกว่านี้ และเรียนกับอาจารย์ภายใน, อาจารย์ที่เป็นพระเจ้าทั้งมวล, ไม่ใช่อาจารย์ที่เป็นกายเนื้อนี้ อาจารย์ที่เป็นกายเนื้อเป็นเพียงบันไดแค่นั้นเอง เป็นบันไดที่พาพวกเธอขึ้นไปถึงระดับชั้นที่สูงขึ้นของจิตสำนึก แล้วเธอก็เรียนกับอาจารย์ที่สูงกว่าที่นั่น อาจจะกับอาจารย์ท่านเดิม หรืออาจารย์ท่านอื่น แต่ว่าเรียนในระดับของจิตสำนึกที่สูงขึ้น เข้าใจไหม?
    เพราะฉะนั้นก็เหมือนกับที่หญิงชรานั้นบอกทิโลบาไป ฉันเข้าใจมันดี เพราะว่าเราอยู่ในวิถีเดียวกัน ถ้าเราไม่ได้กำลังศึกษาปัญญาภายในนี้อยู่ เราจะไม่เข้าใจหรอกว่า หญิงชราคนนั้นหมายความว่าอย่างไร ที่ให้ขึ้นไปยังดินแดนของชาวสวรรค์และไปเรียนกับพวกชาวสวรรค์นั้น หลังจากนั้น ทิโลบาก็สละทุกสิ่งทุกอย่าง และพยายามอย่างหนักที่จะเข้าไปยังแดนสวรรค์เพื่อพบกับชาวสวรรค์และก็เรียนกับเขา และหนทางที่ไปหาชาวสวรรค์นั้นก็เต็มไปด้วยเล่ห์กลที่ลวงล่อ และเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ว่าเขาก็ทำได้สำเร็จ
    คนนี้คือ ทิโลบา แม้จะเป็นผู้ที่มีความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ต้องไปก้มกราบหญิงชราขอทานผู้ชรา น่าเกลียดหิวโหยเพื่อจะได้ปัญญา เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องถ่อมตัวมากเกินไปสำหรับเรา ที่จะไปก้มคารวะผู้ใดที่มีปัญญา  ที่สามารถมอบวิถีทางให้แก่เราได้จริงๆ และบอกวิธีที่จะได้หลุดพ้น
    เพราะฉะนั้นอาจารย์ส่วนมากในสมัยโบราณจึงยากจนกันมาก พวกเธอจำบางเรื่องที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหม? พระเยซูก็เป็นช่างไม้ ท่านไม่เคยร่ำรวยเลย และพระพุทธเจ้าก็มีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ว่าท่านสละมันไปหมด (อาจารย์หัวเราะ) ดังนั้นท่านก็ไม่มีอะไรเช่นกัน แล้วท่านก็เดินทางไปทั่วอินเดียและบิณฑบาตขออาหารไปตลอด เพราะฉะนั้นท่านก็เหมือนกับกลายเป็นขอทานเหมือนกัน ดังนั้นมหาอาจารย์ส่วนมากจึงไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร แม้หากว่าพวกเขาอยากจะมีทรัพย์สมบัติ ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน
    อาจารย์ซิกข์ท่านหนึ่ง เป็นอาจารย์ซิกข์คนที่ ๑๐ มีชื่อเสียงมาก เขายังคงมีทรัพย์สมบัติอยู่ ดูร่ำรวยมาก เขาสวมเพชรนิลจินดามากมายอย่างกับเจ้าชายองค์หนึ่งทีเดียว แล้วเขาก็ไม่เคยกระดากเรื่องนี้เลย เขามองดูเหมือนกับเจ้าชายองค์หนึ่ง แต่งตัวดีมากและก็ใส่เครื่องเพชรนิลจินดามากมายเสมอ แต่อาจารย์ซิกข์คนอื่นๆ ก็ยังเดินทางขอทานอาหารไปทั่วประเทศเช่นกัน เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นที่จะมาพูดว่า คนที่เป็นอาจารย์ควรจะเป็นอย่างนี้อย่างนั้น หรืออย่างอื่น ไม่มีปัญหาหรอก
    พวกเธอเห็นท่านกวนอิมโพธิสัตว์ไหม ท่านมีเครื่องประดับประดาเยอะแยะเลย และผมของท่านก็ยาวสลวยมาก ท่านสวมเสื้อผ้าที่สวยงาม และพวกชาวสวรรค์ก็งดงามเช่นกัน เครื่องประดับต่างๆ ของพวกเขามีติดตัวพวกเขาอยู่เป็นธรรมชาติตามผลบุญกุศลของพวกเขา เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นที่จะมาพูดว่า คนที่เป็นอาจารย์ต้องยากจนเสมอ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอก แต่ว่าผู้ที่เป็นอาจารย์ส่วนมากจะเลือกที่จะมีชีวิตที่เรียบง่าย เนื่องจากพวกเขามีการตระหนักรู้อยู่ภายใน แต่ผู้เป็นอาจารย์จะประพฤติปฏิบัติสอดคล้องตามสถานการณ์นั้นเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะว่าถ้าผู้เป็นอาจารย์ยึดติดอยู่กับความยากจนมาก หรือยึดติดกับชีวิตหรือเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่เพียงอย่างเดียว นั่นก็เป็นการยึดติดแบบหนึ่งเช่นกัน พวกเธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม? ยังยึดอยู่กับสิ่งหนึ่งหรือสิ่งที่สุดโต่งที่สุดอย่างหนึ่งเสมอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ดีเหมือนกัน ผู้เป็นอาจารย์ต้องปล่อยวางไม่ยึดติดอยู่ภายใน แต่สำหรับภายนอกนั้นมันไม่สำคัญหรอก มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และพื้นฐานของท่าน หรืออะไรก็ตามที่ท่านต้องทำเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย...



Be Veg, Go Green 2 Save The Planet				
18 เมษายน 2554 08:16 น.

หญิงชราผู้ตระหนี่ถี่เหนียว.....

คีตากะ

2859291id6d6ybfvf.gifโดย อนุตราจารย์ชิงไห่
ศูนย์ซีหู ฟอร์โมซา ๕ มกราคม ๑๙๙๕
(เดิมเป็นภาษาอังกฤษ)




      ที่ชายเขาแห่งหนึ่งใรประเทศอินเดีย, มีหญิงชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ หญิงคนนี้เป็นที่รักสันโดษ คนส่วนมากที่รักสันโดษ หมายความว่า พวกเขาต้องการจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า พวกเขาต้องการอยู่ตามลำพังคนเดียวเพื่อจะได้คิดถึงพระเจ้าได้, นั่งสมาธิถึงพระเจ้าได้, จำพระเจ้าได้ เห็นพระเจ้าได้, ได้ยินพระเจ้า และสามารถคุยกับพระเจ้าได้ ฯลฯ นั่นคือการสันโดษที่แท้จริง
     แต่หญิงคนนี้ไม่ใช่อย่างนั้น, เธอเป็นคนที่แย่ที่สุดในกระบวนการคนขี้เหนียวในประเทศนั้น หมายความว่าเธอขี้เหนียวมาก เธออยู่คนเดียวอย่างสันโดษ เพียงเพราะว่าเธอไม่ชอบแบ่งปันสิ่งของทรัพย์สมบัติของเธอหรืออาหารของเธอให้กับคนอื่น การกุศลเป็นอย่างไรเธอไม่รู้จัก เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการกุศล เธอไม่เคยแบ่งแม้แต่ข้าวเม็ดเดียวเพื่อไปให้ประชาชนชาวกัมพูชา (มีเสียงหัวเราะ) ตลอดชั่วชีวิตเธอที่ผ่านมา, เธอไม่เคยให้อะไรเลยแม้แต่ครั้งเดียวและแม้กระทั่งผ้าถูพื้น พอมันขาดวิ่นเธอก็จะซ่อมแซมมันเก็บไว้เผื่อจะใช้อีกและไม่เคยให้ใครไปเลย
     ทีนี้ก็มีพระเจ้าหรือเทพเจ้าองค์หนึ่งที่มีชื่อว่าพระวิษณุ, พวกเธอรู้จักวิษณุนะ, พระเจ้าของโลกที่สอง พระองค์คอยเฝ้าดูชีวิตและการกระทำของหญิงชราผู้มีชื่อเสียงคนนี้ด้วยความสนใจ พบว่าเธอกำลังจะต้องตายในไม่ช้า, หลังจากปีใหม่ (มีเสียงหัวเราะ) หลังจากที่เธอกินหม่านโถวก้อนแรกเข้าไป เธออาจจะสำลักติดคอตายก็ได้ ที่จริงแล้วมีคนแก่ชาวญี่ปุ่นหลายคนกินหม่านโถวแล้วติดคอ ตอนระหว่างช่วงเทศกาลปีใหม่ เช่นกัน เพราะฉะนั้นต้องให้แน่ใจว่าพวกเธอจะไม่กินหม่านโถวมากเกินไป พวกขนมเข่งน่ะรู้ไหม? ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาสำลักขนมพวกนี้ได้อย่างไร แต่ก็มีคนเป็นอย่างนี้อยู่ บางทีหญิงคนนี้อาจจะกินขนมเข่งตอนปีใหม่ แล้วสำลักติดคอจะต้องตายไปในไม่ช้า
     และพระวิษณุก็เห็นว่าเธอเหลือเวลาอีกเพียง ๓ วันเท่านั้นสำหรับชีวิตของธอบนโลกนี้ (ดีจังเลย! คนอื่นจะได้มาร่วมกันใช้ทรัพย์สมบัติบางอย่างของเธอได้หลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว) เทพเจ้าองค์นี้จึงเรียกมหาราชาภูษานทีมาหาและบอกเขาว่า “ภูษานทีที่รักของฉัน เธอจงไปฉกฉวยอะไรบางอย่างมาจากเธอสักหน่อยในวันนี้นะ เพราะว่าพรุ่งนี้เธอจะต้องตายแล้ว เวลาเธอตายไป, เธอจะได้มีบุญในบัญชีของเธอบ้างถ้าหากว่าเจ้าไปขโมยอะไรของเธอมาสักอย่าง อย่างน้อยที่สุดจะเป็นช็อกโกแล็ต หรืออะไรก็ได้ (มีเสียงหัวเราะ) หรืออาจจะเป็นข้าวโพดคั่วก็ได้ (มีเสียงหัวเราะ) ภูษานทีก็พยักหน้าโอเค, เป็นภาษาสมัยใหม่, โอเค
     แล้วเขาก็แปลงร่างเป็นกาตัวหนึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้ใกล้บ้านของคชานี, คชานีเป็นชื่อของหญิงชราตนนั้น เป็นเวลาที่เธอกำลังล้างถั่วเขียวประมาณสักหนึ่งกำมือ แช่น้ำเอาไว้สำหรับทำอาหาร ถึงตอนนี้ภูษานทีก็ตัดสินใจที่จะไปจิกขโมยมันมาให้เต็มปาก จึงกระโดดโผบินไปใกล้หม้อนั้นและก็จิกถั่วเขียวมาเต็มปากด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ “ชิ้ว! “ (มีเสียงหัวเราะ) แต่ว่าหญิงชราที่ว่องไวคนนี้ก็คว้าเขาเอาไว้ด้วยความเร็วซึ่งไวยิ่งกว่าเสียอีก คว้าจับคอของเขาไว้อย่างนี้แล้วก็บิด อี๋! (มีเสียงหัวเราะ) แล้วก็ให้คอมันบิดอยู่อย่างนั้น เพื่อเม็ดถั่วเขียวจะได้ไม่ลื่นเล็ดลอดลงไปในท้องของเขา (มีเสียงผู้ฟังที่สงสารร้อง “โอ๋!...) พระเจ้าช่วย! ในขณะเดียวกัน, อีกมือของเธอก็จับปากของนกนั่นให้อ้าออกแล้วก็บีบเอาเม็ดถั่วเขียวออกมาจากคอหอยของเจ้ากาที่กำลังดิ้นรนจนกระทั่งเม็ดสุดท้าย โอ!
     แบบนี้เธอสมควรจะได้รับรางวัลจากพวกเราจริงๆ (มีเสียงหัวเราะ), หญิงที่ขี้เหนียวที่สุดในประวัติศาสตร์ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องแบบนี้จริงๆ หรือไม่, คงต้องมี ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเป็นไปได้นะฮึ? คนบางคนก็ขี้เหนียวและก็โง่เง่า, โหดร้าย, เลือดเย็นมาก ภูษานทีต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชีวิตของเขา ขยอกดังอ๊อก, อ๊อก, อ๊อก (มีเสียงหัวเราะ) จนในที่สุดเขาก็ถูกปล่อยเป็นอิสระหลังจากที่เธอคิดว่าเม็ดถั่วเขียวทุกเม็ดถูกเขี่ยออกมาหมดแล้ว
     เขาก็บินกลับไปหาพระวิษณุ และก็หล่นลงมาแทบเท้า, เกือบจะตายอยู่แล้ว พระวิษณุก็ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่เขาไปที่นั่นมาแล้ว ภูษานทีก็เล่ารายละเอียดทั้งหมด, เหนื่อยหอบแฮ่กๆ และพูดออกมาว่า “โอพระองค์, ฉันถูกบีบคอเกือบตายแล้ว ฉันปฏิบัติภาระกิจของฉันไม่สำเร็จ, ฉันเสียใจมาก แต่ว่าฉันไม่สามารถจะเอาอาหารมาจากหญิงชราที่ร้ายกาจคนนั้นได้สักเม็ดเดียว” พระวิษณุก็พูดว่า “โอ, ภูษานที, อย่าพูดอย่างนั้น มานี่ซิ, ให้ฉันตรวจดูในปากของเจ้าหน่อย (มีเสียงหัวเราะ) อ้าปากซิ, ให้ฉันดูหน่อย”
     ภูษานทีจึงอ้าปาก และพระวิษณุก็ใช้ตาปัญญาของพระองค์พร้อมด้วยแว่นขยายส่องดูในคอหอยของเขาและก็พบว่า “อา, มีอะไรอยู่ในนั้นน่ะ” (มีเสียงหัวเราะ) มันเป็นอะไรกันนะ, ให้ฉันดูหน่อยว่ามันคืออะไร, ดูหน่อยว่าอะไร, ต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ พระองค์เห็นเศษของเปลือก, ชั้นนอก, เปลือกของเม็ดถั่วเขียวติดอยู่ที่เพดานปากของเขา (มีเสียงหัวเราะ) ขอบคุณพระเจ้า อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เสียเวลาของเขาไปเปล่าๆ และก็ต่อสู้ดินรนโดยไม่ได้อะไรเลย และก็พูดว่า “ดูนี่ซิ, ภูษานที, มีเศษเปลือกถั่วเขียวติดอยู่ที่เพดานปากของเจ้านี่ไง ฉันพอใจแล้วล่ะ” พระวิษณุกล่าว (โอ! พระเจ้านี่พอใจอะไรได้ง่ายจัง)
     ดังนั้นในตอนนี้, หญิงชราคนนั้นก็ได้บุญนิดหน่อยแล้ว โอ, พระเจ้าอวยพรด้วย, ผู้ทรงความรักความเมตตากรุณา! แล้วพระวิษณุก็กล่าวว่า “ภูษานที, เมื่อหญิงคนนี้กลับไปเกิดยังโลกนี้อีกหลังจากการตายของเธอครั้งนั้น ก็ให้เธอได้กินเปลือกของเม็ดถั่วเขียวอันนั้นที่พบติดอยู่ที่เพดานปากของเจ้านี้ ฉะนั้นหญิงชราคนนั้นก็จะกินมันไปตลอดชั่วชีวิตของเธอ” หลังจากที่พูดอย่างนั้นแล้วพระองค์ก็อันตรธานหายไป ประโยชน์ของการทำบุญทำทานและการมีธรรมะนั้นยิ่งใหญ่และน่าพิศวงมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นการทำโดยที่รู้ตัวก็ตาม ความรักและความเมตตาของพระเจ้านั้นมีล้นเหลือและไม่มีที่สิ้นสุด อย่างเช่น อานุภาพลึกลับนี้ซึ่งแม้แต่เป็นการทำบุญทำทานและการกระทำที่เป็นความกรุณาที่น้อยที่สุด บางทีเธออาจจะไม่ต้องการเอาเศษเปลือกถั่วเขียวนั่นออกมาก็ได้ เพราะเธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร พวกเธอก็รู้ว่ามันมีเหลือติดอยู่ไม่เยอะหรอก (มีเสียงหัวเราะ)
     พระเจ้านั่นเองที่มีความรักที่ยิ่งใหญ่ได้สร้างโอกาสต่างๆ สำหรับการไถ่บาปและการยกขึ้นหาพระเจ้าให้มนุษย์ที่มีบาป ในเมื่อหญิงชราผู้ซึ่งไม่ได้เคยทำบุญกุศลอะไรเลย ยังได้รับการดลบันดาลให้ได้รับอาหารที่ทำจากเปลือกถั่วเขียว เพื่อปากเพื่อท้องเธอในชีวิตหน้า แม้ว่าเธอจะเพียงแค่ทิ้งเศษเปลือกถั่วเขียวเหลือติดอยู่นิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วถ้าพวกเราให้สิ่งของแก่คนอื่นๆ มากมายกว่านี้, เราจะได้รับกลับมามากมายเพียงไหน? นั่นก็คือบทสรุป, ฮึ, นั่นก็คือความหมายของเรื่องนี้...



Be Veg, Go Green 2 Save The Plane				
16 เมษายน 2554 02:43 น.

มองทะลุปรุโปร่งถึงภาพมายาของโลก....

คีตากะ

index.php?action=dlattach;topic=33358.0;ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ที่ซีหู ฟอร์โมซา
วันที่ ๒๑/๗/๒๕๓๔ (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน รหัสวีดีโอ# !๑๘๓




     ที่อินเดียมีนิทานเรื่องหนึ่ง มีมหาอาจารย์ท่านหนึ่งบอกให้ลูกศิษย์ปล่อยวางทางโลกเพื่อมาออกบวชกับท่าน แต่ว่าลูกศิษย์กล่าวว่าภรรยา มารดากับบิดา รวมทั้งพี่น้อง ต่างก็รักเขามาก เขาไม่สามารถปล่อยวางได้ ถ้าหากเขาจากไป คนในครอบครัวจะต้องทุกข์ทรมานมาก ทนไม่ไหว อาจารย์ของเขาจึงกล่าวว่า “ดีแล้ว อาจารย์จะทำให้เจ้าทราบว่า คนในครอบครัวของเจ้ารักเจ้ามากแค่ไหน”
    ทั้งสองพากันมาถึงที่บ้านลูกศิษย์ อาจารย์ให้ยาเม็ดลูกศิษย์เม็ดหนึ่ง แล้วตนเองทำเป็นคนอื่น แอบอยู่ข้างนอก ลูกศิษย์หลังจากรับประทานยาเม็ดเข้าไปแล้ว ก็เหมือนกับคนที่ตายแล้ว ลมหายใจไม่มี หัวใจก็หยุดเต้น ทั้งตัวเย็นเฉียบแข็งทื่อ คนในครอบครัวเห็นแล้วต่างร้องไห้โวยวายและขอให้พระโพธิสัตว์ช่วยให้เขาคืนชีพ แต่ก็ไม่มีประโยชน์
    ทันใดนั้น อาจารย์ท่านนั้นเดินเข้ามาในบ้านและพูดกับพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าสามารถช่วยญาติของท่านได้” พวกเขาฟังแล้วก็ดีใจ ต่างก้มกราบอาจารย์ ขอให้อาจารย์ช่วยชีวิตเขา อาจารย์ท่านนั้นจึงกล่าวว่า “แต่ต้องมีเงื่อนไข ขณะที่ข้าพเจ้าช่วยเขา ต้องมีคนคนหนึ่งมาตายแทนเขา เพราะกฎแห่งกรรมเป็นเช่นนี้ ถ้าข้าพเจ้าช่วยชีวิตเขา ข้าพเจ้าก็ต้องตายแทนเขา แต่ว่า ข้าพเจ้าไม่มีความสัมพันธ์กับเขาเลย! เขาเป็นญาติของพวกท่าน พวกท่านรักเขาเช่นนี้ จะต้องยินดีที่จะตายแทนเขาได้! ข้าพเจ้าเป็นเพียงผู้คนที่ผ่านมาข้าพเจ้าจะตายแทนเขาได้อย่างไร? ดังนั้น ขณะนี้พวกท่านมีใครจะตายแทนเขาได้ ข้าพเจ้าก็จะเรียกวิญญาณของเขากลับมาทันที เพราะเราไม่สามารถอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้ จะต้องมีการแลกเปลี่ยนจึงจะได้”
    ขณะนั้นญาติของเขาไม่มีใครยอมตายแทนเขา ทุกคนต่างมีข้ออ้างดีๆ ทุกคน เป็นต้นว่า “ข้าพเจ้าตายแล้ว ใครจะดูแลบ้านนี้?” “ข้าพเจ้าตายแล้ว ใครจะดูแลการค้า?” ภรรยาของลูกศิษย์ แม้จะรักเขามาก เมื่อเห็นเขาตาย ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ กลิ้งอยู่กับพื้น แต่ก็พูดว่า “ไม่ได้ ไม่ได้! ถ้าข้าพเจ้าตาย ก็ไม่มีใครดูแลลูกสาวและลูกชาย ๒ คน” แล้วทุกคนก็พูดว่า “เอาละ! ถ้าเช่นนั้นคนเมื่อตายไปแล้วก็แล้วกันไป! พวกเราเอาเขาไปเผาก็แล้วกัน” ลูกศิษย์ได้ยินแล้ว รีบลุกขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ข้าพเจ้ายังไม่ตาย!” และเขาก็กล่าวอำลาคนในครอบครัวแล้วไปกับอาจารย์ของเขา
    นิทานชนิดนี้มีมากมาย บางครั้งเรารักใครคนหนึ่งหรือว่า ใครจะรักใคร ต่างมีจุดบกพร่อง ปกติเราจะไม่รักใครจนลืมตนเองถึงกับยอมตายแทนคนคนนั้น ดังนั้นมีบางเรื่องถ้าหากเรามิได้ประสบด้วยตนเอง ก็จะไม่ทราบความจริง พวกเราดูแต่ภายนอก มันไม่ถูกต้อง
    ถ้าเรายังอาลัยอะไรที่อยู่ในโลกนี้ มันล้วนแต่ไม่จีรังยั่งยืนทั้งสิ้น ทางที่ดีเราอย่ากลับมาใหม่ เพราะไม่ว่าเราจะอาลัยเพียงใด อีกไม่นานก็ต้องจากไปเช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีก่อนจะจากไป เราควรเตรียมตัวไว้ก่อน เมื่อจากไปแล้วก็ไปเลย มิเช่นนั้น กลับมาอีกครั้งก็ต้องมาอาลัยอีก ต้องมาผูกมัดกันอีก อีกสักครู่ก็ต้องจากไปอีก แล้วเมื่อนั้นญาติของเราก็ต้องมาทุกข์ทรมานมาก ดังนั้นเราจงจากไปเพียงครั้งเดียวก็พอ แล้วไม่ต้องกลับมาสร้างความยุ่งยากให้กับผู้อื่น มันก็เป็นการกตัญญูอีกแบบหนึ่ง พวกเธอเห็นด้วยหรือเปล่า? (ทุกคนตอบ : เห็นด้วย)
    ระหว่างสามีภรรยาก็เช่นกัน อีกสักครู่ต่างคนก็ต่างไป ในเมื่อเวลาจากกัน ต่างก็อาลัยต่อกันและทุกข์ทรมานมาก ก็ไม่ต้องมาซ้ำอีก ดังนั้นเราควรจะมีจิตใจที่เตรียมพร้อมและพร้อมที่จะจากไปเลย อย่ากลับมาแสดงเรื่องที่กลุ้มใจ มิฉะนั้นเราจะเป็นทุกข์ ฝ่ายตรงข้ามก็จะเป็นทุกข์ มีประโยชน์อะไรหรือ?



ฺBe Veg , Go Green 2 Save The Plane				
15 เมษายน 2554 09:41 น.

ทำไมเราจึงควรได้รับการประทับจิต?...

คีตากะ

m257072.jpgปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
ผิงตง, ฟอร์โมซา
๑๑ เมษายน ๒๕๓๒
(ต้นฉบับเป็นภาษาจีน)



      คนเป็นจำนวนมากมีศรัทธาแรงกล้าในตัวฉัน พวกเขาบูชาฉัน พวกเขาเข้าใจคำสอนของฉันเข้าไปถึงหัวใจ พวกเขารู้และเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด พวกเขาคิดว่ามันเป็นการดีพอแล้วในการนำรูปถ่ายของฉันกลับไปบ้านและบูชามัน หรือนำหนังสือ ๓ เล่มของฉันกลับไปบ้านและอ่านภายใน ๒ คืน แล้วพวกเขาก็หยิ่งยโสและถือว่าเป็นลูกศิษย์ของฉัน มันจะง่ายดายอย่างนั้นได้หรือ? เมื่อคนขอให้พวกเขารับการประทับจิต พวกเขาก็พูดว่า “เพื่ออะไรกัน? ฉันมีความจริงใจมากกว่าเธอเสียอีก! ฉันมีศรัทธาในตัวท่านอาจารย์มากกว่าเธอเสียอีก! “ พวกเขาคิดว่ามันพอแล้ว
    มันไม่เหมือนกันหรอก พวกเขาเหมือนกับเด็กๆ ที่ไม่เคยแต่งงาน พวกเขารู้ทฤษฎีแต่ไม่มีประสบการณ์จริง แม้กระทั่งผู้ใหญ่รุ่นเยาว์ซึ่งรู้มากกว่าเด็กๆ ก็ยังไม่เข้าใจว่าความสุขและความทุกข์ในการแต่งงานนั้นเป็นอย่างไร เพราะพวกเขายังเป็นโสดอยู่ ในทำนองเดียวกัน เราได้อ่านจากคัมภีร์ต่างๆ ถึงเรื่องที่ว่าสาวกของพระศากยมุนีพุทธเจ้าและพระเยซูคริสต์ได้เห็นแสงได้ยินเสียงดนตรี ได้เห็นพุทธะหรือพระเจ้าและมีประสบการณ์ในสวรรค์ชั้นที่ ๓, ดุสิต สวรรค์ชั้นที่ ๔ , และสรวงสวรรค์ที่พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เราเคยได้ยินเกี่ยวกับโพธิสัตว์ระดับ ๘, พระอรหันต์, พระโสดาบัน แต่เราไม่รู้ว่าพระโสดาบันคืออะไร หรือบุคคลคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไรหลังจากที่ได้บรรลุระดับโสดาบันหรือระดับอรหันต์ เขาได้รับอะไรข้างใน? เขาคิดอย่างไรและเขาได้เห็นอะไร? เขามีพลังหรือมีปัญญาที่แตกต่างจากพวกเราหรือซึ่งทำให้พวกเขาได้รับการเคารพยกย่องว่าเป็นพระอรหันต์?
    สมมุติว่าในโลกนี้มีบุคคล ๒ คนซึ่งดูแล้วเหมือนๆ กัน แต่คนหนึ่งเรียนวิทยาศาสตร์ และอีกคนหนึ่งเรียนวิชาช่างไม้ แน่นอน พวกเขาแตกต่างกัน ช่างไม้รู้ว่าหมอนั้นมีอาชีพที่ดีมากและมีสติปัญญาฉลาดเฉลียวและสามารถช่วยชีวิตคนได้และอื่นๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่หมอได้อย่างไร เขาไม่รู้ว่าภายในของหมอนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ว่าหมอนั้นช่วยชีวิตคนได้อย่างไร ว่าหมอนั้นวินิจฉัยคนไข้ของเขาได้อย่างไรโดยเพียงแค่มองดูคนไข้ หรือว่าหมอรู้ว่าคนไข้นั้นป่วยหนักได้อย่างไรโดยเพียงแค่คลำชีพจรของคนไข้ ช่างไม้ทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะเรียกหมอว่าหมอทำไม? เขามีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความรู้ของช่างไม้ เราไม่สามารถพูดว่าการตัดต้นไม้ก็เหมือนกับการผ่าตัดช่องท้อง เพียงเพราะว่าการกระทำทั้ง ๒ อย่างนั้นใช้เครื่องมือที่มีคม มันไม่เหมือนกัน! งานหนึ่งเกี่ยวข้องกับต้นไม้ อีกงานหนึ่งเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ต้นไม้นั้นไม่ซับซ้อน แต่ภายในร่างกายมนุษย์มีอวัยวะมากมายที่จะต้องจัดการอย่างระมัดระวัง การผ่าตัดศัลยกรรมไม่ใช่เป็นเพียงการผ่าง่ายๆ ด้วยมีด!
    ในทำนองเดียวกัน คนเป็นจำนวนมากที่สามารถอ่าน ท่อง และอธิบายคัมภีร์ต่างๆ ได้ พวกเขาสามารถบอกได้ว่าคัมภีร์นั้นได้ถูกเขียนขึ้นเมื่อไร ได้ถูกเขียนขึ้นโดยใครและความหมายที่อยู่ในคัมภีร์นั้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาไม่มีประสบการณ์ พวกเขาไม่มีประสบการณ์ในการเป็นพระอรหันต์, เป็นโพธิสัตว์ระดับ ๘, เป็นโพธิสัตว์ระดับ ๑๐ , เป็นพุทธะ, หรือแม้กระทั่งระดับเบื้องต้นที่สุดคือระดับโสดาบัน, สาวกหรือปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิม มิฉะนั้นแล้วเราจะต้องมาลำบากฝึกฝนทางด้านจิตวิญญาณทำไม?
    ผู้คนดีใจที่ได้ยินว่าทุกคนมีธรรมชาติพุทธะ พวกเขาคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ใช่เลย! เราไม่รู้ว่าธรรมชาติแห่งพุทธะนั้นคืออะไร เราจะต้องบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิมเพื่อที่จะตระหนักถึงธรรมชาติแห่งพุทธะหรืออรหันตผล เพื่อที่จะรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร เราจะได้รับพลังหรืออำนาจอะไร หรือเราจะช่วยคนได้ถึงจุดไหนเมื่อเราได้บรรลุระดับของโพธิสัตว์ระดับ ๘ เป็นแบบเดียวกันสำหรับการเป็นหมอ ยิ่งเขาเรียนมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งสามารถช่วยชีวิตคนได้มากเท่านั้นและยิ่งเขาฝึกฝนมากเท่าไร เขาก็จะมีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น หมอบางคนไม่จำเป็นต้องสัมผัสชีพจรของเธอเลยด้วยซ้ำ เขาสามารถบอกได้ว่าเธอป่วยเป็นอะไรเพียงแค่มองดูเธอ

อาจารย์ผู้รู้แจ้งช่วยจัดการกรรมให้เรา

    การฝึกฝนทางด้านจิตวิญญาณก็เป็นแบบเดียวกัน ผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณมากมายไม่จำเป็นต้องตรวจสอบชะตากรรมของเราเพื่อที่จะช่วยเรา เราไม่จำเป็นต้องแสดงประวัติบรรพบุรุษของเราให้พวกเขาทราบ หรือบอกพวกเขาว่าเราเคยบำเพ็ญวิถีอะไรมาก่อน หรือเล่าให้พวกเขาฟังว่าเราเคยทำความดีความชั่วอะไรมา เราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรสักคำ พวกเขาจะทราบทุกสิ่งทุกอย่างโดยเพียงแค่ชำเลืองมองดูเรา พวกเขาจะทราบทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา นับตั้งแต่ตอนที่เราลงมายังโลกนี้เป็นครั้งแรก ทราบการกระทำทุกอย่างของเราในชาติก่อนๆ และเราเคยเป็นสัตว์ป่า, พระราชา, มนุษย์, ข้าราชการ, ผู้ชาย, หรือผู้หญิงมาหรือเปล่า แบบนี้พวกเขาจึงจะสามารถจัดการกับตาข่ายกรรมอันซับซ้อนนั้นให้กับเราได้ คนที่สามารถทำนายโชคชะตาก็นับว่าเก่งแล้ว แต่พวกเขาสามารถบอกให้เราทราบเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาเท่านั้น หรืออย่างมากที่สุดอดีตที่ผ่านมา ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ปี นั่นไม่เห็นมีอะไรเลย พวกเขาไม่สามารถอ่านกรรมที่ได้สะสมในอดีตชาติทั้งหมดของเรา
    ในเวลาประทับจิต ฉันได้แนะนำเธอว่าเราควรละเว้นจากการใช้พลังอิทธิปาฏิหาริย์ เพราะมันไม่สำคัญแม้แต่นิดเดียวและมันมีขีดจำกัดมาก คนที่สามารถอ่านอดีตชาติ สามารถย้อนรอยกรรมที่คนได้สะสมในอดีตอย่างมากที่สุดก็ ๒๐๐-๓๐๐ ปีหรือ ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ปี พวกเขาไม่สามารถมองเห็นไปถึงเวลาแรกเริ่มสุดเมื่ออะตอมถูกแปรเปลี่ยนเป็นสรรพสัตว์ และเขาหรือหล่อนได้ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดนับพันๆ ล้านปีอย่างไร มีเพียงพุทธะหรืออาจารย์ผู้รู้แจ้งเท่านั้นที่สามารถอ่านประวัติบุคคลเช่นนั้นได้ อาจารย์เช่นว่านี้เท่านั้นที่มีอำนาจ(เสียงปรบมือ) บันทึกกรรมถูกเก็บไว้ในสถานที่พิเศษแห่งหนึ่งซึ่งมนุษย์ธรรมดา หมอดูระดับปานกลาง และคนที่มีความสามารถอ่านอดีตชาติเข้าไปไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่มีบัตรประจำตัว! อาจารย์ผู้รู้แจ้งชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เหล่านี้เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ หมอดูไม่สามารถบอกสิ่งที่อยู่ในบันทึกเหล่านี้ได้ แม้ว่าถ้าพวกเขารู้ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
    ยกตัวอย่าง หมอดูบางคนอาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงกรรมปัจจุบันของเราได้บ้างนิดหน่อย พวกเขาอาจจะบอกเราว่า “โอ! คุณนายหวัง เธอกำลังถูกครอบงำด้วยพลังทางลบ! มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับฮวงจุ้ยในบ้านของเธอ ให้รีบจัดการย้ายตำแหน่งทิศทางบ้านของเธอ แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง! เธอควรที่จะทำบุญด้วยเพื่อที่จะได้รับพระพรหรือผลประโยชน์ในอนาคต” บางครั้งก็ทำแบบนั้นได้ เพราะบุคคลคนนั้นสามารถอ่านกรรมที่เราได้ก่อขึ้นในชาติก่อนของเรา ซึ่งทำให้เราตกอยู่ในมุมมืดในขณะนี้ เขาสามารถมองเห็นมันได้ และเขาสามารถช่วยเราคลายปมกรรมที่หลงเหลือมาจากชาติก่อน อย่างไรก็ตาม บางครั้งกรรมของเราอาจจะได้ก่อขึ้นเมื่อนานมาแล้วหลายพันปีก่อน และผลแห่งกรรมนั้นยังไม่สุกงอม ดังนั้นแม้ถ้าหมอดูจะทราบเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ที่จะช่วยเราให้หลุดพ้นจากกฎแห่งกรรมอันไม่พึงปรารถนานี้ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้
    มีเพียงอาจารย์ผู้รู้แจ้งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปยังสถานที่เหล่านี้ซึ่งบันทึกที่สมบูรณ์ได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มันเป็นงานของอาจารย์เหล่านี้ที่จะล้างกรรมเก่าๆ ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นแล้วก็จะเป็นการไร้ประโยชน์ที่เราจะบำเพ็ญทางจิตวิญญาณเพื่อการหลุดพ้น จะต้องใช้เวลาเป็นพันกัปพันกัลป์ที่จะลบล้างกรรมทั้งหมด! กระนั้นก็ดี มันก็ยังไม่ถูกลบล้างไปโดยสมบูรณ์ ทำไม? เพราะแต่ละครั้งที่เรากลับมา เราก็จะสร้างกรรมใหม่ขึ้นมาและถูกผูกมัดอีก ก่อนที่เราจะสามารถล้างกรรมที่เราได้สะสมมาออกไปอย่างสมบูณณ์ เราก็จะรับเอากรรมใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น ไม่มีหมอดูหรือบุคคลใดที่มีพลังเหนือธรรมชาติหรือมีความสามารถที่จะอ่านอดีตชาติจะสามารถเข้าไปยังสถานที่เหล่านี้ เพราะเขาไม่มีพลัง เขาไม่สามารถทำอะไรที่จะช่วยลูกค้าของเขาให้จัดการกับกรรมที่มีอายุเก่าแก่นี้ได้ เนื่องจากว่าอาจารย์ผู้รู้แจ้งมีพลังสุดประมาณจึงสามารถชำระล้างกรรมทั้งหมดในชาติก่อนๆ ของเราได้ในชั่วพริบตา พลังของพวกท่านนั้นเหลือเชื่อ! ถ้าเราไม่มีโอกาสที่จะได้พบอาจารย์เหล่านี้ ไม่ว่าเราจะได้รางวัลพระพรมากเท่าไร ก็จะไม่เพียงพอ เพราะกรรมของเรานั้นหนักหนาเกินไปและผลกรรมชั่วของเราก็มีมากมายเกินไป! ไม่ว่าเราจะขยันบูชาพุทธะเพียงไร ก็จะไม่มีวันพอ เราอาจจะศึกษาคัมภีร์ทั้งหมด แต่มันก็ยังไม่สามารถเปิดปัญญาของเราได้ เพราะเราถูกห่อหุ้มไปด้วยเมฆอันดำมืดแห่งกรรมจากชาติก่อนๆ ของเรา เราอาจจะอ่านคัมภีร์ต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เราก็จะยังคงเป็นเหมือนคนตาบอด! แม้ว่าคัมภีร์เหล่านี้จะเขียนไว้อย่างชัดเจนมาก เราก็ไม่อาจที่จะเข้าใจความหมายได้ เพราะเราตาบอดด้วยขยะและกรรม

ความแตกต่างระหว่างผู้ประทับจิตและผู้ไม่ประทับจิต

    มีคนเป็นจำนวนมากคิดว่าเป็นการดีพอแล้วเพียงแค่เชื่อในตัวอาจารย์ แต่ไม่ใช่เลย! เธอจะต้องเต็มใจให้ฉันชำระล้างเธอให้สะอาด ฉันทำไม่ได้ถ้าเธอไม่เต็มใจ เพราะว่ามันเป็นบ้านของเธอ ถ้าหากเธอตั้งใจที่เกาะติดกับขยะของเธออย่างเหนียวแน่น ก็ไม่มีใครสามารถเอามันไปจากเธอได้ นับว่ามีประโยชน์ในระดับหนึ่งสำหรับคนที่มีศรัทธาในตัวฉัน อ่านหนังสือของฉันหรือบูชารูปถ่ายของฉัน มันชำระล้างพวกเขาจากภายนอก แต่ไม่ใช่จากภายใน ผู้ที่รับการประทับจิตได้ยอมให้ฉันทำความสะอาดพวกเขาจากภายในออกสู่ภายนอก ในขณะที่ผู้ที่ไม่ได้รับการประทับจิต ซึ่งมีศรัทธาและอ่านหนังสือ จะได้รับการชำระล้างเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ตัวเราคนเดียวไม่สามารถจัดการกับกรรมที่เราได้สะสมมาเป็นเวลาหลายชาติ มีขยะมากเกินไปและเป็นเวลายาวนานมาแล้วที่มันไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ชีวิตแล้วชีวิตเล่า เราได้เก็บรวบรวมฝุ่นที่ไม่เป็นที่ปรารถนาไว้มากเกินไป จะต้องให้คนที่มีประสบการณ์มากกว่าซึ่งรู้ว่าจะจัดการกับขยะอย่างไรให้เข้าไปในบ้านของเราและกำจัดฝุ่นออกไปให้หมดจด บ้านบางหลังก็เก่ามากจนถึงกับจำเป็นที่จะต้องทำเพดานใหม่ ทาสีผนังใหม่และเอาพรมออกเพื่อทำความสะอาด จะต้องทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม ทำพื้นใหม่ และทาสีผนังใหม่ ก่อนที่บ้านนั้นจะใช้อยู่อาศัยได้ ในทำนองเดียวกัน บ้านที่อยู่ข้างในของเรา จิตตัวนี้ของเราก็เต็มไปด้วยฝุ่นเช่นกัน พื้นก็พังแล้ว ความคิดทางด้านคุณธรรมของเราและอุดมการณ์อันสูงส่งของเราก็ได้เสื่อมถอยลง เหลือแต่ความคิดทางโลกเท่านั้น และความโลภ โกรธ หลงที่ติดเป็นนิสัย เราไม่สามารถจัดการมันด้วยตัวเราคนเดียวได้ สำหรับผู้ที่ได้รับการประทับจิต อาจารย์จะเข้าไปทำความสะอาดข้างในอย่างหมดจด
    มีคนเป็นจำนวนมากที่มีความคิดผิดๆ ว่าเป็นการพอเพียงแล้วในการนำรูปถ่ายของฉันกลับไปบูชาที่บ้าน นิสัยในการบูชาของพวกเขานั้นฝั่งรากลึก เขาบูชาพระแม่ธรณีและแม้กระทั่งรุกขเทวดา เมื่อพวกเขาทราบถึงพลังของฉัน พวกเขาก็นำรูปถ่ายของฉันกลับไปบูชาที่บ้านด้วยเหมือนกัน แบบนั้นก็มีประโยชน์ แต่เป็นเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ฉันได้ทำการเปรียบเทียบให้ฟังอย่างชัดเจนมากแล้วเมื่อสักครู่นี้ เพราะฉะนั้นถ้าเราปรารถนาการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดจริงๆ และต้องการที่จะกำจัดจุดที่สกปรกของเราออกไปแล้วละก็ มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการรับการประทับจิต เพราะฉะนั้นขออย่าได้ถูกชักจูงไปผิดๆ ในเรื่องนี้ ฉันได้พบว่ามีคนเป็นจำนวนมากที่มีความคิดผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นับว่าน่าเสียดายมาก ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีศรัทธาในตัวฉัน แต่เพราะพวกเขาเข้าใจผิด
    เพราะฉะนั้นในวันนี้ฉันจึงได้เน้นเป็นพิเศษในจุดนี้ เพื่อให้ความกระจ่างแก่พวกเธอ (เสียงปรบมือ) ฉันไม่ได้พยายามที่จะบังคับเธอให้รับการประทับจิต ฉันเพียงแค่ต้องการให้พวกเธอที่ถูกชักนำไปผิดๆ ให้เข้าใจถึงความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการประทับจิตและการไม่ประทับจิต!
    แม้กระทั่งคนที่ไม่มีศรัทธาแรงกล้าในตัวฉัน หลังจากที่ได้รับการประทับจิตไปแล้วก็ยังดีกว่าผู้ที่เชื่อฉันแต่ไม่รับการประทับจิต มันก็เหมือนกับการรักคนคนหนึ่งอย่างมากโดยที่ไม่ได้แต่งงานกับเขา จะมีประโยชน์อะไรกัน? เรื่องนี้แตกต่างกับเรื่องที่การไม่รักคนคนหนึ่งเท่าไรนัก แต่ใช้ชีวิตอยู่กับเขาหรือหล่อนทุกๆ วัน มีประสบการณ์ของการแต่งงานและมีความสุขด้วยกัน นับว่ามีความแตกต่างอย่างมาก! จริงหรือเปล่า? ถ้าหากเธอรักผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจะอยากที่จะรักเขาจากข้างนอกประตูของเขาทุกๆ วันหรืออยากที่จะแต่งงานกับเขา? (แต่งงานกับเขา) ใช่แล้ว! เพราะฉะนั้นอย่ามาบอกฉันว่าแค่รักผู้หญิงก็ดีพอแล้วว่า เธอรักหล่อนมากกว่าคู่รักของหล่อน จะมีประโยชน์อะไรในการรักหล่อนมากกว่าคู่รักของหล่อน จะมีประโยชน์อะไรในการรักหล่อนมาก ถ้าเธออยู่ไกลจากกัน? ถ้าหากเธอต้องการหล่อนจริงๆ แล้วละก็แต่งงานกับหล่อนเสีย เธอควรที่จะรับการประทับจิตถ้าหากเธอต้องการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ต้องการได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริงจากอาจารย์และได้รับประโยชน์จากพลังพระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่มีอยู่!



ท่านที่มีความสนใจประทับจิตเข้าสู่ธรรมวิถีกวนอิมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่
สมาคมนานาชาติอนุตราจารย์ชิงไห่
ศูนย์กรุงเทพ
537/191-192 ซอยสาธุประดิษฐ์ 37 ถนนสาธุประดิษฐ์
แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. 10120
โทรศัพท์ 02-682-0015   โทรสาร 02-682-0014
รถเมล์ที่ผ่านหน้าซอย สาย 35, 62, สองแถวแดง สาย 1279 (วัดดอกไม้)



www.SupremeMasterTV.com
Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
เป็นมังสวิรัติเพื่อช่วยโลกของเรา				
13 เมษายน 2554 15:38 น.

แจ้งเตือนภัยพิบัติ ปี ๒๕๕๔...

คีตากะ

การเตือนภัยในครั้งนี้เกิดจากเจตนาดีของผู้ปฏิบัติธรรมกลุ่มหนึ่ง โปรดใช้วิจารณะญาณในการรับชมรับฟังและไม่ควรเกิดความตื่นตระหนก แต่ควรเตรียมพร้อมเท่าที่จะทำได้ ควรรอดูสถานการณ์ ติดตามข่าวสารให้แจ้งชัดก่อนเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจต่อไปด้วยความรอบคอบและไม่ประมาท.... 



สำนักสงฆ์ป่าถ้ำธารน้ำลอด หมู่ที่ ๙
ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

๑๖ มีนาคม ๒๕๕๔

เรื่อง แจ้งเตือนเตรียมรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ซึนามิ

เจริญพร ท่านผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

     อาตมาภาพ พระภิกษุกัมมัฏฐาน ปวตฺตโน มีความประสงค์จะแจ้งเตือนภัยพิบัติอันเป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดของท่าน เนื่องด้วยแหล่งข่าวไกล้ชิดของอาตมาภาพที่มีความแม่นยำและความน่าเชื่อถือสูงในวงของผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา ได้แจ้งเตือนภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ทั้งในและต่างประเทศ
กับอาตมาภาพไว้ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไว้คือ

- จะเกิดแผ่นดินไหวแถบเทือกเขาตะนาวศรี จังหวัดราชบุรี ราว ๆ กลางปี ๒๕๕๔ จะส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนในจังหวัดราชบุรีเป็นวงกว้าง
- จะเกิดแผ่นดินไหวที่กรุงเวียงจันทร์ ประเทศลาว (เกิดขึ้นจริงแล้ว)
- จะเกิดแผ่นไหว และเกิดซึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น (เกิดขึ้นจริงแล้ว)
- จะเกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินยุบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ (จะเกิดก่อนเดือนมิถุนายน และจะเป็นข่าวใหญ่)
- *** จะเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ซึนามิ ส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคใต้ ๓ ระลอก ภายในปี ๒๕๕๔ นี้ คือ
ระลอกที่ ๑ ช่วงวันที่ ๔ - ๑๕ มิถุนายน ๕๔

โดยจะเกิดแผ่นดินไหวแถบทะเลอันดามันประเทศอินโดนีเซีย ประมาณ ๕ ทุ่ม และเกิดคลื่นยักษ์ซึนามิที่มีความรุนแรงมากกว่าปี ๔๗ คลื่นเดินทางถึงชายฝั่งประเทศไทย เวลา ตี ๒ ๕๐ นาที จังหวัดที่ได้รับการปะทะโดยตรงจากคลื่นซึนามิ ในระลอกแรก
๑.กระบี่
๒.ตรัง
๓.สตูล
๔.ภูเก็ต
๕.พังงา
๖.ระนอง

     จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวโดยเกิดแผ่นดินถล่ม,ยุบตัวและน้ำที่ดันขึ้นมาจากโพรงใต้ดิน (โพรงหรืออุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่เกิดจากแรงแผ่นดินไหว และการเคลื่อนของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งปัจจุบันแหล่งข่าวกล่าวว่าเกิดขึ้นแล้วเป็นแนวยาวผ่านตั้งแต่ภาคใต้จนถึงภาคกลางของประเทศไทย) โดยมีความเสียหายหลายจังหวัด คือ
๑. นครศรีธรรมราช
๒. สงขลา (หนักที่หาดใหญ่)
๓. พัทลุง
๔. ชุมพร

     แผ่นดินไหวครั้งนี้จะส่งผล กระทบอย่างรุนแรง สู่หลาย ๆ ประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย พม่า รวมถึงประเทศรอบ ๆ ทะเลอันดามัน ประเทศไทยจะเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมาก เนื่องจากความประมาทของเจ้าหน้าที่และประชาชน แต่บางประเทศเช่นอินเดียสามารถอพยพได้ทันเพราะมีเวลาเตรียมตัวหลังจากทราบเหตุการแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์ซึนามิ

***แหล่งข่าวบอกว่าระบบแจ้งเตือนภัยซึนามิที่ติดตั้งไว้ในทะเลอันดามัน ถึงเวลาจริง ๆ ไม่ได้แจ้งเตือนเพราะระบบขัดข้อง

ระลอกที่ ๒ จะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ครั้งแรก
ประมาณ ๑ เดือนโดยแหล่งข่าวบอกว่า เก็บกู้ความเสียหายยังไม่ทันเสร็จระลอกใหม่ก็เกิดขึ้นอีก
***เหตุการณ์จะรุนแรงกว่าระลอกแรกโดยมีความรุนแรงมากที่สุดในสามระลอก จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นทั้งสองฝั่งคือทั้งอ่าวไทยและอันดามัน ผลกระทบเกิดขึ้นทุกจังหวัดในภาคใต้

ระลอกที่ ๓ จะเกิดขึ้นระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ มีความรุนแรงน้อยกว่าระลอกที่สอง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน

*** แหล่งข่าวระบุว่า ผลกระทบของแผ่นดินไหวจะส่งผลเป็นลูก โซ่ (สู่เหตุการณ์ต่าง ๆ ) และจะมีข่าวปรากฏในสื่อว่า พายุ...-..เซิร์ส (อาตมาไม่เข้าใจ แต่ได้ยินมาว่าเคยเกิดขึ้นแถบ ๆ อเมริกา มีความรุนแรงมาก กรุณาศึกษาเพิ่มเติม)

      ขออนุญาติแจ้งเหตุการณ์ปี ๒๕๕๔ ที่สำคัญ ๆ ไว้เพียงเท่านี้ แต่ที่ได้รับแจ้งมาจากแหล่งข่าวนั้น ในปีหน้า ๒๕๕๕ มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติซึ่งส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างรุนแรงและแปลกประหลาดอีกหลายเหตุการณ์ ซึ่งจะแจ้งเตือนในคราวต่อไป

     ในการทำหนังสือแจ้งเตือนมาในครั้งนี้ อาตมาภาพทราบดีว่าจะเกิดความตื่นตระหนก และความลังเลสงสัยต่อท่านและผู้ที่รับทราบเพราะเป็นเหตุการณ์ในอนาคต พ้นวิสัยการรู้เห็นโดยทั่วไปของมนุษย์เรา การแจ้งเตือนครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวอาตมาภาพเองเลย ซ้ำอาจจะเกิดโทษดังเช่นกรณีของคุณสมิทธ ธรรมสโรช ที่ออกมาเตือนเรื่องโอกาสที่จะเกิดซึนามิในฝั่งทะเลอันดามัน ก่อนปี พ.ศ.๒๕๔๗ ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้โจมตีการแจ้งเตือนของคุณสมิทธอย่างมาก ซึ่งท้ายที่สุดเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริง ๆ โดยไม่ได้เตรียมการรับมือ เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งขณะนั้นอาตมาภาพยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เดินทางร่วมกับคณะเพื่อนนักศึกษาไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่จังหวัดพังงา เดินทางถึงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๔๗ และอยู่เป็นอาสาสมัครอยู่ในทีมพิสูจน์ศพของทีมแพทย์ศิริราชและแพทย์รามาที่วัดบางม่วงและวัดย่านยาว
 
      ได้เกิดความสังเวชที่ได้เห็นพี่น้องชาวไทยและต่างประเทศลูกเด็กเล็กแดงล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ในการเพียรพยายามทำหนังสือแจ้งเตือนมายังท่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการป้องกันและรับมือภัยพิบัติในครั้งนี้ เป็นความเมตตาสงสารเพื่อนร่วมโลกไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือประเทศไหน ๆ ของอาตมาภาพที่ไม่อยากให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และอาตมาภาพและแหล่งข่าวไม่ได้ต้องการชื่อเสียงอันเป็นเรื่องของโลก และไม่ต้องการเป็นข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากต้องการความสงบวิเวกในการปฏิบัติธรรม อาตมาภาพได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นเพื่อนสหธรรมมิกโยคาวจรของอาตมาภาพ

     ราว ๆ ต้นเดือนมีนาคม ๕๔ ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งแล้วก็เกิดความตระหนกเกิดขึ้นและเกิดความสงสารในชะตากรรมเพื่อนร่วมโลก แต่ก็คิดว่าจะวางอุเบกขาเพราะเราช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะไม่ได้มีอำนาจหน้าที่และเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ใดๆ และเรื่องประเภทนี้พูดไป จะเป็นโทษกับตนคือคนจะหาว่าบ้า ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากบอกบุคคลไกล้ชิด
 
      แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่นิวซีแลน เวียงจันทร์และที่ญี่ปุ่นซึ่งเกิดขึ้นจริงดังคำแจ้งเตือนของแหล่งข่าวเพื่อนสหธรรมมิก เมื่อเห็นความสูญเสียในชีวิตที่เกิดขึ้นเป็นหมื่น ๆ คน เกิดความรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก จึงใคร่ครวญและปรึกษากับแหล่งข่าวที่เป็นเพื่อนสหธรรมมิก ว่าจะตัดสินใจทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อปกป้องชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คิดอย่างหนึ่งว่า ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นมีคนเสียชีวิตมาก ๆ โดยที่เรารู้ล่วงหน้ามาก่อนแต่ไม่ได้ทำอะไร ต่อไปคงจะรู้สึกเสียใจมาก และไม่สามารถให้อภัยกับตนเองได้ แต่ถ้าได้ทำเท่าที่ทำได้ให้ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่เสียใจมากเพราะได้ทำเต็มที่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นที่มาสำหรับการทำหนังสือแจ้งเตือนในครั้งนี้

     อาตมาภาพหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะรับฟังและพิจจารณาในคำเตือนในสิ่งที่อาตมาภาพและเพื่อนสหธรรมมิกแจ้งเตือนมานี้ เพื่อความไม่ประมาทและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิตเพื่อนมนุษย์และรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

*** สิ่งหนึ่งที่จะยืนยันว่าสิ่งที่แจ้งเตือนเป็นจริงหรือไม่ในภาคใต้คือ ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ภาคใต้ จะเกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินถล่มที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ยินว่าจะเป็นข่าวใหญ่ทางสื่อ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นเครื่องยันยันได้ว่าเหตุการณ์ที่ภาคใต้จะเกิดขึ้นจริง และให้เตรียมรับมือเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึ้น
 
     แต่สำหรับตัวอาตมาภาพนั้น หมดความสงสัยไปนานแล้ว และยากที่จะอธิบาย นอกจากจะพิสูจน์ด้วยตนเอง สำหรับรายละเอียดของเหตุการณ์นั้น แหล่งข่าวเพื่อนสหธรรมมิกท่านทราบละเอียดอีกมากที่ได้แจ้งให้อาตมาภาพได้ทราบ และปัจจุบันพำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่เดียวกัน อาตมาภาพและเพื่อนสหธรรมิกพร้อมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมและร่วมดำเนินการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นร่วมกับท่านและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ตามกำลังและวิธีการที่จะช่วยได้ โดยสามารถติดต่อมายังอาตมาภาพ หรือเดินทางมาสอบถามด้วยตนเอง ที่สำนักสงฆ์ป่าถ้ำธารน้ำลอดโดยอาตมาภาพไม่ต้องการให้จดหมายแจ้งเตือนนี้ปรากฏสู่สาธารณะ อันจะปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่าง ๆ

     ประเทศไทยโชคดีอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง มีผู้มีบุญบารมีลงมาเกิดเพื่อบำเพ็ญเพียรหรือสะสมบุญบารมีอยู่มากและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองดูแลรักษาชาวพุทธและประเทศไทย เพื่อให้พระศาสนาดำรงอยู่จนตลอดอายุพระศาสนาคือ ๕,๐๐๐ ปี และการแจ้งเตือนครั้งนี้ก็มาจากวิธีพิเศษ ที่มีปรากฏขึ้นจริงในผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา เพื่อช่วยประชาชนชาวสยามบนถิ่นแหลมทองแห่งนี้

     ด้วยอำนาจของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์สาวก และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ปกปักรักษาสยามประเทศ ได้โปรดอำนวยพรให้ท่าน และผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณา และประสบความสำเร็จในการเตรียมการรับมือกับมหาภัยพิบัติ อันจะเป็นเครื่องป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องเพื่อนร่วมโลกที่หวังความช่วยเหลือจากท่านเป็นจำนวนมาก และเหลือระยะเวลาเตรียมการเพี
ยงแค่ประมาณ ๓ เดือน ในครั้งนี้ด้วยเทอญ

ขอเจริญพร
กัมมัฏฐาน ปวตฺตโน

พระกัมมัฎฐาน ปวตฺตโน
สำนักสงฆ์ป่าถ้ำธารน้ำลอด หมู่ที่ ๙ ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร


__________________
ที่มาข้อมูล

http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%88-%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-286722.html
 


ฺ            Be Veg, Go Green 2 Save The Plane				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ