29 สิงหาคม 2567 09:58 น.

เขาประทับช้าง

คีตากะ

โครงการศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้มีประสบการณ์ตรง
จากการเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างมากยิ่งขึ้นสำหรับเด็กปฐมวัย......
บรรดาคุณครูและผู้ดูแลเด็กก็ได้ประชุมกันว่าปีนี้จะพาเด็กๆ ไปทัศนศึกษาเรียนรู้ที่ไหนกันดี ผลสรุปออกมา
ว่าสถานที่ที่จะไปก็คือ “เขาประทับช้าง” อย่างไม่รอช้า เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ข้าพเจ้าคว้ามอเตอร์ไซค์
คันเก่า ถามว่าเก่าขนาดไหนก็น่าจะราวๆ สัก ๒๐ กว่าปีเห็นจะได้ ก็เพื่อออกไปสำรวจว่า เขาประทับช้าง
อยู่ที่ไหนกันแน่ ? เพราะแม้จะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลย ลองถาม
คนละแวกแถวนี้ดู ก็ไม่มีใครสักคนที่รู้จัก เพียงเพราะมีคุณครูคนหนึ่งที่อ้างว่าเคยไปมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว
เท่านั้นเสนอมา เมื่อค้นหาจาก GooGle Map ก็ปรากฏว่ามีสถานที่นี้อยู่จริงๆ และพอดูจากเส้นทางระยะห่าง
จากบ้านแล้วก็ไม่นับว่าไกลเท่าไรนัก การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ สำหรับข้าพเจ้าการ
ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นการเสพสุขประการหนึ่ง สมัยก่อนเคยขี่มอเตอร์ไซค์สำรวจลุ่มน้ำแม่กลองจากต้นน้ำมาจรด
ถึงปลายน้ำ ซึ่งใช้ระยะทางไกลกว่านี้ จึงคิดว่าครั้งนี้ระยะทางใกล้กว่ามากไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งเป็นการ
คาดคิดที่ผิดพลาดทีเดียว....
การขับขี่มอเตอร์ไซค์ลัดเลาะไปตามหมู่บ้านทำให้เห็นวิถีชีวิตของชุมชนที่มีความหลากหลาย ตลอดจน
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากหมู่บ้านหนึ่งไปสู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง จากชุมชนหนึ่งไปสู่อีกชุมชนหนึ่ง 
หลังจากที่ออกจากบ้านวิ่งเลียบคลองของชุมชนชื่อ “คลองตาคด” เห็นคลองสายเล็กๆ ตัดผ่านระหว่าง
หมู่บ้าน มีลักษณะคดเคี้ยวไปมาเหมือนกับงูไม่มีผิด ไม่ทราบต้นสายและปลายสายของคลองนี้ 
เพราะไม่เคยสำรวจมาก่อน...
        ถึงตาคดชื่อคลองมองคดเคี้ยว
สายน้ำเชี่ยวแทรกไปในไพรสนฑ์
เห็นหมู่บ้านรายเรียงเคียงฝั่งชล
หัวใจคนจะคดไหมอยู่ใกล้คลอง?
จนตัดผ่านหน้าวัดพระศรีอารย์ เห็นโบสถ์สีทองตั้งตระหง่านอยู่ภายในกำแพงวัดระยิบระยับเปล่งประกาย
ภายใต้แสงอาทิตย์ยามสาย ดูไปเคร่งขรึมอลังการยิ่ง
ผ่านหน้าวัดพระศรีอารย์ตระการใหญ่
ปานสร้างไว้รอองค์พระทรงศรี
มาตรัสรู้ในธรรมเลิศคัมภีร์
ณ วัดนี้เบื้องหน้าอนาคตกาล
 ไม่นานก็ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองที่ไหลมาจากจังหวัดกาญจนบุรี เห็นสายน้ำกำลังเอื่อยไหลมุ่งหน้า
ลงสู่ใต้ ซึ่งจะไหลไปลงทะเลอ่าวไทยที่จังหวัดสมุทรสงคราม เส้นทางนี้เป็นเส้นทางลัดตัดผ่านหมู่บ้าน
ไม่ใช่เส้นทางหลัก การจราจรจึงเงียบเหงาจนถึงขั้นวังเวง ไม่มีรถวิ่งผ่านมาเลยสักคัน โดยเฉพาะช่วง
ระยะทางที่ตัดผ่านทุ่งนาข้าวที่ทอดยาวไกล เสมือนพื้นพรมสีเขียวสะอาดตา มันเป็นทุ่งนาข้าวของหมู่บ้าน
ที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ข้าพเจ้าเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อจนแบตเตอรี่หมดไปนานแล้ว ไม่มี GooGle 
คอยช่วยบอกทางอีก สิ่งเดียวที่พอจะบอกทางได้ก็คือป้ายที่ติดตามท้องถนน ซึ่งค่อนข้างจะหายาก
ในเส้นทางเปลี่ยวร้างแบบนี้ แต่ภาพรางเลือนในสมองตามที่ได้จดจำเส้นทางมาจาก GooGle Map 
ก็พอจะคลำทางต่อไปได้ไม่ติดขัด โรงแรมบางแห่งก็ดูเงียบเหงา เพราะย่านนี้ถึงจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ของจังหวัด แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเทียวอย่างข้าพเจ้าที่จะไปไหน
มาไหนมักไม่ค่อยจะวางแผนอะไรนัก นึกจะไปก็ไป เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้า ซึ่งบ่อยครั้งก็หลงทาง 
แต่โชคดีที่ยังมีปาก ภาษิตว่า “ถามทางดีกว่าวิ่งเร็ว”จึงยังสามารถถามทางจากชาวบ้านได้อยู่ ไม่ถึงกับ
ดื้อแพ่ง หัวชนฝา มั่นใจในตัวเองสูง สุดท้ายก็ไปไม่ถึงจุดหมายในที่สุด เห็นท่าไม่ดีก็หยุดรถถาม
ชาวบ้านเอาแถวนั้นแหละ 
ป้าครับ รู้จักเขาประทับช้างเปล่าครับ” เมื่อมาถึงทางตัน ทำท่าว่าจะหลงทาง แบตเตอรี่โทรศัพท์
ก็หมด อินเทอร์เน็ตใช้ไม่ได้ จึงเปิดจาก Google ไม่ได้ ก็หยุดรถสอบถามป้าคนหนึ่งที่กำลังเข็ญรถอะไร
บางอย่างอยู่ข้างถนน คำตอบที่แกตอบกลับมาคือ 
ป้าไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย” ขอบคุณครับป้า ก่อนจะขี่รถต่อไป ได้ยินเสียงป้าตะโกนมา
ตามหลังว่า
 "ลองไปถามคนแถวๆ เขางูดูซิ น่าจะรู้จัก !” ขอบคุณครับป้า!
ข้าพเจ้าจดจำได้ว่า เพิ่งจะขี่รถผ่านเขางูมาสักครู่นี้เอง จึงขี่รถวนกลับไปที่บริเวณหน้าเขางู ทำให้นึกถึง
เพลงลูกทุ่งชื่อเพลง “นิราศรักนครปฐม” ที่มีเนื้อเพลงว่า.....
รถเมล์รับจ้างประจำทางสายเพชรบุรี
ผ่านองค์ปฐมเจดีย์สีทองมองสูงตระหง่าน
เมื่อเดือนสิบสองทุกปีต้องมีงานออกร้าน
กราบพระร่วงอธิษฐานได้พบนงคราญรักร่วมใจ
ขอลาร้อยชั่งกลับเขาวังเมืองเพชรบุรี
อย่าลืมพี่นะคนดี สิ้นปีจะย้อนมาใหม่
ได้กินข้าวหลามของคนงามช่างหวานติดใจ
กลับถึงบ้านจึงลืมไม่ไหว คิดถึงขวัญใจนครปฐม
ฝากอนงค์ไว้กับองค์มหาเจดีย์
ขอให้ช่วยคุ้มน้องของพี่
อย่าให้มีใครลอบมาชม
ย้อนมาคราวหน้าจะมาหอมแก้มเอวกลม
จะยื่นข้าวเกรียบที่เขานิยม
มาฝากคนสวยพร้อมด้วยน้ำตาล
รถเมล์รับจ้างประจำทางสายเพชรบุรี
จากองค์ปฐมเจดีย์ลับตาพาเสียวใจซ่าน
ผ่านราชบุรีเห็นมีงานเขางูออกร้าน
เหลือบเห็นจ้าวข้าวหลามตาหวาน
คิดถึงนงคราญนครปฐม…
พระพุทธฉายถ้ำฤษีเขางู” บริเวณอุทยานหินเขางู ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมืองจังหวัดราชบุรี 
เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่สลักบนผนังหินยุคสมัยสุวัณณภูมิประทับห้อยพระบาท 
พระหัตถ์ขวาอยู่ในปางแสดงธรรม พระหัตถ์ซ้ายวางในพระเพลา (ตัก) ระหว่างพระบาทมีจารึกว่า 
บุญวระฤษีงูคิรฺ สมาธิคุปฺต" แปลว่า “บุญพระฤษีคุ้มครองสมาธิ ณ เขางู” เนื้อหินปูนจะเห็นรอยเซาะ
ยืนยันอยู่ ตามจารึกในกระเบื้องจารที่ค้นพบจากการขุดค้นที่คูบัว จังหวัดราชบุรี พระพุทธรูปดังกล่าว
เป็นพระพุทธรูปที่ทำขึ้นในไทยหรือสุวัณณภูมิเป็นองค์แรก เมื่อพุทธพัสสาที่ 44 (ก่อนพุทธองค์เสด็จ
ดับขันธ์ปรินิพพาน 1 ปี/พุทธพัสสาเริ่มนับตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ โดยพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพาน
เมื่อพระชมม์มายุได้ 80 ปีหรือพุทธพัสสาที่ 45 หรือพรรษาที่ 45) ตามหนังสือ “พุทธสาสนสุวัณณภูมิ
ปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย” ของพระธรรมวงศ์เวที (อ่ำ) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพฯ 
จำนวน 808 หน้า ได้บันทึกเรื่องราวตำนานบรรพบุรุษและพุทธศาสนาของไทยตั้งแต่ครั้งยุคสมัยต้นมนุษย์
จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน ตั้งแต่ขุนสรวง เมืองสรวง จนถึงเมืองแผน เมืองแมน เมืองทอง 
สุวัณณภูมิราชพลี ราชบุรี สรุปได้ว่าชนชาติไทยตั้งถิ่นฐานและมีภาษาไทย ตลอดจนวัฒนธรรม
ความเป็นไทยมีมาตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว สำหรับในส่วนของพระพุทธศาสนาก็มีกล่าวเอาไว้ว่า...
สุวัณณภูมิ มีสถานที่ตั้งเมืองและดำรงมาอยู่นานมานั้น แต่ก่อนก็เป็นที่มา-ไปของพระอรหันต์ทั้งหลาย 
แม้เมื่อพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าพร้อมกับพระอรหันต์สงฆ์ 500 มาก็เป็นที่รับและเป็นที่ประทับแรมคืน
กับประทับพระฉายในถ้ำเขางู พระมหาปุณณะเถระได้สลักเป็นพระพุทธฉาย และจารึกชื่อไว้ด้วย
...พ.ศ. 235 พระเถระปัญจวัคคมีพระโสณเถระเป็นต้น (พระมหาเถระที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมา
เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวัณณภูมิ) ได้มาประดิษฐานพระพุทธศาสนา ได้สร้างวัด 
มีนิมิตสีมา พ.ศ. 300 พระเจ้าตะวันอธิราชได้สร้างวัดสุวัณณภูมิทำฐานและพระเจดีย์บรรจุอัฏฐิธาตุ
พระอรหันต์ 5 องค์ที่มานั้น จึงมีวัดโขงสุวัณณภูมิหรือวัดโขงสุวรรณคีรี (ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ตำบลคูบัว 
อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี) และอื่นๆที่ยังหลงเหลืออยู่มากมาย” 
นั่นแสดงว่าพระพุทธองค์ก็เคยเสด็จมา ณ ดินแดนแห่งนี้สมัยครั้งพุทธกาล เนื่องจากมีพระสาวก
ที่เป็นคนไทย ซึ่งทูลขอให้พระองค์เสด็จมาเพื่อโปรดชาวสุนาปรันต (พระปุณณเถระ ชาวสุนาปรันตชนบท
/สุนาแปลว่าสวน ส่วนปรันตะคือปราน รวมกันเป็น สวนปราน พริบพลี หรือจังหวัดเพชรบุรีในปัจจุบัน) 
ซึ่งเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา ตามตำนานท่านเกิดในตระกูลพ่อค้าชาวสุนาปรันตชนบท ดินแดนสุวัณณภูมิ
นายปุณณะได้นำเกวียนบรรทุกสินค้าเดินทางไปค้าขายจนถึงเมืองสาวัตถีนครหลวงแห่งแคว้นโกศล
แวะพักเกวียนอยู่ใกล้กับพระเชตวันมหาวิหาร ซึ่งพระผู้มีภาคเจ้าประทับอยู่ เห็นผู้คนจำนวนมาก
เข้าไปสู่พระวิหาร จึงถามชาวเมืองได้ความว่า....
 “รัตนะ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกิดขึ้นแล้วในโลก เพราะเหตุนี้ มหาชนจึงพากันไปฟัง
ธรรมกถาของพระพุทธเจ้า
 เขาจึงชักชวนพรรคพวกในกองเกวียนไปฟังธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วบังเกิด
ดวงตาเห็นธรรม เกิดศรัทธาในพระศาสดา มีความปรารถนาอยากบวช จึงทูลนิมนต์พระศาสดา 
เสวยภัตตาหารในวันพรุ่งนี้ เช้าวันรุ่งขึ้นเขาได้ถวายมหาทานแด่หมู่สงฆ์ ซึ่งมีพระศาสดาเป็นประธาน 
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนาในบุญของเขา แล้วเสด็จกลับพร้อมหมู่สงฆ์
พอพระศาสดาไปแล้ว เขาเรียกบริวารทั้งหมดมารวมกัน ประกาศว่า.... 
ท่านทั้งหลายข้าพเจ้าจะออกบวช ฉะนั้นสินค้าและบ้านช่องทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ พวกท่าน
ช่วยมอบให้แก่น้องชายของข้าพเจ้าด้วยเถิด” 
จากนั้นเขาก็ไปเข้าเฝ้าพระศาสดาบวชอยู่ในพระพุทธศาสนา แล้วพากเพียรบำเพ็ญ ในข้อปฏิบัติทั้งหลาย 
ตั้งอกตั้งใจประพฤติกรรมฐาน แต่ก็ยังไม่อาจบรรลุธรรมได้จึงเกิดความคิดว่า.....
 “เราสมควรไปขอกรรมฐานจากพระศาสดา แล้วกลับคืนสู่ชนบทเดิม อันเป็นที่เหมาะแก่การปฏิบัติ
ธรรมของเรา” 
พระภิกษุปุณณะ จึงออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลว่า.... 
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดสั่งสอนด้วยพระโอวาทย่อๆ 
พอที่ข้าพระองค์ ได้สดับธรรมแล้ว พึงเป็นผู้เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีใจเด็ดเดี่ยว 
มีความเพียร ส่งตนไปธรรมอยู่เถิด” 
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับดังนั้น จึงตรัสว่า.....
ดูก่อนปุณณะ ถ้าอย่างนั้นเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจะบอกให้รู้ดังนี้
รูปที่เห็นได้ด้วยตา หรือเสียงที่ได้ยินด้วยหู หรือกลิ่นที่ได้ดมด้วยจมูก หรือรสที่ได้ลิ้มด้วยลิ้น 
หรือสัมผัสที่ได้แตะต้องด้วยกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชวนให้ใคร่ ชวนให้
กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุเพลิดเพลิน ยินดี กล่าวสรรเสริญ พัวพันติดใจในสิ่งนั้น ความใคร่อยาก
ย่อมเกิด นั่นแหละทุกข์จึงเกิด แต่ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพัน
ติดใจในสิ่งนั้น ความใคร่อยากย่อมดับไป นั่นแหละทุกข์จึงดับ
พระศาสดาตรัสถึงตรงนี้ มีภิกษุรูปหนึ่งในที่นั้น อดใจไม่ได้ที่จะทูลถามด้วยความสงสัยว่า.....
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ยังไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ
 และ ความสลัดออกแห่งสัมผัสในอายตนะทั้ง 6 (คือ 1. รูปสัมผัสตา 2. เสียงสัมผัสหู 
3. กลิ่นสัมผัสจมูก 4. รสสัมผัสลิ้น 5. สิ่งที่สัมผัสกาย 6. อารมณ์สัมผัสใจ)"
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า....
"ดีล่ะ! ภิกษุ เธอจงพิจารณาเห็นให้ดี ด้วยปัญญาอันถูกตรงตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า 
ตา-หู-จมูก-ลิ้น - กาย - ใจ นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา หากเธอ
พิจารณาสัมผัสในอายตนะทั้ง 6 ได้ดังนี้ เป็นอันว่าเธอละขาดแล้ว เพื่อความไม่เกิด อีกต่อไป"
แล้วทรงหันมาถามภิกษุปุณณะว่า....
"ดูก่อนปุณณะ เรากล่าวสอนเธอแล้วด้วยโอวาทย่อๆ แล้วเธอจะไปอยู่ในชนบทไหน"
"ข้าพระองค์จะไปยังสุนาปรันตะชนบท พระเจ้าข้า"
พอทรงสดับว่าเป็นชนบทนั้น พระศาสดาทรงถามต่อทันทีว่า....
"พวกชาวสุนาปรันตะนั้น ดุร้ายหยาบคายนัก ถ้าพวกเขาด่าเธอ กล่าวโทษเธอ เธอจะคิดอย่างไร"
"ข้าพระองค์จะคิดว่า พวกเขาด่า กล่าวโทษเรา ยังดีนักหนาแล้วที่ไม่ได้ทุบตีเราด้วยฝ่ามือ"
"ก็ถ้าพวกเขาทุบตีเธอด้วยฝ่ามือเล่า เธอจะคิดอย่างไร"
"ข้าพระองค์จะคิดว่า พวกเขาทุบตีเราด้วยฝ่ามือ ยังดีนักหนาแล้วที่ไม่ขว้างปาเราด้วยก้อนดิน"
"ก็ถ้าพวกเขาใช้ก้อนดินขว้างปาเธอเล่า เธอจะคิดอย่างไร"
"ข้าพระองค์จะคิดว่า พวกเขาขว้างปาเราด้วยก้อนดิน ยังดีนักหนาแล้วที่ไม่ทำร้ายเราด้วยท่อนไม้"
"ก็ถ้าพวกเขาทำร้ายเธอด้วยท่อนไม้เล่า เธอจะคิดอย่างไร"
"ข้าพระองค์จะคิดว่า พวกเขาทำร้ายเราด้วยท่อนไม้ ยังดีนักหนาแล้วที่ไม่ใช้อาวุธมีคมฟันแทงเรา"
"ก็ถ้าพวกเขาฟันแทงเธอด้วยอาวุธมีคมเล่า เธอจะคิดอย่างไร"
"ข้าพระองค์จะคิดว่า พวกเขาฟันแทงเราด้วยอาวุธมีคม ยังดีนักหนาแล้วที่ไม่ฆ่าเราให้ตาย"
"ก็ถ้าพวกเขาเจตนาฆ่าเธอให้ตายเล่า เธอจะคิดอย่างไร"
"ข้าพระองค์จะคิดว่า ภิกษุบางรูปของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่อึดอัดระอา เกลียดชังร่างกาย 
และชีวิตนั้นมีอยู่ จึงแสวงหาอาวุธฆ่าตัวตาย แต่นี่เราไม่ต้องแสวงหาเลย ก็ได้ตายแล้ว"
"ดีละ ! ปุณณะ เธอมีทมะ (การฝึกข่มใจในกิเลสตน) และอุปสมะ (ความสงบใจจากกิเลส) เช่นนี้ 
จะอยู่ใน สุนาปรันตะชนบทได้แน่"
หลังจากนั้น ภิกษุปุณณะก็เดินทางไป จนกระทั่งถึงสุนาปรันตะชนบท อยู่จำพรรษาในที่นั้น
ในระหว่างพรรษานั้นเอง พระปุณณะเถระสามารถทำให้ชาวสุนาปรันตะชนบทเกิดศรัทธาอย่างยิ่ง กลับใจ 
จากมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) มาแสดงตนเป็นอุบาสก (ชายที่ยึดถือพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์
เป็น ที่พึ่ง) 500 คน แสดงตนเป็นอุบาสิกา (หญิงที่ยึดถือพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง) 500 คน 
และทำตนให้รู้แจ้งในวิชชา 3 (คือ 1. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ = รู้ระลึกชาติ ของกิเลสได้ 2. จุตูปปาตญาณ
= รู้การเกิดและดับของกิเลสสัตว์โลกได้ 3. อาสวักขยญาณ = รู้ความหมดสิ้นไป ของกิเลสตนได้) 
ภายในพรรษานั้นด้วยเช่นกัน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งแล้ว จึงได้ประกาศว่า....
"ในโลกนี้ ศีลเท่านั้นเป็นเลิศ แต่ผู้มีปัญญาเป็นผู้สูงสุด ความชนะ (กิเลส) ย่อมมีเพราะศีล
และปัญญา ทั้งในหมู่มนุษย์ (ผู้มีจิตใจประเสริฐ) และหมู่เทวดา (ผู้มีจิตใจสูง)"
โดยระยะทางจากสาวัตถีมาถึงสุนาปรันตะนี้ ตามอัฎฐกถากล่าวว่าทางประมาณ 300 โยชน์ 
(1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร) หรือเท่ากับ 4,800 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางโดยประมาณเท่านั้น 
(ระยะทางจากจังหวัดเพชรบุรีถึงอินเดียโดยประมาณ)
สำหรับย้อนขึ้นไปก่อน 8,000 ปี มีตำนานจากหนังสือดังกล่าวเล่าว่า.......
ขุนอิน ครองเมืองแผน มีน้องสาวชื่อ นางฟ้าอยู่เรือน ทั้งคู่ยังไม่มีคู่ครอง น้องได้กล่าวชื่อนางกวัก 
หรือ กวักทองมา ลูกสาวคนเดียวของขุนเขาเขียวและนางขวัญทองมา เจ้าเมืองอินว่าสวยงาม 
ขุนอินจึงทำตัวเป็นขอมคือผู้มีความรู้ไปเที่ยว ได้พบกันเมื่อนางกับเพื่อนสาวอาบและเล่นน้ำริมบึงใหญ่ 
ขุนอินจึงมุดไปโผล่จับตัวได้ เกิดรักกัน เพื่อนๆ สาวก็รู้จึงหลบไป นางพาขุนอินไปอยู่ในถ้ำห้องตัว 
ขุนเขาเขียวและขุนหญิงแม่รู้เข้าไปจับขังไว้ กลางคืนนางกวักทองมาได้เปิดแก้ปล่อย  ได้ร่วมกันเดินทาง
มาเมืองแผนรุ่งเช้า ขุนเขาเขียวพาพรรคพวกตามา พบกันแล้ว ต่างก็ถือท่อนไม้เข้าสู้กัน เมื่อขุนเขาเขียว
เสียท่า ขุนอินเงื้อท่อนไม้จะฟาด นางกวัดร้องว่าอย่าฆ่าพ่อ ขุนอินจึงยั้งมือไว้ ครั้นขุนเขาเขียวได้ท่า 
จึงเงื้อท่อนไม้จะฟาด นางกวักร้องว่าอย่าฆ่าผัว ขุนเขาเขียวยั้งมือไว้ ร้องถามลูกว่า มึงได้ผัวแล้วหรือ 
นางรับว่าได้หลายครั้งแล้ว ทั้งคู่เข้าไปก้มไหว้ ขุนเขาเขียวรับขุนอินเป็นลูกโดยตั้งชื่อให้ว่า ขุนอินเขาเขียว 
เอาชื่อตัวต่อให้หมายว่ายอมรับเป็นผู้สืบไปในข้างหน้า.....
ถึงตอนนี้ทำให้คิดถึงเพลงชื่อ”นางกวักมหาเสน่ห์”
โอมปู่เจ้าเขาเขียว
มีลูกสาวคนเดียว
งามเพียบพร้อมบุญหนัก
โสภาอ่าองค์ยิ่งนัก
เธอชื่อว่านางกวัก
ใครเห็นใครรักลุ่มหลง
งามรูป งามใจ
งามทั้งวาจาสูงส่ง
ชวนให้พะวง
งวยงงตะลึงจังงัง
งามรูปคิ้วคันศร
ขนตางอนแก้มอิ่มสีนวลปลั่ง
เสียงนางดั่งเสียงระฆัง
ซึมซาบเหมือนมนต์สั่ง
คนชังหลงกลับมาชม
เลื่องลือไกล
หญิงและชายนิยม
บุญแม่สร้างสม
เกิดมาให้คนบูชา
เสน่ห์เมตตามหานิยม
หญิงชอบชายชมทั่วทั้งธารา
สาวหนุ่มรักกันอธิษฐานใจ
ชาวบ้านทั่วไปขอพึ่งบุญญา
หนุ่มสาวยามความรักโรยรา
บนบานได้ดั่งจินตนา
แม่แผ่เมตตาทั่วไป
โอม ลูกนี้ขาดรัก
วอนกราบแม่นางกวัก
ช่วยกวักรักมาให้
เมตตาอย่าให้ลูกแก่ตาย
ด้วยถูกหญิงแหนงหน่าย
เห็นใจช่วยโปรดดูแล
มนต์เมตตามหานิยมของแม่
สาวสาวแอบชะเง้อ
หันแลด้วยแม่กวักมา
ตามจารึกจากกระเบื้องจารคูบัวและที่อื่นๆ หลวงปู่อ่ำได้แปลและเรียบเรียงเป็นตำราความตอนหนึ่ง
ได้เขียนถึงต้นกำเนิดคนไทยเอาไว้ว่า....
......ชื่อเมืองสรวง และขุนสรวงกับขุนนางสาง ประกาศว่าเป็นต้นคนไทย จึงเป็นปางครั้งที่ 1 เล่าว่า
นอนหลับตื่นขึ้นเห็นทุกอย่างมีอยู่แล้ว ต่อมาได้เห็นผีฟ้าแสงลอยมาปรากฎตัวกินง้วนดินแล้วหลับไป
เข้าไปมองดูเห็นว่าแปลกกว่าตัวเองก็เข้าไปจับตัวไว้ จึงเริ่มคำพูดกันขึ้นต่อมานาน จึงรู้สืบพันธุ์
มีลูกชายหญิง เล่าว่าได้สืบสายเชื้อไว้ในเลือด ทั้งส่วนขุนสรวงและขุนนางสาง..
พุทธันดรที่ 1 - สมัยพระกกุสันธพุทธเจ้า
พุทธันดรที่ 2 - สมัยพระโคนาคมนพุทธเจ้า
พุทธันดรที่ 3 - สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า
พุทธันดรที่ 4 - สมัยพระโคตมพุทธเจ้า (ยุคปัจจุบันนี้)
  สมัยพุทธันดรที่ 1 สมัยพระพุทธเจ้านามว่า “พระกกุสันธพุทธเจ้า” …ขุนสรวงเดิมเป็นผีฟ้าแสง 
(อภัสสรกาย ชั้นอาภัสสรเทพ พรหม) ได้เที่ยวมาสู่หล้านี้ ได้กลิ่นอายง้วนดินติดใจ จึงลงมาและใช้มือ
จับกินเข้าไป มีรสอร่อยหวานมัน กลืนเข้าไป-เข้าไปมากกระทั่งอิ่ม เกิดง่วงนอน จึงนอนหลับ ด้วยอำนาจ
ธรรมชาติอายดิน และอายฟ้ากระทำร่างผีฟ้าแสงให้กลับเป็นร่างคนแล้ว ได้เปลี่ยนให้ลืมหมด
ในขณะหลับนั้น นานเท่าไรไม่ปรากฏ เมื่อตื่นขึ้น กลับรู้สึกสมบูรณ์แล้ว ได้มองดูรอบๆ รู้แต่ว่าอยู่ที่ภูเขา
เป็นเกาะ มีน้ำล้อมรอบ มีกลางคืน กลางวัน มีนก ปลาอยู่แล้ว และที่มีอยู่คนเดียว ขุนสรวงจึงยังไม่มีคำพูด 
และไม่มีข้อคิดระอาย จึงอยู่อย่างธรรมชาติ ไม่มีเครื่องแต่งตัว เมื่อหนาวเข้าถ้ำหินดิน เมื่อร้อนเข้าร่มไม้ 
เข้าเพิง เมื่อหิวกินดิน กินไม้ กินลูกไม้ กินน้ำกินปลา กินไข่นก มีผีฟ้าแสงมาเที่ยวหลายคราว แต่ไม่มีคำพูด
ได้แต่นึก ไม่รู้จัก เพียงว่าเขามาเที่ยวแล้วก็จากไป นานเนิ่นมานานมีผีฟ้าแสงมาเที่ยวหลายคราว 
และหลายผู้ และนานเท่าไรไม่รู้ เที่ยวไปทางไหนบ้างก็จำไม่ได้ พักอยู่หลายแห่งหนกระทั่งคราวหนึ่ง 
มีผีฟ้าเหลืองทองพุ่งลอยมาลงอยู่ ณ พื้นราบขาวสะอาด ขุนสรวงแฝงร่างเข้าไปมองดูเห็นเห็นผีฟ้าแสงนั้น
คุกเข่า ใช้สองมือกวักง้วนดินกินอย่างเอร็ดอร่อย จึงนึกเรื่องของตัวได้ว่า ตัวเองก็เคยเป็นผีฟ้าแสงอย่างนี้ 
และมากินง้วนดินอย่างนี้ จึงง่วงและหลับไป พลังแสงหายหมด จึงกลับไปที่เดิมไม่ได้ เมื่อนึกรู้แล้ว 
นึกว่าคงจะกินมากแล้วจะหลับ พลานุภาพแสงนั้นจะหายหมด และกลับไม่ได้ จะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน 
จึงสงบนิ่งมองดูอยู่........
……..ผีฟ้าเหลืองทองนั้น เมื่อกินง้วนดินนั้น ได้เกิดติดรสอร่อยหวานมันนั้น ก็กินเข้าไป กินเข้าไปชนิด
เพลิดเพลิน กระทั่งอิ่มและบังเกิดง่วงนอนโงกไปมา ที่สุด แสงแดดอ่อนลงก็ล้มตัวลงนอนหงายเหมือนรูป
กองไฟมีแสงกระจ่างออก เมื่อตะวันลับไปก็ยังปรากฏแสงกระจ่างโพลงอย่างอย่างนั้น ขุนสรวงมองดูอยู่
กระทั่งรุ่งขึ้น ผีฟ้านั้นก็ยังหลับอยู่ตามเดิม เข้าคืนที่ 2 แสงค่อยจางและหรี่ลง ปรากฏร่างขึ้น มีเงาที่อก
ทั้งสองข้างสูง ขุนสรวงมองดูทั้งของผีฟ้าและของตัว ปรากฏว่าไม่เหมือนกัน กระทั่งตะวันขึ้น แสงนั้นจาง
ลงไปมาก แต่ก็ยังหลับอยู่ เมื่อเข้าคืนที่ 3 แสงนั้นมีอาการหรี่และโพลงขึ้นเป็นระยะๆ ร่างก็ชัดเจนขึ้น 
ปรากฏพร้อม กระทั่งรุ่งเช้าแสงจางไปเกือบหมด เมื่อแสงแดดกระทบร่างแผดส่องอยู่นาน แสงเดิมก็ค่อย
หายไปในแสงแดด และผีฟ้านั้นสะดุ้งตื่นขึ้น เมื่อมองดูตัวแล้ว ไม่มีแสงอาภรณ์ประดับอยู่ ได้ทะลึ่งลุกขึ้น
กระโดดเพื่อลอยไปก็ไม่ได้ กลับลงมาตามเดิม ขุนสรวงคิดว่านางจะหนีไป จึงวิ่งออกไปกระโดดจับไว้
------ขุนสรวงเมื่อจับถูกตัวนางปรากฏว่านิ่มมือ นางหลับตากระโดดจะเหาะลอยหนีก็ไม่ขึ้น เมื่อถูกจับยึดไว้
ได้ตกใจร้องดุว่า อะ อ้า ซึ่งเป็นคำต้นที่พูดกันในกาลนั้น เมื่อนั้น ยังไม่มีชื่อและคำพูดใดอื่น เมื่อขุนสรวง
จับยึดไว้ นางคุ้นเข้าก็เลยหยุดนิ่ง และยอมอยู่ด้วย ขุนสรวงมองดูตัวเห็นยังมีแสงเลืองๆ อยู่บ้างจึงเรียกว่า
 “สาง” และนางก็ทำมือให้รู้ว่าขุนสรวงตัวสูงกว่าจึงเรียกว่า “สรวง”.................เดิมทียังไม่รู้จักการสืบพันธุ์ 
ต่อมาเมื่อรู้จักแล้วก็แพร่ลูกหลานต่อมาจนถึงปัจจุบัน......
ตำนานน้ำท่วมโลกในไทย (ยุคแถน-ไทยแถน-สมัยขุนแถนเทียนฟ้า-ขุนนางสีทองงาม)
............เหตุการณ์สำคัญอีกช่วงหนึ่งเกิดขึ้นในระหว่างพุทธันดรที่ 2 กับพุทธันดรที่ 3 ซึ่งตรงกับสมัย
พระพุทธโคนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองทอง เมืองแก้ว (ชื่อเมืองไทยสมัยนั้น) ได้ล่วงผ่านยุคสมัย
ขุนสรวงมาแล้ว ไทยทอง-ได้มีขุนไทยแก้วแล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นไทยแก้ว ครั้นมิคสัญญี คนที่ดีได้หลบภัย
เข้าอยู่อาศัยตามถ้ำ เมื่อหมดภัยแล้ว ผู้ที่ยังเหลืออยู่ต่างได้ออกมาพบเห็นกัน จึงรวมกันแล้วให้แถนเทียนฟ้า
เป็น-ขุนแถนขึ้น (กษัตริย์) ได้ร่วมช่วยกันสร้างบ้านเมืองกันสืบต่อมา ครั้นขุนต้นล่วงไปแล้ว ที่ 2 ก็ได้แต่งตั้ง
สถาปนาตามชื่อต้นนั้นว่า-แถนเทียนฟ้า เช่นเดียวกัน จึงมีชื่อว่าไทยแถน หรือ ยุคแถนเป็นที่ 2 จากยุค
ขุนสรวงนั้น กาลเวลาได้ล่วงมาตลอดหลายชั่วขุน พระธรรมคำสั่งสอนของพระกกุสันธพระพุทธเจ้า
ก็ยังเหลือคงอยู่บ้าง ได้จำกันไว้บ้าง กาลนานมากเข้าก็เลือนรางจางหายไป ทั้งการประพฤติปฏิบัติ กับทั้ง
-พระศาสนธรรม ก็สูญหายไปทั้งหมด ชาวชนทั้งนั้นประพฤติแต่อกุศลกรรม ขวบกาลที่ไขขึ้น
เจริญยืนยาว จึงค่อยลดลง แม้ขุนสรวง และขุนแก้วผู้ต้นก็ยังอยู่คอยคุ้มครองป้องกันอยู่ จึงชื่อว่า
-ยังเคารพนับถือ บำบวง บวงสรวงต้นผีกันมา
.............ครั้นเมื่อขวบกาลอายุลดลงมาเหลือเพียง 7 หมื่นปี ขุนสรวงและขุนแก้วได้มาบอกว่า-อีก 10 ปี
จะมีฝนหนัก ทั้ง-น้ำแข็งก็ละลายเป็นน้ำล้นท่วมโลกหล้า ชาวชนและปวงสัตว์จะตายหมด 
พวกเจ้าขุนแถนหัวหน้าพร้อมกับหมู่คนชาวเมือง จงร่วมสร้างเรือใหญ่หลายลำ จงใช้แผ่นเหล็กปลอด
ตอกประสักขันเกลียวตรึงให้แน่นแข็งแรงทุกลำ ทำทุ่นให้มากขนาบตลอดมัดให้ติดกันเป็นกลุ่มเรือพ่วง 
เอาเสาเท่าๆ กันวางขนาบบนกลาบและใต้ท้องเรือเจาะรูใหญ่ให้ตลอดคานที่วางขนาบทั้งบนและล่าง
ทุกตัวแล้วเอาท่อนประสักใส่ตรึงบนกับล่างใช้หัวเกลียวขัน หรือผ่าแล้วตอกลิ่มประสักตรึงให้แน่นแข็งแรง
ก็ได้ ใช้กระดานแผ่นหนาปูบนเป็นพื้น เอายางรักประสมชันและปูนยาให้ทั่ว ทำกลาบนอกให้สูงพอ เจาะรู
พอให้น้ำไหลออกได้ ทำห้องติดกลาบเรือนั้นมีหลังคาแค่กลาบนั้นให้ตลอดทุกลำจะได้พออยู่ ตรงส่วนกลาง
ทำเป็นพื้นดินปลูกไม้เล็กและผักหญ้า ทำคอกวัว ควาย ช้าง ม้า เก้ง กวาง ลา ล่อ อย่างละคู่ 
มากนักคงไม่พอ ทำให้เสร็จใน 9 ปี อีก 1 ปี ให้จับสัตว์ต่างๆ มาขังฝึกหัด และปลูกต้นไม้ผักหญ้า เรือทุ่น
ที่ทำเสร็จแล้วให้คงที่ไว้บนคานนั้น ถึงคราวน้ำท่วมท้นขึ้นมาพอก็จะเคลื่อนลอยไปได้เองและสั่งว่า
พอน้ำท่วมท้นแล้ว ขุนสรวงและขุนแก้ว-จะมาเป็นเจ้าพ่อทะเล แม่สางและแม่แก้วขวัญฟ้าจะเป็น 
แม่ย่านาง” หรือเป็นจ้าวแม่ทะเล ช่วยกันประคับประคองเรือให้โต้คลื่นลมพายุได้ ซึ่งจะประคับประคอง 
พร้อมกับจะคอยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายให้ กระทั่งปลอดภัยจากภัยพิบัติเพราะน้ำท่วมโลกนั้น
.........ยังเหลืออยู่อีก ก็บอกให้มารวมกันที่ใกล้เรือ ทั้งช้างม้าวัวควายเก้งกวางหมาแมวก็นำมาอย่างละคู่
เรือทุ่นกลุ่มนั้นใหญ่และสูง จึงทำสะพานบันไดทอดขึ้นลง พอฝนตกหนักเข้า ก็ลงไม่ได้ต่างก็หลบฝนอยู่
ในประทุนเรือนั้น และช่วยกันต้อนสัตว์ต่างๆ ขึ้นเรือทุนนั้น พวกช่างต่างตรวจดูเรือ และเตรียมเครื่องมือวัตถุ
ซ่อมแซมไว้พร้อมในภายในใต้ท้องเรือทุ่นนั้น ทุกอย่างจึงครบบริบูรณ์
......น้ำเริ่มสูงขึ้น ได้ท้นท่วมที่ราบลุ่มทั้งหมดและเอ่อสูงขึ้นท่วมคานแล้วหนุนเรือกลุ่มให้ลอยอยู่บนพื้นน้ำ 
คนสัตว์ที่เหลือต่างก็ปีนขึ้นต้นไม้ ขึ้นหลังคา ขึ้นดอน และปีนขึ้นภูเขา ครั้นท่วมท้น กระทั่งยอดมอ 
และยอดไม้จมอยู่ใต้น้ำ แม้ยอดภูเขาเทือกย่อยก็จมน้ำ แม้ยอดเขาอีโก้ก็ปริ่มน้ำแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ให้เห็นได้ 
ลมก็แรงบางคราวก็เป็นพายุ ฝนก็ตกกระหน่ำหนัก คลื่นก็ลูกใหญ่ซัดกระแทกตลอด ในกลางวัน ทั่วท้องฟ้า
ก็มืดมัวไม่มีแสงแดด กลางคืนก็ยิ่งมืดครึ้มทึบตลอด ทั้งคนสัตว์ที่เหลืออยู่กับพื้นก็ได้ว่ายน้ำหาที่พักอาศัย 
พอหมดแรงต่างก็จมน้ำตายหมด แม้คนทั้งหลายในเรือทุ่นก็ไม่มีหวังรอดพ้นภัยนั้น คราวแรก เรือทุ่น
กลุ่มนั้นซึ่งได้ใช้พวนผูกตรึงโยงไว้กับต้นตอไม้ใหญ่ๆ นึกว่าพอจะอยู่ได้ กระนั้น เมื่อลมคลื่นซัดพัดกระพือ
กระแทกบ่อยๆ ตลอดวันคืนไม่หยุดหย่อนผ่อนเบา แม้ขุนสรวง ขุนแก้ว กับแม่สาง แม่แก้วย่านางจะมา
ควบคุมคุ้มครองอยู่ ณ หัวเรือ และเสากระโดง พวนที่มัดล่ามโยงผูกตรึงไว้นั้นก็ขาดหมด เรือทุ่นกลุ่มนั้น
ก็เลื่อนลอยไปตามกระแสคลื่นลม หมู่คนสัตว์ที่เหลือยู่ในเรือนี้ พอมีหวังว่าจะอยู่รอดได้ กระนั้น เฉพาะหมู่คน
ก็อยู่ไปวันหนึ่งคืนหนึ่งเท่านั้น ที่มีโอกาสรู้ และทำสร้างเรือนั้น มีอยู่หลายหมู่ แต่ก็ทำเรือได้ไม่ใหญ่โต
และไม่มั่นคงแข็งแรงพอก็ถูกลมคลื่นซัดกระแทกแตกเสียหายจมน้ำตายไปเป็นส่วนมาก ยังมีที่เหลืออยู่
ก็ที่เรือไม่แตกหรือที่แตกแต่ไม่กระจายและที่ทะลุก็ยังเป็นที่พยุงตัวอยู่ได้ก็ถูกคลื่นลมซัดกระพือไปไม่จำกัด
ทิศทาง ไปถึงบริเวณน้ำแข็ง ณ ทะเลเหนือใกล้ขั้วโลกเหนือก็มี ไปถึงแผ่นดินอื่นคือ อเมริกา ก็มี ทั้งไปได้
ถึงโปลา และไนไตลนี ก็มี
........เฉพาะแถนไทย ด้วยอานุภาพพ่อขุนสรวง และพ่อขุนแก้ว กับแม่นางสางและแม่แก้วขวัญฟ้าซึ่งได้
เป็นจ้าวพ่อทะเลและจ้าวแม่ทะเลหรือแม่ย่านางในกาลนั้นได้รักษาคุ้มครองเรือทุ่นนั้นให้เลื่อนลอยวนเวียน
เป็นวงกว้างอยู่ ณ บริเวณนั้นเป็นแรมเดือน เมื่อน้ำลดลงเหลือครึ่งขุนเขานั้น เรือนั้น ได้ถูกลมคลื่นพัดซัด
กระหน่ำให้วิ่งไปในห้วงน้ำเป็นวงกว้างนั้นแล้วก็ได้วนเข้ามา ณ บริเวณเดิมนั้น ก็ได้ถูกคลื่นลมพัดซัดกระแทก
เรือทุ่นกลุ่มนั้นให้หัวเรือพุ่งเข้าชนคอภูเขาลูกหนึ่งกระทั่งคอเขานั้นทะลุ ภูเขานั้นจึงมีชื่อว่า-เขาทะลุ 
ได้เรียกกันมาทุกวันนี้ เรือนั้นได้กระดอนเซออกมากระแทกกับคอภูเขาอีกลูกหนึ่ง กระทั่งคอยอดบิ่น กระเด็น
บินออกไป ภูเขานั้น จึงมีชื่อว่า-เขาบิ่น และเขาบิน เวลานี้ เรียกกันว่า-เขาบินเป็นประจำ เรือนั้น จึงเฉียดไป
กระแทกจนแตกแล้วได้ลมแรงกระพือพัดหนุนท้ายให้แล่นไปทางตะวันตกถึงห้วงบึงใหญ่ ส่วนนั้นเป็นแถบ
ถิ่นดินสูง และน้ำลดลงมากแล้ว ท้องฟ้าก็แจ่ม แดดออกให้ความอบอุ่นแล้ว เรือได้เกยตื้นตอม่อหินใต้น้ำ 
ก็แตกกระจายออก ส่วนหัวได้พุ่งไปเกยตื้นเชิงเขาลูกหนึ่ง ทั้งคนและสัตว์ได้ขึ้นบกอยู่อาศัย ณ ภูเขานั้น 
ต่อมาจึงสร้างเมืองขึ้นรอบภูเขานั้น ภูเขานั้นจึงมีชื่อว่า-เขากลางเมือง ใช้เป็นชื่อเรียกกันมาตลอดกาลนาน 
กระทั่ง พ.ศ. 2438 พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชได้เสด็จประพาสได้พระราชทานชื่อใหม่ว่า-
เขาถ้ำจอมพล- จึงเปลี่ยนเป็น เขาถ้ำจอมพล กระทั่งกาลบัดนี้ และในถ้ำภูเขานี้ ซึ่งเป็นถ้ำภูเขาหินปูน 
จึงมีหินงอก และย้อยทั้งถ้ำ ณ พื้นถ้ำ ซึ่งเป็นหินปูนโคลนเมื่อยังเป็นดินโคลนอยู่นั้นอย่างน้อยสุดก็มีอายุถึง
2 แสนปี ซึ่งยืนยันว่ามีคนอยู่มาแล้ว จึงมีรอยเท้าหรือรอยตีนใหญ่ที่ชัดเจนปรากฏอยู่ถึง 5 รอย เป็นรอย
ใหญ่โตมาก ซึ่งยาวถึง 36 นิ้วฟุต (90 เซนติเมตร/0.9 เมตร) กว้าง 18 นิ้วฟุต (45 เซนติเมตร/0.45 เมตร) 
ที่ไม่ชัดเจนเช่นมีเพียงหนึ่งกับรอยเล็กๆ อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งก้าวก็ปรากฏว่ายาวกว่าคนสมัยนี้ 
เมื่อลองดู-ยังต้องกระโดดจึงถึงคงเป็นหลักฐานยุคสมัยขุนแถนไทย อันตรงกับกาลพระโคนาคมนได้ 
และก็ส่วนกลางของเรือทุ่นกลุ่มนั้นซึ่งขาดออกกระดอนออกมาจมลงตรงกลางห้วงบึงน้ำใหญ่เสากระโดง
ยังคงตั้งอยู่ ฉะนี้ ห้วงบึงใหญ่นี้ จึงมีชี่อว่า-บึงจมเรือ-หรือ-บึงเรือจม-ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชื่อว่า-จอมบึง
-ให้เหมือนชื่อพระราชทานว่า-ถ้ำจอมพล-ทุกวันนี้จึงเรียกกันเป็นประจำว่า-จอมบึง ในกาลประมาณก่อน 
พ.ศ. 2470 ยังมีผู้เห็น-ตอเสานี้โผล่อยู่กลางบึงนั้น ยังเล่ากันเสมอว่า-ไม่รู้ว่าใครปักไว้ ส่วนท้ายเรือได้ลอย
ไปเกยอยู่กับพื้นตื้นเชิงเขาลูกหนึ่ง ผู้คนได้ขึ้นไปอยู่อาศัย ณ ภูเขานั้น เมื่อเจริญขึ้นทำผลผลิตได้แล้ว
จึงนำมาเป็นสินค้าซื้อขายกัน ต่างได้ตั้งชื่อภูเขานี้ว่า-เขากลางตลาด
.........ก็กาลที่น้ำท่วมโลกนั้น ได้ท่วมท้นอยู่นาน พอลดลงมากแล้ว ณ ที่สูงๆ ซึ่งเปียกชื้นอยู่แล้วทั้งมีฝน
ตกมาบ้าง พืชพรรณผักหญ้ากับต้นไม้ และย่านพุ่มป่าก็งอกงามเจริญขึ้นทั่วไป สัตว์ที่เหลืออยู่ครั้นเรือ
แตกแล้วต่างก็ขึ้นบก จึงได้อาศัยพืชพรรณผักหญ้าใบไม้นั้นๆ เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต คนที่ขึ้นจากเรือนั้น 
ก็ขึ้นอยู่อาศัยตามเพิงผาถ้ำภูเขา ที่ขึ้นอยู่ตามเนินโคก ก็เอาต้นไม้ที่เป็นตอตายเพราะถูกน้ำท่วมเอามา
ทำเสาตั้งขึ้นแล้วเอาไม้ไผ่ ทำขื่อ แป อกไก่ ตง รอด ใช้ใบไม้และหลังคามุงโดยเกลี่ยใช้ไม้ขนาบ
ใช้เถาวัลย์ผูกมัด ใช้ไม้ไผ่ผ่าสับเป็นฟากปูเป็นพื้นอยู่อาศัยกัน พอน้ำแห้งตลอดพื้นที่ราบที่เป็นโคลนตม
ก็แข็งแน่นแล้ว ต่างก็ออกมาจากถ้ำได้ช่วยกันปลูกสร้างเรือนบ้าน แบ่งที่ใกล้-หนอง บึง ห้วย คลอง แม่น้ำ 
ทำนา สวน ไร่ ทุ่ง ทำนาปลูกข้าว ทำสวนต้นไม้ จึงเป็นบ้านเมือง ตลาด สนาม ทุ่งเลี้ยงสัตว์ ฉะนี้ 
ถิ่นแดนแถบนั้น จึงมีธรรมชาติซึ่งมีชื่อประจำเนิ่นนานมาแล้วจนชิน และรู้ตลอดไปแล้วว่า-เขาทะลุ เขาบิ่น 
เขากลางเมือง เขากลางตลาด บึงจม บึงเรือจม (จอมบึง) ทุ่งหลวง ทุ่งหญ้า สนามหญ้า ฯลฯ ประจำอยู่แล้ว 
ชาวชนต่างได้ฟังและรู้เรื่องกันมา จึงต่างได้กระทำกราบไหว้ บวงสรวง บำวง ต้นผีสางไทยกันมา 
และกระทำเป็นประจำมา....
........ภายหลังจากสอบถามพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการอยู่บริเวณหน้าเขางูแล้ว ข้าพเจ้าก็ทราบเส้นทางไป 
เขาประทับช้าง” เลยเขางูมาหน่อยก็เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางลัดตัดผ่านท้องทุ่งและชุมชนที่สงบเงียบ
ห่างไกลจากความวุ่นวายของชนชาวโลกที่น้อยครั้งจะพบพาน ราวกับมุ่งเข้าสู่เมืองลับแลก็ปาน 
อากาศกำลังเย็นสบาย มองไปโดยรอบจะพบเทือกเขาและแนวป่ารายล้อมตลอดแนวถนน บริเวณที่ราบ
ก็เป็นท้องทุ่งสีเขียวขจี ภายหลังจากหลงทางอยู่หลายครั้ง ในที่สุดข้าพเจ้าก็มาถึงเบื้องหน้าทางเข้า
เขาประทับช้าง บริเวณโดยรอบเป็นป่าไม้ขนาดใหญ่จนบดบังท้องฟ้าจนหมดสิ้น อากาศเย็นชื้นรู้สึกหายใจ
สบายปอดเป็นอย่างยิ่ง
........เขาประทับช้าง ตั้งอยู่ ตำบลปากช่อง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ปากทางเข้าอยู่ตรงกันข้ามกับ
ถ้ำเขาบิน
พี่ครับวันนี้สวนสัตว์ปิดหรือครับ” ข้าพเจ้าถามขึ้นเมื่อขี่มอเตอร์ไซค์มาหยุดอยู่หน้าทางเข้า 
สวนสัตว์เปิดเขาประทับช้าง” ซึ่งมีป้ายเขียนเอาไว้ชัดเจน และมีป้ายชั่วคราวขนาดเล็กเขียนว่า..... 
ปิดทำการ” 
.......อาจเป็นเพราะศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์เขาประทับช้างไม่ได้ตั้งอยู่บนถนนสายหลักที่มุ่งสู่ตัวอำเภอ
จอมบึง จึงมีคนรู้จักสถานที่แห่งนี้ไม่มากนัก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งใส่ชุดลายพรางคล้ายเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้
ได้ตอบขึ้นว่า.....
ช่วงนี้สวนสัตว์ปิดปรับปรุงครับ” ข้าพเจ้าจึงถามต่อไปว่า
ไม่ทราบจะเปิดให้บริการอีกเมื่อไรครับ” เจ้าหน้าที่ตอบว่า
ผมก็ยังตอบไม่ได้ครับ เพราะยังไม่มีกำหนดแน่นอน เอาเบอร์โทรไว้ คุณค่อยโทรมาสอบถาม
ใหม่ในภายหลังดีกว่าครับ” เจ้าหน้าที่เสนอทางออก
ขอบคุณครับ” ข้าพเจ้าจดเบอร์ที่เจ้าหน้าที่ให้มาและขี่รถออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบของอำเภอจอมบึง
ห่างออกไปจากเขาประทับช้างประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรจะพบกับ” ถ้ำจอมพล” ถัดจากถ้ำจอมพล
ออกไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตรจะพบกับ "เขากลางตลาด" ถัดจากเขากลางตลาดไปประมาณ 6 กิโลเมตร
จะพบกับเขาทะลุมิติ” แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตอำเภอ
จอมบึงทั้งสิ้น ข้าพเจ้าไม่อยากจะเชื่อว่า “คนไทยที่รอดพ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในตำนาน
จะเป็นคนแถวย่านนี้” และกลายเป็นต้นบรรพบุรุษไทยสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันผ่านกาลเวลามากว่า 8000 ปี....
จอมบึงคือจอมคนต้นไทยแท้
ฤาเพียงแค่ตำนานเขาขานไข
อนุสรณ์รอยทัศน์พิบัติภัย
ฝากรอยไว้ให้เห็นเป็นพยาน....
        Be Vegan Make Peace 
1.เขาทะลุมิติ
881048352531842.jpg
265639975421383.jpg
2.เขาประทับช้าง
113073446397781.jpg
3.ถ้ำจอมพล
361359433264517.jpg
4.ถ้ำเขาบิน
791039571305302.jpg
888130232492197.jpg
5.เขางู
531152512019270.jpg
6.จอมบึง
486176956691816.jpg
7.ท้องทุ่ง
637139145473794.jpg
192700670473302.jpg
149708974881431.jpg
 
8.ตำนานน้ำท่วมโลก
239089513272554.jpg
303747664332581.jpg
727099393882836.jpg
52340995303206.jpg
31 ธันวาคม 2566 17:02 น.

สาส์นสำคัญจากพระแม่ธรณี

คีตากะ

ท่านผู้มีเกียรติ นายฟิลเลนจูเนียร์ (Phil Lane Jr.)(วีแกน) เป็นสมาชิกของอิฮังก์ทันวาน ดาโกต้า 
(Ihanktonwan Dakota) ในชนชาติชิคกาซอว์ (Chickasaw) ในปี 1992 เขาได้รับการยอมรับโดยผู้อาวุโส
จากทั่วทุกแห่งให้เป็นผู้นำชาติพันธุ์ในอเมริกาเหนืออย่างเป็นทางการ เนื่องด้วยเชื้อสายอันสูงส่งของเขา 
ความเป็นผู้นำและการให้บริการแก่ชนพื้นเมืองและมนุษยชาติมาอย่างยาวนาน ในปี 1982 เขาได้ก่อตั้งสถาบัน 
FWII (Four Worlds International Institute) ซึ่งได้เป็นผู้นำในการพัฒนาแบบองค์รวมในระดับโลก
ของชุมชนชาวพื้นเมือง เขาได้รับปริญญาโททางด้านการศึกษาและการบริหารภาครัฐ นายเลนยังทำหน้าที่
ในฐานะอาจารย์ผู้สอนในมหาวิทยาลัยและที่ปรึกษาของรัฐบาล ในขณะที่ยังคงดำรงตำแหน่งที่โดดเด่นอื่นๆ 
อีกด้วย เขาได้ผลิตสื่อสารคดีจนได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลบ่อยครั้ง โดยนายเลนได้รับรางวัลมาแล้ว
มากมาย ซึ่งตอบแทนการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเขา เช่น รางวัล Windstar ของมูลนิธิสวิส
เพื่อเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในระดับนานาชาติ รางวัลสเตลล่า (Stellar) ในปี 2023 สำหรับผู้ที่ช่วยเหลือ
ดูแลให้แก่ครอบครัวมนุษย์ เมื่อเร็วๆ นี้นายเลนและคนอื่นๆ ได้จัดประชุมออนไลน์ทั่วโลกที่เรียกว่า “หนทาง
แห่งการตื่นรู้ร่วมกันในระดับโลก”(Global Convergence of Enlightening Our Way)”ที่ได้จัดขึ้นในระหว่าง
วันที่ 15-22 ธันวาคม 2023 เขาได้กล่าวไว้ว่า “การประชุมในระดับโลกนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อความร่วมมือกันของเสียง
ที่หลากหลายแตกต่าง มุมมองที่สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเข้าอกเข้าใจกัน อุทิศเพื่อความดำรงอยู่ที่ดี
ของพระแม่ธรณีและบุตรทุกคน ในระหว่างงานนี้ สาส์นจากแม่ได้ถูกเปิดเผยจากโคกี (Kogi) ซึ่งเป็นชนพื้นเมือง
ในประเทศโคลัมเบีย โดยถ่ายทอดสิ่งที่พระแม่ธรณีอยากบอกให้พวกเรารู้ถึงสภาวะที่อันตรายของพระแม่ 
ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับการดำเนินการเพื่อกอบกู้โลก โดยสาส์นก่อนหน้านี้ต่อชาวโลก ชาวโคกีได้
เน้นย้ำว่า “พวกเราต้องเป็นผู้พิทักษ์สัตว์ แม่น้ำ และธรรมชาติ” และนั่นคือ “เมื่อเราปฏิบัติไม่ดีต่อพระแม่ธรณี
เท่ากับเราปฏิบัติไม่ดีต่อตัวเราเองด้วย” หนทางแก้ไขสำหรับวิกฤตของโลกคือการหลีกเลี่ยง “ทุกการกระทำ
ที่เป็นการปล้นชิงจากธรรมชาติในทุกรูปแบบ” ท่านผู้นำอันทรงเกียรติเลนได้อย่างเมตตาแบ่งปัน 
“สาส์นจากแม่” ให้แก่พวกเราและเราได้ออกอากาศทั้งหมดไปแล้ว
สาส์นจากแม่...
ถ่ายทอดโดยชาวโคกี ประเทศโคลัมเบีย
ตลอดทุกยุคทุกสมัย มนุษย์แรกเริ่มของโลกได้ถ่ายทอดคำพยากรณ์และคำชี้แนะสำหรับห้วงเวลานี้เอาไว้ 
ชนชาติโคกีของโคลัมเบียถูกเรียกว่า “พี่ชาย” เนื่องจากพวกเขายังคงใช้วิถีชีวิตในแบบดั้งเดิม รักษา
ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพระแม่ธรณี ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 ชาวโคกีได้ส่งมอบข่าวสารเร่งด่วน
จากพระแม่ธรณี ซึ่งแบ่งปันแก่โลกและน้องชายเพื่อที่เราจะรวมกันทุกชนชาติในการค้ำจุนพระแม่ธรณี...
ฉันคือแม่..ฉันอยู่ในใจกลางของจักรวาล ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยทุกข์ทรมานจากความร้อนหรือไอเสีย 
ฉันอดทนมากว่าพันปีล่าสุด ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา จุดเชื่อมต่อตามธรรมชาติของฉัน แม่น้ำ พื้นที่เก็บน้ำ 
และเส้นทางน้ำภายในทั่วทุกพื้นทวีปถูกขัดขวางและกลายเป็นมลพิษ ฉันไม่อาจทำความสะอาดและฟื้นฟู
ให้กลับมาได้ ในเดือนธันวาคม 2023 ฉันจะเริ่มยกตัวขึ้น (ลุกขึ้น) เคลื่อนไหว และเปลี่ยนแปลง เพื่อส่งสาส์นนี้
ไปสู่บุตรของฉันทั่วโลก พายุ แผ่นดินไหว เฮอริเคน และการเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลกำลังจะมา 
ถ้าหากรัฐบาล สุลต่าน บรรดาเจ้าชาย ประธานาธิบดี และกษัตริย์ในโลกไม่ยอมฟังและแก้ไขภายใน 2 ปี 
จะเหลือมนุษย์เพียง 30% เท่านั้นที่รอดพ้น (จากทั้งโลก)
ฉันคือแม่...ฉันอดทนมาเสมอถึงแม้จะมีลูกศรปักในดวงตาและร่างกาย ฉันไม่ได้กำลังแสวงหาการป้องกันตัวเอง 
ฉันยังคงสงบ แต่ตอนนี้ฉันต้องฟื้นฟู มีเพียง 2 วิธีในการรักษา วิธีแรก ฉันใช้กฎธรรมชาติด้วยมือฉันเอง วิธีนี้ 
ฉันจะต้องหาตัวยารักษาเพื่อที่สามารถรักษาตัวเองได้ รักษาพลังงานและทุกสิ่งที่กำลังเป็นสาเหตุทำให้ฉัน
ทุกข์ทรมาน จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นบนโลก คุณจะรู้สึกได้ว่าฉันกำลังฟื้นตัว คุณจะรู้สึกว่า
ฉันกำลังเคลื่อนไหว ฉันไม่ได้กระทำสิ่งนี้เพื่อให้เป็นอันตรายต่อคุณ มันหมายความว่าร่างกายฉันกำลังฟื้นตัว 
สำหรับวิธีที่ 2 บุตรทุกคนของฉันจะช่วยกันรักษาเยียวยาให้เกิดขึ้น ซึ่งฉันไม่จำเป็นต้องกระทำด้วยตนเอง 
ฉันจะให้บุตรคนโตของฉันรับผิดชอบในการรักษาเยียวยา พวกเขาจะออกไปค้นหายารักษาความเจ็บปวด 
เพื่อที่ฉันจะหายจากความเจ็บปวดและฟื้นฟูจากการที่พวกเขาช่วยเหลือ คุณบุตรของฉันจะต้องร่วมมือกัน
และส่งมอบอะไรก็ตามที่จำเป็นที่จะช่วยเหลือพี่ชายของคุณ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถรักษาในส่วนที่ฉัน
ได้รับการบาดเจ็บจากคุณ เด็กที่อ่อนเยาว์ของฉัน ผู้ปกครองทุกคนของทุกรัฐบาลบนโลก จงพูดว่า “ถูกต้องแล้ว 
คุณแม่ พวกเราจะยืนเคียงข้างท่าน จะให้ความช่วยเหลือในทุกแห่งที่ท่านได้รับบาดเจ็บ 
ฉันแม่ของคุณ....ได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณ เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เราจะได้ประสบหากคุณรับฟัง
และกระทำ หรือเมื่อฉันกระทำในสิ่งที่ฉันจำเป็นต้องกระทำเพื่อคืนความสมดุลให้แก่โลก ถ้าในอีก 6 เดือน
นับจากนี้ ประมาณเดือนมิถุนายน 2024 คุณกล่าวว่า “ถูกต้อง พวกเราจะจัดการทุกสิ่งที่จำเป็น” บุตรคนโต
จะสามารถช่วยรักษาเยียวยาร่างกายฉัน แต่ถ้าหากสาส์นนี้ถูกปฏิเสธ ฉันจะใช้กฎของธรรมชาติรักษาตัวฉันเอง
โดยใช้เวลาประมาณปีครึ่งหลังจากวันนั้น.......
นี่เป็นสาส์นจากแม่ที่มอบให้ ผู้ที่เป็นหัวใจของโลก มีหลายองค์กรและการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกำลังฟัง
พระแม่ธรณี และกำลังเตรียมดำเนินการเพื่อตอบรับเสียงเรียกร้องของแม่ พวกพี่ชายต้องการทรัพยากร
และความร่วมมือในการทำงานเพื่อเดินไปพร้อมกับพระแม่ธรณี ขณะที่ท่านกำลังพักพักฟื้น (ฟื้นฟู)
ข้อความนี้เดิมทีถูกส่งมอบให้แก่ผู้อาวุโสของชาวชนชาติคักกับบา (Kaggabba) ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 
พฤศจิกายน 2023 ขอบคุณท่านผู้นำผู้ทรงเกียรติฟิล เลน จูเนียร์ (วีแกน) ที่แบ่งปันความลึกซึ้งของ 
“สาส์นจากแม่” ความขอบคุณของเรารวมไปถึงชาวโคกีที่เชื่อมสัมพันธ์ถึงสิ่งที่พระแม่ธรณีอยากจะสื่อสารให้บุตร
ของท่านได้รับรู้รับทราบเกี่ยวกับการรักษาเยียวยาท่านให้หายจากการบาดเจ็บได้อย่างไร ขอให้เราทุกคน
ช่วยท่านได้แล้วที่จะรักษาเยียวยาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วด้วยการเปลี่ยนมาเป็นวีแกนและปฏิบัติวิถีที่ใส่ใจ
สิ่งแวดล้อมเพื่อที่พระแม่ธรณีผู้มหัศจรรย์ของเราสามารถพักฟื้นฟื้นฟูและปรับสมดุลบนโลกของเราได้อีกครั้ง...
นำมาจากรายการข่าวเด่น
โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ 
www.suprememasyerTV.com
Be Vegan Make Peace
4 ธันวาคม 2566 16:06 น.

มินิแบง เพื่อต่ออายุโลก

คีตากะ

ปราศรัยโดยอนุตราจารย์ชิงไห่
รายการระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์
ทาง SMTV
มีอีกวิธีหนึ่ง ที่เราสามารถสร้างโลกใหม่ โดยไม่ต้องมีการตาย และการทำลายล้างมากนัก อย่างไรก็ตาม 
มันต้อง ทำงานเยอะมาก ๆ […] มันเป็นแบบนี้: ข้อที่ 1 ก่อนอื่น อาจารย์ – ใครก็ตามที่อยาก ทำเรื่องนี้ 
อาจารย์ – จะต้องตาย แต่ถ้าอาจารย์ผู้นี้ มีพลังเพียงพอ แล้วเธอ/เขา ก็จะสามารถชุบชีวิตตัวเธอ/เขาเอง 
ได้อีกครั้ง หลังจากสักพักหนึ่ง และเกือบจะเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง การเกิดใหม่ แล้วหลังจากนั้น 
เธอ/เขาก็สามารถใช้ พลังที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องคำนึงถึง 
กรรมของดาวเคราะห์นี้ ซึ่งใหญ่โตมโหฬาร มหึมาไม่มีขีดจำกัด
สวัสดี บุตรของพระเจ้าที่รัก และงดงามที่สุดทุกคน อธิษฐานต่อพระเจ้าสูงสุดเพื่อให้พรคุณ! การพูดครั้งนี้ 
ฉันพบว่ามันยากกว่า การพูดครั้งอื่น ๆ ที่ฉันเคยทำมาก่อน ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันไม่มีเวลา ค้นหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ 
และฉันแค่หวังว่าฉันจะสามารถ ทำให้เสร็จสิ้นได้ แม้ว่าฉันจะได้เตรียมไว้แล้ว และทำการค้นคว้าเพิ่มเติม 
เกี่ยวกับจักรวาลที่ไม่รู้จัก อาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่จนถึงนาทีสุดท้าย มันก็ยังยาก ที่จะพยายามพูดมัน
ออกมาได้ ตอนนี้ ฉันกำลังสวดภาวนา และฉันพยายาม ฉันยังคงพยายามอยู่ หลายครั้งที่ ฉันบันทึกไว้ 
แต่ได้นิดหน่อย แล้วมันก็ใช้ไม่ได้ และฉันลบมันทิ้ง อาจเป็นเพราะฉันลังเล ที่จะเปิดเผยเรื่องนี้มาก่อน 
สักระยะหนึ่ง และฉันก็ต้องบันทึกอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้มันจะได้ผล
โอเค จำได้ไหมว่าเรา เคยพูดถึงการทำให้โลกนี้ กลายเป็นสวรรค์? และฉันก็บอกว่า ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ 
เพราะไม่มีอาจารย์คนใด สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่เมื่อไม่นานนี้ ฉันจำได้ว่า มีวิธีที่เราสามารถฟื้นฟูโลกนี้ได้ 
ฉันหมายถึงต่ออายุ หรือฟื้นฟู – หมายถึงทำให้มันแตกต่างไป จากที่เป็นอยู่ตอนนี้ – และคุณสามารถกอบกู้โลก
ได้ แต่มีข้อแม้ที่ยากข้อหนึ่ง ไว้ฉันจะบอกตอนท้าย ถ้าข้อแม้นั้น จะสำเร็จ… ซึ่งจริง ๆ แล้ว ก็ไม่มาก มันแค่ยาก 
เพราะมนุษย์ ไม่อยากเปลี่ยน แค่นั้นเอง โดยการขอน้อยมาก ๆ: เป็นวีแกน
โอเค ตอนนี้ มันมีวิธี ในการฟื้นฟูโลก แต่มันไม่ง่ายนัก อย่างที่คุณจินตนาการ เช่น "อาจารย์ มีพลังมหาศาล 
แค่โบกมือ หรือพูด 'ฮูลาฮูป' – ร่ายมนตร์ – แล้วก็เสร็จ" มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่ถึงอย่างไร มันก็ทำได้ 
มันเป็นอย่างนี้: มีสองวิธี ในการต่ออายุโลกนี้ วิธีแรก คือ วิธีที่เราส่วนใหญ่รู้กัน: ว่าโลก จะถูกทำลาย 
ฉันหมายถึง ประชากรโลก จะถูกทำลายเกือบทั้งหมด อาจจะเหลือน้อยมาก ประมาณ 5% ของประชากร 
หรือน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาจะเริ่มต้นใหม่ อีกครั้ง เหมือนกับยุคหิน หรือยุคที่นานมาแล้ว
แต่มีอีกวิธีหนึ่ง ที่เราสามารถสร้างโลกใหม่ โดยไม่ต้องมีการตาย และการทำลายล้างมากนัก อย่างไรก็ตาม 
มันต้อง ทำงานเยอะมาก ๆ ฉันจะบอกคุณให้มากที่สุด เท่าที่ฉันจะทำได้ และมากที่สุดเท่าที่คุณจะเข้าใจได้ 
มันเป็นแบบนี้: ประการที่ 1 ก่อนอื่น อาจารย์ – ใครก็ตามที่อยาก ทำเรื่องนี้ อาจารย์ – จะต้องตาย แต่ถ้าอาจารย์
ผู้นี้มีพลังเพียงพอ แล้วเธอ/เขา ก็จะสามารถชุบชีวิตตัวเธอ/เขาเอง ได้อีกครั้ง หลังจากสักพักหนึ่ง และเกือบจะ
เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง การเกิดใหม่ แล้วหลังจากนั้น เธอ/เขาก็สามารถใช้ พลังที่แข็งแกร่งขึ้น 
เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องคำนึงถึง กรรมของดาวเคราะห์นี้ ซึ่งใหญ่โตมโหฬาร 
มหึมาไม่มีขีดจำกัด และ โอ้ พระเจ้า คุณไม่สามารถจินตนาการได้เลย ว่ากรรมที่สั่งสมมายาวนานมาก ๆ นั้น
ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เพราะเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำ คุณเห็นไหมว่านั่นคือสาเหตุ ที่บ่อยครั้งเราต้องเผชิญ 
กับโรคระบาดใหญ่ หรือโรคระบาด หรือสงคราม หรือ ความอดอยาก หรือภัยธรรมชาติ หรือภัยพิบัติที่มนุษย์
สร้างขึ้น – เพื่อลดจำนวนประชากร ของดาวเคราะห์นี้ คนตาย ทนทุกข์ พิการ หรือทุพพลภาพ มีหลายสิ่ง
เกิดขึ้น กับคนจำนวนมาก และความตายด้วย แน่นอน และกรรมของโลก ก็จะน้อยลงเล็กน้อย ดังนั้น 
เราจึงรอด และมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่แล้วเราก็สร้างกรรม ที่คล้ายกันอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วมันก็จะสะสม
เพิ่มขึ้น จนกระทั่งครั้งหนึ่ง มันจะปะทุ เป็นภัยพิบัติ โรคภัยไข้เจ็บ โรคระบาด สงคราม ความอดอยาก ฯลฯ 
ดังที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นเรื่องเร่งด่วนและสิ้นหวัง ดูเหมือนว่าโลกกำลังจะอวสาน - และมันก็เป็นเช่นนั้น
และเราเห็นแล้วว่า มีผู้มีญาณทิพย์กี่คน ที่มีความสามารถนี้ ในการทำนายอนาคต เช่น นอสตราดามุส 
หรือบาบาวานก้า และอีกหลาย ๆ คน ที่เราได้พยายาม ค้นคว้า รวบรวม และ ถ่ายทอดทาง โทรทัศน์
สุพรีมมาสเตอร์ของเรา และคุณคงถามฉันว่า เหตุใดพวกเขาทำนายมาตลอด ว่าโลกจะอวสาน ราวกับใกล้จะ
เกิดขึ้นในยุคของพวกเขา แต่แล้วมันก็ยังไม่อวสาน มันจะอวสานเมื่อถึงเวลา
เป็นเพียงเพราะ ผู้มีญาณทิพย์เหล่านี้ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในขณะที่พวกเขาเชื่อมต่อกับสวรรค์ชั้นสูง เวลาใน
สวรรค์ และ เวลาบนดาวเคราะห์ของเรา ต่างกัน หนึ่งวินาที หนึ่งนาที ที่ผ่านไป อาจยาวนาน ถึงร้อยปีของเรา
บนโลก ดังนั้น อย่าบอกว่า พวกเขาทำนายไม่ถูกต้อง– พวกเขาทำนายถูกต้อง เราเพียงต้องขอบคุณพระกรุณา 
ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงเมตตา ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด และนักบุญ นักปราชญ์ ผู้มีเมตตาทุกท่าน 
ที่มอบบุญและพระพร อันมหาศาลเพื่อค้ำจุน โลกของเราจนถึงปัจจุบันนี้ มิฉะนั้น เราก็คงไปแล้ว ไม่มีอะไรเหลือ 
แต่มีระดับการทำลายล้างน้อยลง และจำนวนการเสียชีวิตของมนุษย์ และชาวสัตว์ก็น้อยลงเช่นกัน 
และการทำลายล้างอื่น ๆ คุณสามารถเห็นได้อย่างดี เราพยายามถ่ายทอดผ่าน โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ของเรา 
โปรดเข้าไปดู และคุณจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ตอนนี้ ขอขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพที่ทำให้ฉันจำได้ถึง วิธีการกอบกู้โลกนี้ วิธีการนี้เกี่ยวข้องกับ 
การเสียชีวิตของอาจารย์ – ไม่ว่าโดยสมบูรณ์ ถ้ามันล้มเหลว หรือชั่วคราว ชั่วขณะหนึ่ง และอาจารย์ก็ฟื้นคืนชีพ
ขึ้นมาแล้ว หลังจากที่อาจารย์ฟื้นคืนชีพแล้ว อาจารย์ก็จะมีพลังมากขึ้น เพราะการเสียชีวิต ของอาจารย์จะ
ลบล้าง กรรมบางส่วนไป ดังนั้น เธอ/เขา จะสามารถฟื้นคืนชีพ และมีพลังมากขึ้น เพื่อดำเนินวิธีทางนี้ วิธีการนี้ 
เพื่อช่วยมนุษยชาติและโลก พูดง่าย – แต่ไม่ง่ายที่จะทำ ไม่ง่ายที่จะทำสำเร็จ
โอเค ฉันจะทำให้มันสั้นและเรียบง่าย เหตุผลที่อาจารย์ทุกคนมา แต่ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ หรือกอบกู้โลกได้ 
ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ "เวลาอวสาน" – ไม่เหมือนเวลานี้ และเมื่ออาจารย์ อยู่บนดาวเคราะห์นี้ พวกท่านต้องแบกรับ
กรรมของโลกด้วย มันหนักมาก ๆ ๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า มันครอบคลุมท้องฟ้าได้ทั้งหมด และคุณก็รู้ว่า 
ท้องฟ้ากว้างใหญ่เพียงใด ดังนั้น ส่วนใหญ่ เมื่ออาจารย์เสียชีวิต กรรมของโลกจะสลายไป เพราะพวกท่านดูดซับ
มันเข้าสู่ตัวพวกท่านเอง ขณะที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ เพื่อยกระดับมนุษยชาติ
ดังนั้น เมื่ออาจารย์เสียชีวิต กรรมก็จะไม่อยู่กับอาจารย์อีกต่อไป เพราะอาจารย์ ไม่มีร่างกาย จิตใจ และสมองที่
จะเก็บกรรมของโลกนั้นไว้อีกต่อไป และเมื่ออาจารย์เสียชีวิต นั่นหมายถึงกรรมก็สลายไป และถ้าอาจารย์ฟื้น
คืนชีพอีกครั้ง มีชีวิตอีกครั้ง ณ ขณะนั้น กรรมก็ยังไม่กลับมา กองทับถมกัน อาจารย์จึงสามารถฟื้นคืนชีพ 
และเชื่อมต่อใหม่กับพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ กับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้อีกครั้ง เพื่อเติมพลังอาจารย์ 
ทั้งหมดให้เต็มอีกครั้ง จากนั้น อาจารย์ ก็จะสามารถใช้พลัง เพื่อสร้างโลกใหม่ได้
ฉันบอกคุณแล้วว่าการพูดครั้งนี้ ยากมาก ยากมาก มันยากที่จะพูด แม้ว่าฉันจะรู้ทุกอย่างแล้ว แต่มันก็ยากที่จะ
แสดงออกมา ไม่ใช่หัวข้อที่ง่าย พยายามทำความเข้าใจดู ได้โปรด แต่ไม่ใช่อาจารย์เพียงคนเดียว อาจารย์ต้อง
ทำงาน กับระบบกรรม และต้องทำอย่างลับ ๆ แม้แต่พระเจ้าแห่งกรรม ก็ไม่สามารถรู้เรื่องนี้ได้ – ไม่สามารถรู้
ได้ว่ากรรมของโลกกำลังจะหมดไป ฉันจะพูดให้รวบรัด
หลังจากขจัดกรรมออกไปแล้ว มันจะถูกขังอยู่ในสนาม ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนั้นว่าอย่างไร มันไม่ใช่ดาวเคราะห์ 
มันไม่ใช่สนามหญ้า เหมือนสนามหลังบ้าน หรือสนามหน้าบ้านของคุณ แต่มันเรียกว่า "สนาม" ไม่ได้เรียกว่า 
ดาวเคราะห์ และสนามนั้นมันใหญ่ กว่าดาวเคราะห์นี้หลายกาซิลเลียน ของกาซิลเลียนของกาซิลเลียน 
ของกาซิลเลียนของกาซิลเลียนเท่า และมันอยู่ห่างจากโลกนี้ หลายซิลเลียน ของซิลเลียน ของซิลเลียน 
ของซิลเลียนปีแสง และสนามนั้นไม่มีต้นไม้ หรืออะไรแบบเหมือน เรามีในสนามหลังบ้านของเรา มันแบน 
ไม่กลมเหมือนดาวเคราะห์นี้ คุณอาจเรียกมันว่า "ลานทราย" ได้ ถ้าคุณต้องการ แต่ใหญ่กว่า ดาวเคราะห์นี้หลาย
กาซิลเลียน กาซิลเลียนของกาซิลเลียนเท่า และสนามนั้น ถ้าคุณสามารถมองเห็นได้ มันถูกปกคลุมไปด้วยทราย
มันดูเหมือนทราย และมีสีคล้ายไข่มุก มันไม่มีอะไรอื่นในนั้น สนามนั้นอยู่ห่างไกล จากดาวเคราะห์อื่น ๆ 
และกาแล็กซีอื่น ๆ สามารถถูกล็อกอยู่ตลอดกาล อย่างน้อยก็ตอนนี้ และไม่มีใครสามารถเปิดมันได้ จริง ๆ แล้ว
การจะอ้างอิงคำที่แน่นอน ของพระองค์ท่าน พระราชาแห่งกรรม: “ไม่มีใครสามารถไขกุญแจได้” มันไม่ใช่คำพูด
ของฉัน กุญแจเพื่อเปิดได้ ฉันจะไม่บอกคุณ ว่าใครเก็บมันไว้ หรือที่ไหน แม้ว่าคุณจะฆ่า คนเก็บกุญแจ มันก็
ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี ดังนั้น ฉันไม่กลัวสิ่งนั้น เพียงแต่ว่าไม่ได้รับอนุญาต ให้บอกเท่านั้น
ตอนนี้ หลังจากที่กรรม ถูกกำจัดออกไป และถูกเก็บไว้สนามนั้นแล้ว โลกก็เป็นอิสระ - ชั่วคราว – จนกว่า
สิ่งต่าง ๆ จะคลี่คลาย และ เป็นไปตามข้อกำหนด ซึ่งข้อแม้ ที่ฉันบอกคุณก่อนหน้านี้ ตอนนี้ ยังไม่เป็นไปตาม 
มาตรฐานดังกล่าว แต่อย่างน้อยเราก็มีความหวัง ที่ยิ่งใหญ่สำหรับอนาคต
ข้อแม้คือว่า ในขณะนี้ เปอร์เซ็นต์ของมนุษย์ ที่เป็นวีแกนยังไม่เพียงพอ ตอนนี้อาจมีเพียง 30% เท่านั้น
ที่เป็นวีแกน มังสวิรัติไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เนื่องจากพวกเขายังคง เชื่อมโยงกับชาวสัตว์ ผ่านทางนมหรือไข่ 
หรือแม้แต่กินชาวปลา และเรียกสิ่งนั้นว่ามังสวิรัติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่บริสุทธิ์พอ ที่จะสร้างอิฐเพื่อสร้าง 
โครงการแห่งความรอดนี้ ดังนั้น วีแกนคือผู้ที่ สามารถช่วยดาวเคราะห์นี้ได้ หลังจากที่อุปสรรคทั้งหมด 
ถูกขจัดออกไป กรรมได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว
ให้ฉันปิดสิ่งนี้ และฉันจะพยายามจำอย่างอื่นอีก โอเค ฉันเพิ่ง ดูบันทึกของฉัน และตอนนี้ฉันก็จำ อะไรได้
มากขึ้น และสนามแบบนั้น ที่ฉันเพิ่งพูดถึงก็มีทราย แต่เป็นทรายที่โคลงเคลงไปมา มันไม่เรียบและมั่นคง 
เหมือนทรายบนชายหาดเรา มันกำลังสั่นคลอน โคลงเคลง ฉันไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสั่นคลอน ฉันไม่มีเวลา 
ค้นคว้าเรื่องนั้น นอกจากนี้มันไม่สำคัญ เท่าไหร่ตราบใดที่ มันยังสามารถบรรจุกรรมได้ ฉันก็มีความสุขแล้ว
โอ้ พระเจ้า ฉันต้องเปิดไฟ จึงจะมองเห็นได้มากกว่านี้ เพราะฉันพูดในความมืด ฉันมีสมาธิมากกว่า โดยไม่มี
แสงสว่าง และไม่เห็นสิ่งใด รอบตัวฉัน เมื่อไม่นานนี้มันเป็นเช่นนั้น ฉันไม่พูดตอนมีไฟดวงใหญ่ ๆ หรือกล้องอยู่
ตรงหน้า กับตากล้องและ อะไร ๆ แบบนั้นเมื่อก่อน ฉันต้องตั้งสมาธิให้ ลึกซึ้งมากกว่า การพูดในที่
สาธารณะอื่น ๆ ดังนั้น หากฉันต้องการอ่าน บันทึกของฉันสักหน่อย ฉันต้องเปิดไฟฉาย แล้วปิดมันอย่างรวดเร็ว
มันไม่ง่าย หลังจากกรรมถูกเอาออกไปหมด โลกกรรมก็จะพังทลาย หรือจะอ้างอิงคำพูดอย่างแม่นยำ 
ขององค์ราชาแห่งกรรม: “โลกแห่งกรรมถูกฆ่า” หมายความว่าจะไม่มีโลก ถูกสร้างขึ้น ด้วยกรรมที่มนุษย์
สร้างไว้ตลอดเวลานี้ อีกต่อไป หมายความว่าจะไม่มี โลกกรรมดำรงอยู่ด้วย พลังงานอันมหาศาลนั้น กรรมอัน
ใหญ่โต มหึมา ของมนุษยชาติ แน่นอนว่าราชาแห่งกรรม จะไม่มีงานทำ และจะบ่น เช่น ยกตัวอย่าง “เรื่องนี้
ไม่ได้รับอนุญาตเช่นนั้น! ท่านกำจัดกรรมได้อย่างไร?” มันถูกลบออกไปอย่างลับ ๆ แต่หลังจากที่มันหายไป
หมดแล้ว เขาจะรู้ และแน่นอน อาจารย์ต้องบอกเขา ว่ามันไม่ยุติธรรม – ที่จะมอบกรรมทั้งโลก ไว้กับอาจารย์
เพราะอาจารย์ไม่ได้ ทำอะไรผิด – แค่พยายามช่วยเหลือ บุตรของพระเจ้า และนั่นคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการ 
ให้ ลูก ๆ เป็นคนดี ได้รับการช่วยเหลือ และเป็นอิสระ ดังนั้น ตามกฎแห่งกรรม นี่ไม่ยุติธรรมเลย ไม่เที่ยงธรรม 
ที่อาจารย์ ต้องถูกลงโทษเพียงผู้เดียว ถึงอย่างนั้น ก็ไม่สามารถชำระล้างกรรมทั้งโลกได้
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึง บอกราชาแห่งกรรมว่า เขาต้องของานใหม่ จากพระเจ้า หรือฉันจะหางานให้เขา หรือเขาเพียง
แต่ติดตามฉัน ไปสู่อาณาจักรใหม่ กับฉันแล้วพักผ่อน เพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษ ความเพลิดเพลิน ความสุข 
และความผาสุก แทนที่ วันแล้ววันเล่า ต้องดูเอกสารน่าเกลียด เกี่ยวกับความชั่วของมนุษย์และ ความทุกข์
ทรมานของชาวสัตว์ และทั้งหมดนั้น และจดบันทึกไว้ทั้งหมด มันไม่ดีเลยใช่ไหม? เขาจึงตกลง นั่นคือสิ่งหนึ่ง 
ดังนั้น เขาจะปฏิบัติตาม คำสอนของอาจารย์ และจะไปสู่อาณาจักรใหม่ และเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่ 
สวยงามและผ่อนคลาย แทนที่จะ ต้องจัดการกับเรื่องน่าเกลียด จากมนุษย์และสิ่งอื่น ๆ ที่น่าเกลียด น่ากลัว 
โหดร้ายมาก ดังนั้น... คุณก็รู้ ฉันไม่มีคำพูดตอนนี้ เลวร้ายมาก เลวร้าย
และแน่นอน มนุษย์ที่อยู่บนดาวเคราะห์นี้ ไม่มีกรรมชั่วคราว (เนื่องจาก) ทุกสิ่งถูกระงับ จะไม่ถูกลงโทษ 
และสิ่งใด ๆ ที่มีอยู่ ก็จะดำเนินต่อไป แต่พวกปีศาจและมารร้าย ที่ไม่มีวิญญาณอยู่แล้ว ซึ่งเกิดและดำเนินชีวิต
ด้วย พลังกรรมอันเลวร้าย ของมนุษย์ และบางทีอาจเป็น สัตว์บางชนิด หรือ... แค่มนุษย์ อันที่จริง ชาวสัตว์
พวกเขาเพียง ทำหน้าที่ของพวกเขา แม้จะดูไม่ดี สำหรับชาวสัตว์ งานที่พวกเขาทำอยู่ แต่พวกเขากำลังช่วย
ดาวเคราะห์ กำจัดซอมบี้ที่ติดโรค หรือเป็นลบในทะเล หรือบนภูเขา หรือบนบกเป็นต้น ดังนั้น มีเพียงมนุษย์
เท่านั้น ที่ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีสติ และตั้งใจ ซึ่งสร้างพลังอันเลวร้าย และน่าสะพรึงกลัว เพื่อให้กำเนิดปีศาจ
และมารร้าย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงต้องถูก กำจัดออกไป ไปยังดาวเคราะห์ ดวงอื่นที่อยู่อาศัยไม่ได้ โดยไม่มีสิ่ง
มีชีวิตอื่นอยู่ที่นั่น คล้ายกับสนาม ที่ฉันกล่าวไปแล้ว และพวกเขาต้องอยู่ที่นั่น จนกว่า พวกเขาย้ายเข้าสู่ 
โลกนรกบางประเภท หรือและ จนกว่าพวกเขาจะตายไปเอง ตามกาลเวลา - จนกว่าจะถึง เวลาที่ไม่มีพลังงาน
ที่ไม่ดี อีกต่อไปที่จะให้อาหารพวกเขา หล่อเลี้ยงการดำรงอยู่ของพวกเขา
โอ้ การพูดนี้เป็นเรื่องยาก ฉันเอาแต่พูดตะกุกตะกัก ฉันรู้สึกว่ามันพูดยาก คำพูดออกมายาก ไม่ราบรื่น ตอนนี้คุณ
รู้แล้ว ว่าเป็นอย่างไร มันเป็นงานเยอะมาก มันไม่ง่ายเลย แต่มันก็เป็นไปได้ ขอบคุณพระเจ้า ด้วยพระคุณของ
พระเจ้า มันทำได้
ตอนนี้คุณถามฉันว่า ข้อแม้คืออะไร? ข้อแม้คือว่า ในขณะนี้ เปอร์เซ็นต์ของมนุษย์ ที่เป็นวีแกนยังไม่เพียงพอ 
ตอนนี้อาจมีเพียง 30% เท่านั้นที่เป็นวีแกน มังสวิรัติไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เนื่องจากพวกเขายังคง เชื่อมโยงกับ
ชาวสัตว์ ผ่านทางนมหรือไข่ หรือแม้แต่กินชาวปลา และเรียกสิ่งนั้นว่ามังสวิรัติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่บริสุทธิ์พอ 
ที่จะสร้างอิฐเพื่อสร้าง โครงการแห่งความรอดนี้ ดังนั้น วีแกนคือผู้ที่ สามารถช่วยดาวเคราะห์นี้ได้ หลังจากที่
อุปสรรคทั้งหมด ถูกขจัดออกไป กรรมได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว ยกตัวอย่าง เช่นนั้น และด้วยข้อตกลงของ 
พระองค์ท่าน ราชาแห่งกรรม
โอ้ ยังไงก็ตาม ราชาแห่งกรรม ก็กลับชาติมาเกิดบนโลก เช่นเดียวกับมนุษย์คนอื่น ๆ ใช่ อะไรอีกตอนนี้? 
โอเค โอเค ดี บุคคลที่จุติมาบนโลก บุคคลใด ๆ ก็ตาม – ส่วนใหญ่หากพวกเขาเป็นมนุษย์ พวกเขามีจิตวิญญาณ
– มีพวกเขางานบางอย่างที่ต้องทำ ฉันไม่ได้หมายถึงงานทางกายภาพ ฉันหมายถึงนอกจากงาน ทางกายภาพ
แล้ว พวกเขายังมีหน้าที่อื่นอีก เฉกเช่น ยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้าหรือพระเยซูคริสต์ ทั้งสองพระองค์มาเกิดเป็น
มนุษย์ แต่พวกท่านไม่ใช่มนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อพวกท่านยังเป็นมนุษย์ พวกท่านก็ต้อง ทำหน้าที่ของท่าน
ไประยะหนึ่ง หรือตลอดชีวิต มันแล้วแต่
เช่นเดียวกับ คาเบียร์ นักบุญคาเบียร์ – ท่านทำงาน เป็นช่างทอผ้ามาตลอดชีวิต และมีภรรยาด้วยซ้ำ แต่ภรรยา
ก็เป็นนักบุญเช่นกัน – เป็นลูกศิษย์ที่เชื่อฟังอย่างยิ่ง ฉันได้เล่าเรื่องราวของเธอให้คุณฟัง มากมายว่าเธอเชื่อฟัง
แค่ไหน ดังนั้นเราจะ ไม่เสียเวลามากที่นี่ และพระพุทธเจ้าทรงเป็นเจ้าชาย และมีพระมเหสี มีนางสนม 500 คน 
และมีพระโอรสด้วย แต่นั่นไม่ใช่งานเดียวของพระองค์ ต่อมาพระองค์ทรงสละตำแหน่งนั้น ในฐานะกษัตริย์ใน
อนาคต และกลายเป็นพระธุดงค์ คุณก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้น ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก เพื่อยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้ามา
ประสูติ เป็นมนุษย์ แต่พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้า พระเยซูคริสต์ประสูติ รูปร่างดูเหมือนมนุษย์ แต่พระองค์ 
ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า – พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
ดังนั้น ราชาแห่งกรรมจึง มาเกิดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ เพื่อเชื่อมโยงกับมนุษยชาติ อย่างแท้จริง เพื่อที่จะรู้ว่า
พวกเขาทำอะไร แม่นยำกว่า ถ้าเขาเพียงแค่ อยู่ในโลกกรรม และเพียงแค่มองผ่าน เครื่องมือที่มองไม่เห็น 
มันแม่นยำยิ่งขึ้น ถูกต้องยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากนักบุญและนักปราชญ์ท่านใด หรือเทพผู้มีหน้าที่ใด ๆ 
ต้องการทำหน้าที่ของตนให้ดี แล้วพวกเขาก็จะต้องเกิดใหม่ด้วย บนโลกในฐานะมนุษย์ และนั่นคือเหตุผลว่า
ทำไมหลายคน พระคัมภีร์และศาสนาที่ดี พูดถึงเสมอว่าคุณต้อง ตามหาอาจารย์ผู้มีชีวิตอยู่ เพราะไฟฟ้า 
ในอากาศไม่มีประโยชน์สำหรับคุณ กับเครื่องใช้ในบ้านของคุณ ถ้าคุณไม่มีสายเคเบิล และปลั๊กไฟสำหรับ 
เสียบเครื่องมือของคุณเข้ากับ เพื่อนำไฟฟ้าไปทำงาน
แค่ว่าโลกกายภาพก็เป็นแบบนั้น ในโลกสวรรค์ มันไม่ใช่แบบนั้น มันแตกต่างกัน คุณไม่จำเป็นต้องมี เครื่องมือ
ทางกายภาพ แต่คุณยังต้องการอาจารย์ แม้ว่าพวกท่านจะไม่ได้อยู่ใน ทางกายภาพเหมือนกับมนุษย์ แต่คุณยัง
ต้องการอาจารย์ เพื่อสอนคุณมากขึ้น เพื่อนำคุณ ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น เป็นต้น และอวยพรคุณมากขึ้น – ถ้าคุณ
ไม่อยู่ในโลกของพวกเขาแล้ว หรือในสวรรค์ชั้นสูง ไม่ใช่แค่ใครก็ตามที่บรรลุ ระดับที่ห้าหรือระดับที่สี่ สามารถ
เป็นอาจารย์ได้ มันยังก็ต้องถูกตัดสิน ได้รับมอบหมาย จากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผ่านปรมาจารย์ขั้นสูงสุด
ในโลกทางกายภาพนั้น ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ก็ยังต้องจุติเป็นมนุษย์ด้วย แล้วตัดสิน อวยพรใคร ให้เป็นศิษย์
ของท่าน แล้วจึงสอนพวกเขา และยกระดับพวกเขา สู่มิติที่สูงกว่า และในโลกที่สูงกว่านั้น ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด 
ก็ปรากฎในระดับต่าง ๆ เพื่อสั่งสอนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แต่ก็มีนักบุญคนอื่น ๆ ด้วย และปราชญ์และกษัตริย์ทั้งหมด 
ของโลกต่าง ๆ ช่วยเหลือ พระพุทธเจ้าจากโลกต่าง ๆ ก็กำลังช่วย - หากคุณอยู่ ในมิติที่สูงกว่าแล้ว เช่นเดียว
กับในโลก คุณมีครูต่าง ๆ กัน สำหรับโรงเรียนอนุบาล สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา สำหรับมัธยมปลาย 
สำหรับวิทยาลัย สำหรับมหาวิทยาลัย ฯลฯ
ตอนนี้ฉันพูดถึงไหน? ลืมไปแล้วว่ามันคืออะไร ฉันจะปิดการบันทึกเสียงนี้ และฉันจะต้องจำไว้ หรืออ่านโน้ต
บันทึกของฉัน โอเค ฉันกลับมาแล้วตอนนี้ ฉันเพิ่งจำได้ กรรมนี้ใหญ่มาก ใหญ่มาก ใหญ่มาก ดังนั้น ไม่ใช่
อย่างที่คุณพูดว่า "โอเค ฉัน จะลบกรรม" และมันก็เป็นอันเสร็จสิ้น มันไม่ใช่แบบนั้น มันต้องใช้เวลา โอ้ อาจ
เป็นปี ๆ - อย่างช้า ๆ อย่างลับ ๆ แต่ประเด็นคือ คุณไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ ตามเวลาโลก คุณต้องทำสิ่งนั้น 
ตามเวลาสวรรค์ มันเร็วกว่า เช่นเดียวกับหนึ่งปี มันจะกลายเป็นหนึ่งวินาที หรือ 10 ปีกลายเป็นหนึ่งวินาที 
เช่นนั้น มันอาจจะมากกว่านั้น ฉันแค่พูดตัวเลข เพื่อให้คุณเข้าใจ ความแตกต่างได้
และทำสิ่งนั้นด้วย วิธีการจากสวรรค์ด้วย วิญญาณและพลังของ ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ซึ่งปรากฏบนโลก 
ด้วยความช่วยเหลือจาก ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ในสวรรค์ชั้นสูง พูดด้วยคำพูด ของปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเอง 
มันคือ "yonder" (ที่โน่น) คำว่า "ในโลก Yonder" (โน้น) นั่นคือสิ่งที่พระองค์ตรัสกับฉัน และเหนือสิ่งอื่นใด 
แน่นอน โดยพระคุณและพระเมตตาของ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด มันต้องใช้การจัดระเบียบ 
การจัดเตรียม และการเจรจา – อย่างมากหากทำได้เช่นนั้น
ทั้งหมดนี้ที่ฉันได้บอกคุณไปตอนนี้ มันเสร็จไปแล้ว แต่ฉันยังคงรอให้ "ข้อแม้" เติบโต เรายังรอ ให้มวลวิกฤต
วีแกนเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้มนุษย์ เป็นวีแกนเพียง 30% เท่านั้น แต่โชคดีที่เรามีเป็นตัน ๆ และโอ้ พระเจ้า 
มีชาวสัตว์หลายชนิด ที่เป็นวีแกนเช่นกัน และนั่นก็เพิ่มโชคลาภให้ กับคลังบุญของเราด้วย แต่เรายัง 
ขาดอีก 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ และฉันหวังว่าอีกสักพัก... เพราะกรรม จะระงับไว้นานไม่ได้ ฉันหมายถึงกรรมใหม่ 
ที่มนุษย์กำลังสร้างขึ้น ไม่สามารถเพิกเฉยได้ นานเกินไป ถึงแม้จะเป็นปริมาณที่น้อยกว่าก็ตาม
ฉันเพิ่งจำได้ กรรมนี้ใหญ่มาก ใหญ่มาก ใหญ่มาก ดังนั้น ไม่ใช่อย่างที่คุณพูดว่า "โอเค ฉัน จะลบกรรม" 
และมันก็เป็นอันเสร็จสิ้น มันไม่ใช่แบบนั้น มันต้องใช้เวลา โอ้ อาจเป็น ปี ๆ - อย่างช้า ๆ อย่างลับ ๆ 
แต่ประเด็นคือ คุณไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ ตามเวลาโลก คุณต้องทำสิ่งนั้น ตามเวลาสวรรค์ มันเร็วกว่า 
เช่นเดียวกับหนึ่งปี มันจะกลายเป็นหนึ่งวินาที หรือ 10 ปีกลายเป็นหนึ่งวินาที เช่นนั้น มันอาจจะมากกว่านั้น 
ฉันแค่พูดตัวเลข เพื่อให้คุณเข้าใจ ความแตกต่างได้ และทำสิ่งนั้นด้วย วิธีการจากสวรรค์ด้วย วิญญาณ
และพลังของ ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ซึ่งปรากฏบนโลก ด้วยความช่วยเหลือจาก ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ในสวรรค์
ชั้นสูง พูดด้วยคำพูด ของปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเอง มันคือ "yonder" (ที่โน่น) คำว่า "ในโลก yonder" (โน้น) 
นั่นคือสิ่งที่พระองค์ตรัสกับฉัน และเหนือสิ่งอื่นใด แน่นอน โดยพระคุณและพระเมตตาของ พระเจ้าผู้ทรง
ฤทธานุภาพสูงสุด มันต้องใช้การจัดระเบียบ การจัดเตรียม และการเจรจา – อย่างมากหากทำได้เช่นนั้น
แล้วอะไรอีกล่ะ? ไม่ใช่แค่นั้นเท่านั้น คุณต้องเป็นทำตัวเป็นเพื่อนกับ สิ่งที่เรียกว่า "กุญแจ" ของคลังเก็บกรรม – 
คนที่เก็บ กุญแจของคลังเก็บกรรม คนที่รู้ วิธีเปิดมัน ไม่ใช่คนที่อยู่ที่สนาม ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้น ก่อนที่คุณเอามัน
ออกไปที่สนาม คุณต้องรู้ และทำงานร่วมกับ คนที่มีกุญแจด้วย เขาเป็นผู้ดูแล: เช่นเดียวกับในร้านค้าหรือ 
สำนักงานอื่น ๆ คนที่มีกุญแจ ไม่จำเป็นว่า มีเพียงเจ้านายเท่านั้นที่มีกุญแจ แม้แต่คนทำความสะอาดสำนักงาน 
ก็ยังมีกุญแจ เข้าสำนักงาน เพื่อทำความสะอาดทุกวัน หรือคนทำความสะอาดซูเปอร์มาร์เก็ต เจ้านายจะให้
กุญแจกับเขาไว้ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไว้ใจ ให้เข้าไปทำ ความสะอาดร้านทุกวัน หรือแม้แต่พนักงาน ธรรมดา ๆ 
คนหนึ่ง
แต่ถ้าบุคคลนี้ พนักงานของสำนักงานนั้น หรือร้านค้านั้น ต้องการทำอะไร กับเพื่อนของเขาบางคน เจ้านายก็
ไม่ควรรู้ได้เลย อาจจะเอาของบางอย่างออกไป หรือซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อ
ผู้อื่น แต่เจ้านายไม่สามารถรู้ได้ ถ้าพวกเขาอยากจะย้าย ทั้งร้านไป นั่นก็ยากกว่ามาก บางทีพวกเขาอาจจะ
ต้องรอ จนถึงช่วงคริสต์มาส หรือวันหยุดใหญ่ ๆ แล้วร้านจะปิด เป็นเวลาหลายวัน แล้วพวกเขาก็จะเอาออก
ไปได้เยอะ แล้วภายหลัง พวกเขาก็เอาออกมากขึ้น บางส่วน บางส่วน ทุกวันหรือทุกสัปดาห์ หรืออะไ
รประมาณนั้น ตอนที่ร้านปิด นี่ง่ายต่อการเข้าใจ และทำง่ายกว่า การขจัดกรรม ความมหึมา มหึมา มหึมา – 
สามารถปกคลุมท้องฟ้า หลายเท่า หลายเท่า – คลังเก็บกรรม ปริมาณกรรม จากนั้นจะยากขึ้นมาก 
ฉันไม่สามารถอธิบายมันทั้งหมด เป็นภาษามนุษย์ได้ แต่ฉันทำให้มันง่าย แล้วคุณก็ลองจินตนาการดู
ตอนนี้ ฉันยังคิดอยู่เลย งานนี้เป็นไปไม่ได้เลย และในขณะที่ดำเนินการนั้น ดูเหมือนทุกอย่างเป็นงานไม่สิ้นสุด 
และเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จ...!!! ตอนนี้ข่าวดีก็คือ ดำเนินการเสร็จแล้ว 95% ฉันรู้ว่ามันเสร็จแล้ว เมื่อฉันได้ยิน
เสียง แบง ภายในใจกลางของดาวเคราะห์เรา ไม่ใช่ บิ๊กแบง แน่นอน ตอนที่จักรวาลทั้งหมด ถูกสร้างขึ้น 
แบงเล็ก ๆ เท่านั้น แต่มันเป็นบิ๊กแบงสำหรับฉัน และชาวนกทุกตัว เข้ามาใกล้ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ที่จะ
ร้องเพลงอย่างมีความสุข เหมือนนักร้องประสานเสียง แม้กระทั่งอยู่ข้างใน ประตูปิดทุกบานในฤดูหนาว 
คุณยังสามารถได้ยินพวกเขาได้ ดังและชัดเจน!! ฉันถามว่าทำไม พวกเขาบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ 
พวกเขารู้เรื่องนี้ เกี่ยวกับแบง ที่ต่ออายุโลกใหม่ และพวกเขาก็ร้องเพลง เพลงขอบคุณพระเจ้า
ทั้งหมดนี้ที่ฉันได้บอกคุณไปตอนนี้ มันเสร็จไปแล้ว แต่ฉันยังคงรอให้ "ข้อแม้" เติบโต เรายังรอ ให้มวลวิกฤต
วีแกนเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้มนุษย์ เป็นวีแกนเพียง 30% เท่านั้น แต่โชคดีที่เรามีเป็นตัน ๆ และโอ้ พระเจ้า 
มีชาวสัตว์หลายชนิด ที่เป็นวีแกนเช่นกัน และนั่นก็เพิ่มโชคลาภให้ กับคลังบุญของเราด้วย แต่เรายัง 
ขาดอีก 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ และฉันหวังว่าอีกสักพัก... เพราะกรรม จะระงับไว้นานไม่ได้ ฉันหมายถึงกรรมใหม่ 
ที่มนุษย์กำลังสร้างขึ้น ไม่สามารถเพิกเฉยได้ นานเกินไป ถึงแม้จะเป็นปริมาณที่น้อยกว่าก็ตาม เพราะกรรมเก่า 
อยู่ในสนาม ถูกล็อกอยู่
คำว่า "สนาม" ก็เช่นกัน มาจากราชาแห่งกรรม เมื่อพระองค์ตรัสโวยวายว่า เราทำ "ผิดกฎหมาย" แค่ไหน ในการ
ขจัดกรรม! ไม่มีใครสามารถไขกุญแจมันได้ "ไม่มีใครสามารถไขกุญแจมันได้" – จริง ๆ แล้วนั่นไม่ใช่คำพูดของ
ฉัน ฉันจะบอกว่า "ไม่มีใครเปิดมันได้" แต่ “ไม่มีใครสามารถไขกุญแจมันได้” เป็นคำพูดของราชาแห่งกรรม 
ตอนเขาบ่น และบอกฉันว่าสนาม ที่เก็บกรรมของมนุษย์ไว้ ไม่มีใครสามารถไขกุญแจมันได้ แต่ฉันไม่เคยรู้เลย
ว่าใครจะใช้คำอย่าง "ไม่มีใครสามารถไขกุญแจมันได้" ฉันหวังว่าคุณเข้าใจ นั่นหมายความว่าไม่มีใครเปิดมัน
ได้ ไม่มีใครมีกุญแจเพื่อเปิดมันได้ ไม่มีใครเลยในทั้งจักรวาล
แล้วตอนนี้ฉันอยากจะพูดอะไรล่ะ? และกรรมใหม่ของมนุษย์ – ซึ่งสร้างมันขึ้นมาทุกวัน – ก็ยังไม่ต้อง รับมือ
อีกมากนัก เพียงแต่เมื่อมันยาวนาน ยาว ยาว ยาว ยาวนาน แล้วมันจะกองทับถม เราก็จะประสบภัยพิบัติ 
ภัยพิบัติทางสภาพอากาศ โรคระบาด สงคราม และความอดอยาก ฯลฯ ขณะเดียวกัน ขณะที่รอ 50% นี้ เข้ามา 
เพื่อเพิ่มเข้าไป เราเพียงต้องขอบคุณพระเจ้า อย่างขยันขันแข็งจริง ๆ อธิษฐาน และเปลี่ยนแปลง ส่วนคุณ 
คนที่เรียกว่าลูกศิษย์ของฉัน โปรดออกไป พยายามชักจูง ให้คนมาเป็นวีแกน อย่าเป็นแค่ คนเฉยเมย 
(ไม่ทำอะไร) และ “อาจารย์ทำทุกอย่าง อาจารย์รู้ว่าต้องทำอะไร อาจารย์ทรงพลัง” ไม่ใช่ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ 
เกี่ยวข้องกับอาจารย์เพียงผู้เดียว มนุษยชาติต้องมีส่วนร่วม และนั่นคือวิธีเดียวที่เรา จะหลุดพ้นจากปัญหานี้ 
และพัฒนา และหลุดพ้น ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก และหากดำเนินต่อไปเช่นนี้ เราก็จะมีความสงบสุข
ตลอดไป – สันติสุขตลอดกาลสำหรับมนุษย์ ชาวสัตว์ และสิ่งมีชีวิต ทุกชนิดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ นั่นคือ
ผลลัพธ์ของ โครงการนี้ ของวิธีการนี้ ของวิธีนี้ วีแกนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มาก
ถ้าชาวมังสวิรัติทั้งหมด เปลี่ยนเป็นชาววีแกนด้วย นั่นก็จะช่วยได้เช่นกัน ชาวสัตว์วีแกนเหล่านี้ และทารกวีแกน
ทั้งหมดนี้ด้วย – เพราะเมื่อพวกเขาเกิดมา พวกเขาไม่ได้กิน เนื้อชาวสัตว์ใด ๆ หรือ อะไรเลย พวกเขากินนมแม่ 
– ทั้งหมดนี้จะถูกนับรวมด้วย และลูกสัตว์ทั้งหลาย ที่แม้ว่า ตอนที่พวกเขาโตขึ้นมา อาจกินเนื้อสัตว์ ตอนที่
พวกเขาเกิดมา พวกเขาไม่ได้กิน – ชาวสัตว์วีแกนทั้งหมดเหล่านี้ ถูกเพิ่มเข้าไปในเปอร์เซ็นต์ของเรา เราต้อง
ขอบคุณพวกเขาตลอดไป เราต้องขอบคุณพระคุณของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงสร้าง ชาวสัตว์วีแกนขึ้นมา
เพื่อพวกเรามาช่วยเหลือเราในช่วงเวลา ฉุกเฉินอันเลวร้ายนี้ ตอนนี้ ชาวสัตว์วีแกน ต้องเป็นชาวสัตว์วีแกน 
ตามธรรมชาติแล้ว และชาววีแกนจะต้อง เป็นวีแกนโดยสมัครใจ ตามธรรมชาติ ไม่เช่นนั้นจะไม่นับ
และชาวสัตว์ ที่ถูกเลี้ยงในโรงงาน – ถูกขังอยู่ในนั้นและ ถูกป้อนยาปฏิชีวนะและยา ทุกชนิดเข้าสู่ร่างกายของ
พวกเขา – ก็ไม่นับเช่นกัน แม้ว่าจะ ได้รับอาหารวีแกนก็ตาม นั่นเป็นระบบที่ต่างออกไป พวกเขาไม่บริสุทธิ์
พอที่จะ บวกเข้ากับเปอร์เซ็นต์ ของประชากรวีแกนของเรา ดังนั้นเราจึงต้องพึ่งพา เฉพาะชาวสัตว์ป่าที่เป็น 
วีแกนโดยธรรมชาติเท่านั้น พวกเขาบริสุทธิ์มาก และยังคงเชื่อมต่อ กับสวรรค์และโลก เมื่อเราเป็นวีแกน 
เราจะเชื่อมโยงกับ สวรรค์และโลกมากขึ้น รู้หรือไม่รู้ ชอบหรือไม่ชอบ มันเป็นอย่างนั้น ดังนั้น ชาวสัตว์ 
ในโรงงานทั้งหมด ไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยเราได้ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับอาหารวีแกน แต่พวกเขายังสร้าง
ภาระ ให้กับกรรมของเรา – กรรมที่มากขึ้นสำหรับเรา ไม่ช่วยอะไรเลย โดยเฉพาะพวกที่ เป็นเจ้าของโรงงาน
และคนงาน ที่ฆ่าทุกวันอย่างนั้น เพื่อเลี้ยงตัวเอง นั่นเป็นกรรมอันเลวร้ายสำหรับพวกเขา พวกเขาเหล่านี้
ไม่ถูกนับว่าเป็นผู้ที่ได้รับพระพร และเป็นอิสระ อย่างคนธรรมดา ที่เปลี่ยนมาเป็นวีแกน และไม่ฆ่าสิ่งใด ๆ – 
ทั้ง ๆ ที่ เคยกินเนื้อชาวสัตว์ หรือดื่มนมหรือกินไข่ และชาวปลามาก่อน ถ้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นวีแกน ในระยะ
เวลาอันสั้น พวกเขาจะได้รับการชำระล้าง และบริสุทธิ์ แน่นอนว่า จะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของวีแกน บนโลก
ของเราเพื่อนำสันติสุข ตลอดกาล - มาสู่ทุกสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่มนุษยชาติเท่านั้น พระเจ้า ฉันหวังว่า วันนั้น
จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ถ้าคุณเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดความสงบสุขและวิถีวีแกน มันก็จะเกิดขึ้น
ในไม่ช้านี้ สันติภาพจะมาก่อน และวิถีวีแกนจะมา ในเวลาต่อมาไม่นาน หากคุณเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้น จงยินดี
ที่รู้ว่า โครงการนี้ได้ผล เพื่อประโยชน์ของคุณ และถ้ามันไม่ได้ผล คุณจะไม่เห็น อะไรแบบนั้น
สรุป: ฉันได้ลองสิ่งนี้ ด้วยพระกรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่และยิ่งใหญ่ของ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้สูงสุด ซึ่งเรา
ไม่สามารถสรรเสริญ นมัสการ และกราบไหว้ มอบความกตเวทิตาให้ได้เพียงพอ – สิ่งใดก็ตามที่เราทำ ไม่ว่า
กี่ชาติ– ก็ไม่เคยพอ และแน่นอนด้วยความเมตตา และความรักของ ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดในโลก 
เหนือจินตนาการของเรา รวมทั้งนักบุญและนักปราชญ์ทุกท่าน ในทั้งสิบทิศ – อดีต ปัจจุบัน และอนาคต 
เรารักพวกท่านทั้งหมด จากใจของเราทั้งหมด แต่เรายังคงเชื่อมต่อกัน กับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ด้วยการ
เชื่อมโยงบางอย่าง แน่นอน คุณก็รู้เรื่องนั้น ฉันหวังว่าคุณจะรู้ – ไม่สำคัญหรอกถ้าคุณไม่รู้ สิ่งสำคัญคือ
การช่วยเหลือ ดาวเคราะห์นี้พร้อมกับสิ่งมีชีวิต ทั้งหมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อช่วยชีวิตให้มากที่สุด 
เท่าที่จะเป็นไปได้ และเพื่อ ไถ่ดวงวิญญาณให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้หลังจากที่ พวกเขาออกจาก
ดินแดนกายภาพนี้ นั่นคือสิ่ง ที่สำคัญที่สุด ไม่สำคัญว่าใครทำ มันเกิดขึ้นไปแล้ว และเราขออธิษฐาน
เพื่อผลลัพธ์ และเราพยายามอย่างดีที่สุด ที่จะโน้มน้าวผู้อื่นให้เป็นวีแกน – ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะเวลาที่กำหนด 
ก็อาจหมดลงเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมี เวลาที่แน่นอนในการเติบโต ปรับตัว ซ่อมแซม และติดตามผล 
บนดาวเคราะห์ดวงนี้ ในโลกกายภาพนี้ ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป เช่นเดียวกันกับสิ่งอื่น ๆ – ที่เป็นนามธรรม 
และมองไม่เห็นอื่น ๆ
ฉันนอนไม่หลับ ฉันรสชาติอาหารไม่ค่อยดีนัก แม้เพียงวันละครั้ง มันก็ไม่อร่อยนัก แต่พระเจ้าก็จะทรงบำรุง
เลี้ยงฉัน มิฉะนั้น ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดจะทำให้ ฉันมีชีวิตอยู่และสบายดี เพียงแต่ฉันหวังและสวดภาวนาจริง ๆ 
เพื่อให้วันนั้นมาถึงในไม่ช้า เมื่อมนุษย์ทุกคนปราศจาก ภาระ ความโศกเศร้า และ ความกังวล และดำเนินชีวิต 
อย่างมีความสุขสำราญและ มีความสุขอย่างที่ควรเป็น แม้ในดินแดนกายภาพและ บนดาวเคราะห์กายภาพ
ใบนี้ หากวันนั้นมาถึง แม้ว่าฉันจะตายทันที ฉันก็ไม่ว่าอะไร มันจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด หรือมี
ความสุขที่สุดในชีวิตของฉัน – เมื่อฉันรู้ว่าดาวเคราะห์นี้ ปลอดภัย และสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ได้รับการช่วยเหลือ 
และจิตวิญญาณ ของพวกเขาได้รับการปลดปล่อย โอ้ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องนั้น อาเมน
โอเค ที่รัก โปรดสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรง ฤทธานุภาพที่ให้เรามี ทางเลือกในเรื่องนี้และ จัดการเรื่องเหลือเชื่อ 
รูปแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการทั้งหมด เพื่อให้โครงการนี้สำเร็จ จนถึงตอนนี้ 95% แต่เราต้องการ วีแกนมากขึ้นอีก
 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ มากกว่าเปอร์เซ็นต์ของวีแกน ที่เรามีตอนนี้ ดังนั้น หวังว่ามัน จะสำเร็จ และโดยเร็วที่สุด
ฉันรักพวกคุณทุกคน ในพระนามของพระเจ้า ฉันกราบลงต่อพระพักตร์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกวัน 
ขอบพระคุณองค์ผู้สูงสุด สำหรับทุกสิ่งที่ประทานมา ประทานแก่เรา และสำหรับการให้อภัยเรา ที่รักเรา
อย่างมากล้น ไม่ว่าเราจะเลวร้ายเพียงใด เราสร้างกรรมมามากเพียงใด และเราได้สร้างความเสียหายมากมาย
ต่อตัวเราเอง ต่อผู้อื่นและ ต่อทั้งโลกโดยกว้างเพียงใด ขอให้คุณระลึกถึงพระเจ้าตลอดไป ทุกนาที ทุกวินาที 
ในชีวิตของคุณถ้าทำได้ และรู้สึกถึงพระพร ที่หลั่งไหลมาสู่เรา อาเมน อาเมน อาเมน ฉันรักคุณ ขอพระเจ้า
อวยพรเราทุกคน
ฉันอยากจะขอบคุณ คุณจริง ๆ ขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง ในข้อความนี้ ข้อความล่าสุด เพื่อจัดระเบียบ
ถ้อยคำต่าง ๆ และทำให้ได้ยินเสียงมากขึ้น เพราะฉันไม่ได้เป็นผู้ที่ ทำอะไรได้ราบรื่นทุกอย่างจริง ๆ แต่คุณก็ทำ
ทุกอย่างได้ดี และฉันขอบคุณมาก ขอพระเจ้าอวยพรคุณ พระเจ้ารักคุณ และฉันรักคุณ ขอบคุณทีมงานของฉัน 
ทีมที่รักของฉัน ทีมที่ยอดเยี่ยม สำหรับทุกสิ่งที่คุณทำ – ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้น แต่สำหรับทุกวัน ทุกวัน ฉันรู้ว่า
คุณทำงานหนักแค่ไหน และขอให้คุณได้รับรางวัล แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการมันก็ตาม โดยสวรรค์ และ นักบุญ 
และปราชญ์ทุกท่าน ช่วยคุณ และ คอยสนับสนุนคุณทุกวัน ฉันก็ยังช่วย สนับสนุนคุณ จากใจฉันทุกวัน รักคุณ
นำมาจาก www.suprememastertv.com
ฺBe Vegan Make Peace
4 ธันวาคม 2566 13:27 น.

สาเหตุที่วิญญาณ ลงมายังโลกนี้

คีตากะ

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
รายการระหว่างอาจารย์และศิษย์
ทาง SMTV
บนดาวเคราะห์ดวงนี้ มีดวงวิญญาณมากมาย ที่ต้องทนทุกข์ ทรมานมากมาย มันเป็นเพราะเหตุนั้น – บางทีอาจ
เป็นเพราะพวกเขา ต้องการที่จะยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโลกที่หลอกลวง 
และบททดสอบของมายา ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเหลว หรือพวกเขาอาจอยากจะล้มลง เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไร 
และรู้ว่าใน โลกกายภาพนี้ มายาจะลงโทษวิญญาณใด ๆ ที่ไม่ยึดติดกับมาตรฐาน ทางศีลธรรมและคุณธรรม 
วิญญาณจะไปตามมันด้วย ความเต็มใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาได้ทนไม่ไหว และตื่นขึ้นมา แล้วพวกเขา
ก็ปรารถนาที่จะกลับบ้าน
สวัสดีที่รัก ฉันคิดว่าฉันจะ ต้องคุยกับคุณ เพราะคุณ กดดันให้ฉัน เปลี่ยนโลกนี้ ให้เป็นสวรรค์ ตามคำสั่งจากจิต
ของคุณ สิ่งต่าง ๆ ไม่ง่ายอย่างนั้น มิฉะนั้น พระพุทธเจ้า ก็ทรงทำเช่นนั้นไปแล้ว พระเยซูก็จะทรงทำเช่นนั้น
ไปแล้ว และฉันก็ไม่จำเป็น ต้องพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะเปลี่ยนแปลงผู้คน
คุณเห็นไหมว่า ก่อนที่จะมาสู่โลกนี้ หรือโลกใดก็ตาม ดวงวิญญาณปรารถนา ที่จะสมบูรณ์แบบมากขึ้น ยิ่งใหญ่
ยิ่งขึ้น ในทางใดทางหนึ่ง เพราะนี่คือสิ่งที่ สร้างขึ้นใหม่โดยมายา และทีมงาน เช่น เทวดาตกสวรรค์ เป็นต้น 
เขาชอบที่จะต่อต้านพระเจ้า เพื่อพิสูจน์ว่าเขาดีกว่า บัดนี้ หลังจากสร้างโลกนี้แล้ว เขาได้เชิญดวงวิญญาณ 
ให้ลงมา โดยสัญญากับพวกเขาว่า พวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่า ที่เคยเป็น และดวงวิญญาณ – ดวงวิญญาณทั้งหมด
เป็นผู้บริสุทธิ์ – แล้วต้องการพิสูจน์ ว่าพวกเขาสามารถดีขึ้นได้ หรือสิ่งใหม่ ๆ เช่นการผจญภัย พวกเขาจึงอาสา 
ลงมา และ แน่นอนว่า ถ้าคุณต้องการที่จะยิ่งใหญ่ขึ้น คุณต้องผ่านการทดสอบ และการสอบต่าง ๆ
จำเรื่องราวเกี่ยวกับ ท่านมหาวีระได้ไหม? ตอนที่พระองค์ทรงบำเพ็ญ วิปัสสนาของพระองค์ เพื่อให้รู้แจ้งมากขึ้น พระเจ้าองค์หนึ่งในสวรรค์ ก็สรรเสริญพระองค์ว่า "โอ พระมหาวีระ ทรงเป็นสิ่งนี้และสิ่งนั้น และอื่น ๆ วิเศษมาก 
อัศจรรย์มาก กล้าหาญมาก ยอดเยี่ยมมาก" เขาชอบพระมหาวีระ มาก ๆ แล้วลูกน้องคนหนึ่ง ที่อยู่ด้านข้าง 
ก็พูดกับพระเจ้าว่า “โอ้ เรื่องนี้เราไม่แน่ใจนัก อย่าสรรเสริญพระองค์มากเกินไป และเร็วเกินไป ให้ข้าพเจ้าลงไป ทดสอบพระองค์เถิด ไม่อย่างนั้นข้าพเจ้า ไม่มีความเคารพพระองค์ มากเท่ากับท่าน ฉันต้องพิสูจน์ด้วย
ตัวเองก่อน จึงจะสามารถสรรเสริญพระองค์ หรือยอมรับพระองค์ได้”
พระเจ้าองค์นั้นไม่ได้พูดอะไรเลย ดังนั้น คุณเห็นไหมว่า ตัวตนชอบทดสอบ ในสวรรค์นั้น ลงมา และปรากฏตัว 
เป็นตัวตนหรือสถานการณ์ ที่น่ากลัวทุกประเภท เพื่อทดสอบพระมหาวีระ นั่นคือก่อนที่ พระมหาวีระจะตรัสรู้ 
โดยสมบูรณ์ และพระองค์ก็ยังไม่มีพลัง พอที่จะต่อสู้กับ เทพองค์นี้ หรืออะไรก็ตามที่คุณเรียกเขา แน่นอน 
แน่นอน ไม่ใช่ตัวตนที่อ่อนโยน และมีเมตตามากนัก คุณเห็นสิ่งนั้นได้ ดังนั้น พระมหาวีระ จึงต้องทนทุกข์
ทรมาน ทางกายมากมาย ตลอดจนความทุกข์ไม่สบาย มากมายทั้งทางจิตวิทยา หรือจิตใจ หรืออารมณ์ 
แต่ถึงกระนั้น พระมหาวีระก็เอาชนะ พวกเขาทั้งหมดได้ หลังจาก 12 ปีแห่งการทดสอบ และความยากลำบาก
ทุกประเภท จากผู้ใต้บังคับบัญชาที่โง่เขลา ของเทพเจ้าองค์เล็ก หรือสวรรค์บางแห่ง - เทพเจ้าแห่งสวรรค์
บางประเภท จากนั้น พระองค์ก็ บรรลุการตรัสรู้โดยสมบูรณ์ ลองนึกภาพว่า เขาต้องทนทุกข์ทรมาน 
มากขนาดไหน ตลอด 12 ปีเหล่านั้น? และเราได้ยินมาเพียง บางส่วนจากบันทึกบางอย่าง อาจเป็นจากผู้ที่ 
อาจจะเป็น ลูกศิษย์คนหนึ่งของพระองค์ หรืออาจจะเป็นเทวดาบางองค์ ในสวรรค์ที่เห็น ทุกสิ่งที่เคยต้องการ 
ปกป้องพระมหาวีระ และรู้ทุกอย่าง แล้วก็เทวดา อาจจะปรากฏกาย เป็นมนุษย์ กลายเป็นลูกศิษย์ หรือสหาย
ของพระองค์ แล้วจดบันทึกไว้ทั้งหมด บางทีพระมหาวีระอาจ เล่าเรื่องนี้ให้ผู้คนฟัง บางส่วน และบางคนอาจ 
บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร โชคดีที่เรารู้ บางอย่างเกี่ยวกับ ช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน และทดสอบของ 
พระมหาวีระ
บัดนี้เราได้ยินและรู้ ว่าวิญญาณทุกดวงมีประกาย ของพระเจ้าอยู่ภายใน ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า 
และพระเจ้าทรงสถิต อยู่ภายในพวกเขาด้วย ดังนั้นคุณจึงสงสัยว่า ทำไมดวงวิญญาณถึงถูกมายาหลอก 
เพื่อที่จะทำสิ่งนี้และสิ่งนั้น ทุกสิ่งในโลก และปล่อยให้ตัวพวกเขาเอง ถูกทดสอบอย่างแข็งขัน – แม้กระทั่ง
โหดร้ายในบางครั้ง – เพราะดวงวิญญาณต้องการ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า แค่การเป็นจิตวิญญาณ 
เพลิดเพลินกับความผาสุก และความสุขที่พระเจ้า ประทานโดยความรักของพระองค์
ตอนนี้สิ่งที่คล้ายกัน กำลังเกิดขึ้นในโลกของเรา บนดาวเคราะห์ดวงนี้ มีดวงวิญญาณมากมาย ที่ต้องทนทุกข์ 
ทรมานมากมาย มันเป็นเพราะเหตุนั้น – บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขา ต้องการที่จะยิ่งใหญ่ แต่พวกเขา
ไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโลกที่หลอกลวง และบททดสอบของมายา ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเหลว 
หรือพวกเขาอาจอยากจะล้มลง เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไร และรู้ว่าใน โลกกายภาพนี้ มายาจะลงโทษวิญญาณใดๆ
ที่ไม่ยึดติดกับมาตรฐาน ทางศีลธรรมและคุณธรรม วิญญาณจะไปตามมันด้วย ความเต็มใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง 
พวกเขาได้ทนไม่ไหว และตื่นขึ้นมา แล้วพวกเขาก็ปรารถนาที่จะกลับบ้าน ไม่ว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่ กว่าที่เคย
เป็นมา หรือไม่ก็ตาม พวกเขาต้องการกลับบ้าน พวกเขาไม่เอาแล้วกับความยากลำบาก และบททดสอบ
ทั้งหมดนี้
ด้วยเหตุนี้ อาจารย์หลายท่าน จึงมาและไป พวกเขา (ดวงวิญญาณ) ยังไม่ฟังและกลับบ้าน ดังนั้น คำพูดหรือการ
ใช้ เหตุผลหรือตรรกะของอาจารย์ จะดึงดูดเฉพาะ ผู้ที่พร้อม ผู้ที่อดทนต่อ ความทุกข์ทรมานที่สุด เต็มไปด้วย 
ความเจ็บปวดและความโศกเศร้า ในการดำรงอยู่ทางกายนี้เท่านั้น จากนั้นพวกเขาจะเต็มใจ ที่จะกลับบ้าน 
ตามรอยเท้าและ/หรือ คำแนะนำของอาจารย์
ยังมีผู้ที่เป็นนักบุญ โดยธรรมชาติอยู่แล้ว – เคยถูกฝึกฝนและทดสอบ มายาวนานหลายชั่วอายุคนมาก่อน 
จากนั้นพวกเขาก็พร้อม ที่จะติดตามอาจารย์ สิ่งที่อาจารย์พูดไป สิ่งที่อาจารย์บอก และอธิบายไป พวกเขา
เข้าใจทันที ไม่มีคำถาม อยู่ในใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงวางใจอาจารย์ทันที และทำตามทุกสิ่ง 
ที่อาจารย์ต้องการบอก และสอนพวกเขา คนเหล่านี้เรียกว่า ลูกศิษย์ที่ดี พวกเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว 
ทรงพลัง และ มีประโยชน์และช่วยเหลือ มนุษยชาติอย่างมาก แม้ว่าจะมีไม่มาก เพราะอาจารย์คนใดก็ตาม 
ที่ลงมาสามารถนำมาได้ เพียงบางส่วนที่เรียกว่า มือขวาของท่านเท่านั้น ผู้ที่ติดตามเขาแต่ก่อน หรือติดตาม
เธอแต่ก่อน ได้รับการฝึกฝน ได้รับการทดสอบแล้ว ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว พวกเขาลงมาโดยเจตนา 
เพื่อสนับสนุนภารกิจของอาจารย์ คนเหล่านี้เป็น นักบุญและปราชญ์อยู่แล้ว – หรือเคยศึกษากับอาจารย์ 
เป็นลูกศิษย์มาหลายชาติก่อน – หลุดพ้นแล้ว แต่ลงมายังโลก ด้วยจุดประสงค์เพียงเพื่อสนับสนุน อาจารย์
ของพวกเขา เพราะหากไม่มีการเชื่อมต่อ ทางกายภาพกับโลกนี้ พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก
วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการช่วยเหลือมนุษยชาติ หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ บน ดาวเคราะห์นี้ คือ คุณต้องอยู่ที่นั่น
กับพวกเขาในขอบเขต ทางกายภาพ และทำสิ่งต่าง ๆ ทางกายภาพทุกชนิด อย่างที่สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์นี้
ทำอีกทั้งเพื่อให้เข้าใจถึง ความทุกข์ทรมานของตนด้วย เพราะถ้าพวกเขาไม่ได้ทนทุกข์ร่วมกับมนุษย์ 
ก็เป็นเรื่องยากมาก สำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจความทุกข์ทรมานและ ความเจ็บปวดของมนุษย์ มันง่ายที่
จะพูดว่า "โอเค คุณมองดูก็ได้" แต่คุณจะมอง ได้กี่คน คุณจะเห็นความทุกข์แค่ไหน? ไม่ใช่ว่าคุณสามารถ 
ไปทุกบ้านเพื่อดูว่าใครเป็นทุกข์ ใครไม่ทุกข์ และ จำนวนสิ่งมีชีวิตที่ทุกข์มีเท่าไหร่ เพราะถ้าคุณไม่เห็นมัน 
คุณไม่ได้สัมผัสเอง มันยากมากที่จะรู้ มันเหมือนกับคนรวย มันยากสำหรับเขา ที่จะเข้าใจความลำบาก 
และความทุกข์ทรมานของคนจรจัด ตามท้องถนน - ในฤดูหนาวด้วย ไม่มีอาหาร ไม่มีเครื่องดื่ม ไม่มีเสื้อผ้า
เพียงพอ และไม่มีสถานที่ที่จะปกป้องตนเอง จากสภาพอากาศเลวร้าย นั่นเป็นสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ 
แม้ว่าพวกเขา ต้องการทำความดี พวกเขาแค่พูดว่า "โอ้ ฉันทำดี ฉันรักสัตว์" พวกเขากินสัตว์! ไม่คิดซ้ำ
พวกเขาพูดว่า "โอ้ ฉันรักผู้คน ฉันชอบช่วยเหลือคนยากจน” แต่มีสักกี่คนที่พยายามช่วยเหลือคนยากจนจริงๆ? 
หรือจะมอบอาหารให้ กับธนาคารอาหารก็ได้ หรือให้ที่พักพิงแก่คนจรจัด แม้จะเรียบง่ายเหมือนโรงเก็บของ
ในสวน หรือโรงจอดรถก็ตาม มันพูดง่าย แต่ยากที่จะเข้าใจ เช่นเดียวกับ เมื่อพวกเขาอยู่ในสวรรค์ พวกเขา
สัญญากับพระเจ้าว่า พวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้ พวกเขาจะทำทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ พวกเขาจะ
เป็นคนดี พวกเขาจะใจดี พวกเขาจะเมตตา ทั้งหมดนี้และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เมื่อพวกเขาลงมายังโลก 
และเผชิญกับสถานการณ์ เหมือนที่มนุษย์คนอื่น ต้องเผชิญทุกวัน พวกเขาจะไม่ใช้วิจารณญาณที่ถูกต้อง
เสมอไป พวกเขาจะไม่สามารถ โต้ตอบในทางที่ชอบธรรม หรือถูกต้องได้ เพราะก่อนที่พวกเขาจะลงไป 
สู่ขอบเขตทางกายภาพนี้ พวกเขาจะต้องใช้เครื่องมือนี้ ที่เรียกว่าจิตใจ
และเมื่ออยู่ใน ร่างกายก็ต้องรับ อีกส่วนหนึ่งที่ เรียกว่าสมอง ซึ่งไม่มีใครจำเป็นต้องใช้ ในระดับที่สูงกว่า ดูสิ 
เมื่อคุณลงไป จนสุดทาง แค่ว่าอาจจะจากระดับที่สี่หรือที่ห้า คุณจะต้องผ่านระดับที่สาม ซึ่งเป็นระดับพระพรหม 
และหลังจากนั้น คุณจะต้องผ่านระดับทำลายล้าง และสร้างสรรค์ ซึ่งก็คือระดับที่สอง แล้วคุณก็ จะได้จิตใจ 
จิตใจมี ความรู้แบบพื้นฐาน และประสบการณ์ ในการจัดการกับสถานการณ์นี้และ สถานการณ์นั้น แต่ในโลกนี้
มีสิ่งต่าง ๆ มากมายให้ สัมผัสและผ่านพ้นไป ดังนั้น จิตใจไม่สามารถให้คำตอบทั้งหมดได้เสมอไป ดังนั้น 
สมอง จึงต้องให้คำตอบบางสถานการณ์เพื่อให้มนุษย์ จัดการกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันได้
และเช่นเดียวกับ คนที่ลงมาจากระดับที่สูงกว่า พวกเขาอาจสับสนและ สับสนอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งพวกเขาอาจ
ได้พบกับอาจารย์ อาจารย์อีกท่านอีกครั้ง หรืออาจารย์ที่จุติใหม่ ซึ่งได้ให้วิธีการรู้แจ้ง แก่พวกเขา เช่น ธรรมวิถี
กวนอิม แห่งแสงสวรรค์ภายใน และ ทำนองสวรรค์ภายใน ซึ่งหมายถึง การสอน โดยตรงของพระเจ้า จากนั้น
พวกเขาจะตื่นขึ้น รู้แจ้ง และพวกเขาสามารถ รับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น เพราะพวกเขา ได้รู้แจ้งมากขึ้น 
พวกเขามีปัญญามากขึ้น ไม่ใช่แค่ความรู้ทางโลก จากโรงเรียนเท่านั้น แต่พวกเขา มีทางเข้าถึงปัญญา
โดยกำเนิด ที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนด้วย
และตอนนี้ในโลกนี้ มีสองด้าน เราทุกคนรู้ดีว่า: ด้านบวก และด้านลบ ดังนั้นมนุษย์บางคนเลือก ที่จะทำตาม
ด้านลบ เพราะดูเหมือนมันเข้าถึงได้ง่าย ง่ายดาย และคุณ สามารถเห็นผลได้ทันที คุณสามารถตัดสินใจทำ 
สิ่งที่ไม่เป็นไปตาม พระเจ้าหรือสวรรค์ได้ แต่ก็จะให้พวกเขา ตื่นเต้นบ้าง มีพลังบ้าง เป็นการชั่วคราวและรวดเร็ว 
พวกเขาก็เลยจะทำตาม วิถีชีวิตประเภทนี้ เหมือนผู้คน บางครั้ง พวกเขารู้สึกเบื่อหรือหดหู่ แล้วพวกเขาก็ออกไป 
พวกเขาก็ไปกิน เนื้อชาวสัตว์ในบาร์ แล้วพวกเขาก็ดื่ม สุรากับมัน และพวกเขาก็รู้สึกถึงผลนั้นทันที พวกเขารู้สึก
เหมือนหดหู่น้อยลง และพวกเขามีความสุขมากขึ้น และอะไรทำนองนั้น – จนกว่าผลนี้จะหมดไป และพวกเขา
ก็กลายเป็นว่า เศร้าหมองมากยิ่งขึ้น
และผลข้างเคียงทางกายภาพ ก็จะกัดกินพวกเขาด้วย พวกเขาจะเจ็บป่วยมากขึ้น และมีภาวะซึมเศร้ามากยิ่งขึ้น 
และพวกเขาจะต้อง ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลมากขึ้น และทุกสิ่งทุกอย่าง จะส่งผลกระทบต่อพวกเขา 
และส่งผลกระทบต่อธุรกิจพวกเขา เพราะพวกเขาคิดไม่ออก เนื่องจากสุราและ เนื้อชาวสัตว์มากเกินไป 
และพิษจากเนื้อสัตว์ และจากสุรา และพวกเขาก็กลายเป็น ฉลาดน้อยลงเรื่อย ๆ ดังนั้น พวกเขาอาจจะ
ไม่สามารถ ทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี พวกเขาก็อาจจะ ไม่ปฏิบัติต่อครอบครัวของพวกเขา ได้ดีอย่างที่พวกเขา
ต้องการ ดังนั้น ความขัดแย้งในครอบครัวจึง จะปรากฏชัด ถูกสร้างขึ้น และครอบครัวแตกแยก นอกจากนี้ 
ครอบครัวที่แตกแยก จะส่งผลเสียอย่างมาก ต่อเด็ก ๆ และสังคมโดยรวม ด้วยผลที่ตามมา เพราะเราจะมี 
คนที่ฉลาดน้อยลง และมีลูกที่มีความสุขน้อยลง ฯลฯ
คุณสามารถมองไปรอบโลกของเรา และคุณจะเห็นว่าโลกของเรา ว่ายุ่งวุ่นวายขนาดไหน เป็นเพราะคนเราไม่ให้ 
เชื้อเพลิงทางกายภาพ ที่ถูกต้องแก่ร่างกาย ซึ่งก็เหมือนกับรถยนต์ ถ้าเติมน้ำมันดี ๆ มันก็จะวิ่งได้ดีขึ้น 
และวิ่งได้นานขึ้น คล้ายกับร่างกายเราเลย แอลกอฮอล์และเนื้อชาวสัตว์ หรือยาเสพติดหรือของผิด 
ที่ใส่เข้าไปในร่างกายของคุณ พวกมันทำให้สมอง จิตใจของคุณสับสน มันกลายเป็นเหมือนไฮบริด ดังนั้น
คุณไม่สามารถควบคุมมันได้และมันจะให้ข้อมูลเท็จ ทุกประเภทแก่คุณ และ คุณไม่สามารถคิดได้อย่างถูกต้อง 
และชอบธรรม และ ทำให้คุณทำสิ่งผิดต่อไป
และยิ่งคุณทำผิดมากเท่าไร ผลลัพธ์ที่ผิดก็จะยิ่งออกมา มากขึ้นเท่านั้น แต่ผู้คนจมอยู่กับ กับดัก ประเภทนี้มาก 
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถตระหนักได้ ว่าพวกเขากำลังทำผิด และได้รับผลลัพธ์ที่ผิด โลกของเราจึงมี
ความทุกข์ยากเช่นนี้
ตอนนี้ เรากำลังตำหนิศาสนาอิสลาม หรือมุสลิมที่ เป็นผู้ก่อการร้ายและทั้งหมดนั้น แต่พวกเขาทำอย่างนั้น 
เมื่อพวกเขาถูกยั่วยุ แต่พวกเขาไม่มีคำสาบาน ที่เลวร้ายและชั่วร้าย เหมือนที่อยู่ในกลุ่มผู้คลั่งไคล้ นิกายเยซูอิต 
และแม้แต่หนึ่งในนั้นก็กลายเป็น โป๊ปในวาติกัน คุณเชื่อหรือไม่? ส่วนชาวคาทอลิกและชาวคริสต์ ทุกคน
ก็ยังปล่อยให้เขาอยู่ ดังนั้น วิถีเน่าเฟะของพวกเขา จะแพร่กระจายต่อไป และทำลายคุณธรรม ศีลธรรม
และความมั่นคง ของพระเจ้าของโลกเรา รวมทั้งยังเสี่ยงต่อความปลอดภัย เกียรติยศและศรัทธาในพระเจ้า 
ของเด็ก ๆ และผู้คนต่อไป ผลที่ได้นั้นเลวร้าย เกินกว่าที่เราจะคำนวณได้!
และตอนนี้คุณก็เข้าใจ แล้วว่าทำไมการตามเส้นทางมาร จึงมีค่าใช้จ่าย คุณต้องให้บางสิ่งบางอย่าง 
และบางสิ่งนั้นไม่สอดคล้องกับศีลธรรม และบางสิ่งอาจทำให้คุณ รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ๆ แต่สักพัก 
คุณจะชินกับมัน และคุณจะกลายเป็น เหมือนปีศาจเอง ดังนั้นควรระวัง – อย่าเดินตามเส้นทางแบบนั้น 
แม้ว่าอาจจะรู้สึก พอใจเพียงชั่วครู่ก็ตาม มันก็เหมือนกับ แอลกอฮอล์หรือยาเสพติด – มันจะส่งผลเสีย
และ การชดใช้กรรมตามมาในภายหลัง และปีศาจเหล่านี้ พวกมัน จะไม่ให้อะไรคุณฟรี ๆ ไม่เหมือนกับวิถี
แห่งพระเจ้า ที่อาจารย์ทั้งหลายได้สืบทอดมาสู่มวลมนุษยชาติ มาตั้งแต่สมัยโบราณ
และพวกคุณหลาย ๆ คน แม้ว่าคุณจะไม่ได้เขียน ข้อความจากใจให้กับฉัน แต่บางคนก็เขียนข้อความจากใจ 
เกือบเหมือนจะสั่งให้ฉัน เปลี่ยนแปลงโลกนี้ ทันที โดยใช้พลังของพระเจ้า ฉันไม่มีพลัง ที่จะเปลี่ยนแปลง 
โลกนี้ได้ทันที ไม่มีอาจารย์คนใดสามารถ ทำเช่นนั้นได้ แต่ ต้องให้เหตุผลกับมนุษย์ และปลุกพวกเขาอีกครั้ง 
เพื่อที่พวกเขาจะได้ฟัง ตรรกะและติดตามพระเจ้า ระลึกถึงพระเจ้า บูชาพระเจ้า อีกครั้ง และทำสมาธิ 
เพื่อเข้าใกล้พระเจ้า ธรรมวิถีกวนอิมเป็นวิธีการ ที่คุณสามารถตรงไปหา พระเจ้าและถามพระองค์ สิ่งที่คุณ
อยากถาม และมันรับรองว่า คุณจะไปสวรรค์ - แน่นอน ถ้าคุณฝึกสมาธิ ที่ได้สอนคุณไป และรักษาศีลด้วย
ฉันขอให้ทุกคนรักษาศีลห้า และแน่นอนว่ารวมถึง การทานอาหารวีแกนด้วย ฉันกำลังบอกคุณทั้งหมดนั้น ถึงแม้
จะเป็น เอบีซี แต่ฉันจำได้ว่า เมื่อก่อนฉันยังเด็ก ถึงแม้จะเกลียดนมมาก พอฉันโตขึ้น ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม 
เพราะแม้แต่ตอนที่ ฉันไปอินเดียเพื่อ เรียนกับครูบางคน ฉันยังเห็นชาววัว เดินไปมาบนถนน หรือในทุ่งหญ้า – 
ไม่มีใครทำอะไรพวกเขา และคนอินเดียก็ ทานอาหารมังสวิรัติ รวมทั้งนม จากชาววัวด้วย ดังนั้นฉันคิดว่า 
พวกเขาแค่รีดนมวัว แต่วัวก็มีนมเยอะ อยู่ดี - ลูกของเธอ ตัวหนึ่งกินนมนั้น ไม่หมด มนุษย์จึง แบ่งปันนม
บางส่วน และฉันก็คิดว่ามันโอเค สำหรับฉัน จนกระทั่งฉันเห็น... แม้ว่าฉันไม่เคยชอบนม ฉันก็ไม่เคยชอบมันเลย 
แม้แต่ตอนเด็ก ๆ
ฉันมักจะรู้สึกประมาณว่า "โอ้ย มันมาจากท้อง ของชาวสัตว์" ตอนนั้นฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง ความเห็นอก
เห็นใจหรืออะไรเลย นึกว่ามาจากท้องของ ชาวสัตว์นั่นเอง โอ้ย เช่นเดียวกับน้ำผึ้งและทั้งหมดนั้น ฉันไม่เคย
ชอบเลยจริง ๆ แค่เมื่อคุณเห็น คนอื่นมีมัน พวกเขาให้คุณ คุณแค่ลองชิมที่นี่และที่นั่น และบางทีคุณอาจรู้สึก
โอเค ในตอนนั้น แต่ฉันไม่เคย ไม่เคย ติดผลิตภัณฑ์ ชาวสัตว์เลยจริง ๆ มันทำให้ฉันรู้สึก อึดอัดมากและ 
บางครั้งก็อาเจียน ออกมาด้วยซ้ำ แน่นอนว่าอย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ ขออภัย ฉันไม่มีการเขียน ฉันแค่ต้องจำ
สิ่งที่ฉัน อยากจะบอกคุณ ดังนั้นมันจึงไม่เป็นระเบียบเท่าที่ ฉันต้องการ ช่างเถอะ แล้วอะไรอีกล่ะ?
เราคุยกันเรื่องวิถีทางสู่ พระเจ้าและวิถีทางสู่นรก เราคุยกันเรื่องนั้นแล้ว และตอนนี้คุณก็เข้าใจ แล้วว่าทำไม
การตามเส้นทางมาร จึงมีค่าใช้จ่าย คุณต้องให้บางสิ่งบางอย่าง และบางสิ่งนั้น ไม่สอดคล้องกับศีลธรรม 
และบางสิ่งอาจทำให้คุณ รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ๆ แต่สักพัก คุณจะชินกับมัน และคุณจะกลายเป็น 
เหมือนปีศาจเอง ดังนั้นควรระวัง – อย่าเดินตามเส้นทางแบบนั้น แม้ว่าอาจจะรู้สึก พอใจเพียงชั่วครู่ก็ตาม 
มันก็เหมือนกับ แอลกอฮอล์หรือยาเสพติด – มันจะส่งผลเสียและ การชดใช้กรรมตามมาในภายหลัง และปีศาจ
เหล่านี้ พวกมัน จะไม่ให้อะไรคุณฟรี ๆ ไม่เหมือนกับวิถีแห่งพระเจ้า ที่อาจารย์ทั้งหลายได้ สืบทอดมาสู่
มวลมนุษยชาติ มาตั้งแต่สมัยโบราณ
วิถีทางของพระเจ้า ดีสำหรับคุณเสมอ ดีต่อครอบครัว คนที่คุณรัก และดี ต่อคนอื่น ๆ ในโลก แต่วิถีทางของ
ปีศาจกลับเป็น ความรู้สึกที่ทำร้ายและเจ็บปวดอยู่เสมอ เพราะพวกเขาเป็นพวกซาดิสม์ พวกเขาไม่รู้อะไรเลย 
นั่นคือธรรมชาติวิถีชีวิตของพวกเขา พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ ความเมตตากรุณา หรือการให้อภัย สิ่งที่
พวกเขาทำก็แค่ทำร้าย และถ้าคุณติดตามพวกเขา คุณจะต้องทำร้ายใครสักคน พวกเขาทำให้คุณสาบานว่า
จะทำร้าย คนที่รักคุณมากที่สุด เช่น ลูกชาย สามี ลูกสาว ของคุณ หรือใครก็ตาม ที่พวกเขาต้องการ เพื่อแลก
กับอำนาจ เพื่อที่คุณจะได้ทำร้ายผู้อื่น ที่คุณรู้สึกว่าเป็น ศัตรูของคุณได้ คุณต้องทำร้ายคน ที่คุณรักด้วยซ้ำ 
นั่นไม่ใช่วิธีที่ มนุษย์ผู้เป็นมงกุฎ แห่งการสร้างสรรค์ ต้องการดำเนินชีวิตตามนั้น
ตอนนี้คุณก็เข้าใจ แล้วว่าทำไมผู้หญิงคนนั้น ถึงแม้ฉันไม่เคย ทำอะไรเพื่อทำร้ายเธอเลย เพราะความหึงหวง
ของเธอ เธอก็ยอมฟังปีศาจ มาพยายามทำร้ายฉัน และเพราะการมีพลังนี้ เธอจึงต้องจ่ายแพง เช่น เธอจะฆ่า
สามีของเธอ หรือ/และทำลายชีวิต ของเด็กชายสองคนที่เป็น ลูกชายของเธอไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเธอ ต้องการ
พวกเขาจริง ๆ ชอบพวกเขา หรือรักพวกเขามาก หรืออะไรก็ตาม เป็นเพียงคำปฏิญาณที่เธอให้ไว้ เธอต้อง
ปฏิบัติตาม เพื่อทำให้ปีศาจมั่นใจ ว่าเธอติดตามพวกมันจริง ๆ และถูกปราบปรามด้วยพลัง ของพวกมันจริง ๆ
และ สามารถไว้วางใจได้จริง ๆ ร่วมมือกับพวกมันเพื่อทำ สิ่งเลวร้ายต่อมนุษย์ หรือ แม้แต่ชาวสุนัขหรือชาวแมว
- หรือชาววัว คุณได้ยิน บางครั้งจู่ ๆ สุนัขดี ๆ ที่สงบน่ารักมาก สงบสุขมาก มาตลอดชีวิต จู่ ๆ ก็ฆ่าคนหรือเด็ก
คนนั้น โดยไม่มีเหตุผลเลย! ไม่ได้ถูกยั่วยุแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็กระโดด เข้าไปกัดพวกเขา
นั่นเป็นเพราะว่ามีปีศาจ อยู่ข้างหลังสุนัขตัวนั้น หรือเพื่อนบ้านคนใดคนหนึ่ง อาจเป็นแม่มด และไม่ชอบสุนัข
ตัวนั้น จากนั้นเธอก็ จะทำเวทมนตร์ และสุดท้าย สุนัขก็ทนไม่ไหว เขาเป็นแค่สุนัข แม้แต่มนุษย์ก็ทนไม่ไหว 
ไม่ต้องพูดถึงสัตว์เล็ก ๆ อ่อนแอ แถมยังกินเนื้อชาวสัตว์ มาตลอดชีวิตอีกด้วย ไม่ใช่ว่าเขาชอบมัน
โอ้ที่รัก โลกนี้... มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ทำไปแล้ว แต่มนุษย์ต้องการผ่าน การทดสอบและความยากลำบาก 
มากเกินไปเพื่อที่จะยิ่งใหญ่ขึ้น เช่น อาจจะกลายเป็น เทวดาหรือเทพเจ้าที่สูงขึ้น ในอาณาจักร หรือ ต่อมา
สามารถเป็นผู้ช่วย ของอาจารย์ หรือกลายเป็น อาจารย์ในล้านล้านปี ใครจะรู้?
ลองนึกภาพ- คุณจำเรื่องราวมากมาย ที่ฉันเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ ชาติที่แล้วของพระพุทธเจ้า หรือหลายเรื่อง
ที่ฉันยัง ไม่ได้เล่าให้คุณฟังด้วยซ้ำ แต่พระพุทธองค์ทรง เป็นพุทธะแล้ว นาน นาน นาน นาน นาน ชั่วกัป
ชั่วกัลป์แล้ว แต่พระองค์เสด็จลง มายังโลกมนุษย์เพื่อ ช่วยคน ๆนั้น ประเทศนี้ และประเทศนั้นและ 
ต้องทนกับทุกสิ่ง ท่านต้องทำทุกสิ่ง เพื่อเอากรรม ของมนุษย์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดี เกี่ยวกับเรื่องนี้
พระพุทธเจ้าได้รับการยกย่อง ว่าเป็นผู้กอบกู้โลก พระเยซูคริสต์และ ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อีก หลายคนได้รับ
การยกย่องว่า เป็นผู้กอบกู้โลกเช่นกัน แต่เราไม่เห็นสิ่งที่พวกเขาทำไป พวกท่านมาพร้อมพระพร ช่วยยก
โลกขึ้น ระดับหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโลก ของเราจึงมีอารยธรรมมากขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น พร้อมด้วย 
สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ อย่างสะดวกสบายมากขึ้น แต่ด้วยเหตุนั้น เราจึง 
ลืมขอบคุณพระเจ้า และขอบคุณเหล่าอาจารย์ และ เราใช้มัน (สิ่งประดิษฐ์) เพื่อทำอันตรายมากขึ้น – 
เพราะความโลภ เนื่องจากการไม่เคารพ พระพรของเหล่านักบุญ ซึ่งได้สำแดงออกมาผ่านช่องทาง 
ที่สะดวกสบายอื่น ๆ มากมาย สำหรับชีวิตเรา
เราคิดว่า "โอ้ เราฉลาด เราเป็นคนดี ดังนั้นเราจึงสามารถ ประดิษฐ์สิ่งนี้ ประดิษฐ์สิ่งนั้นได้” และในที่สุดก็คิดค้น 
ระเบิดปรมาณูและ ทำร้ายผู้คนมากมาย ผลกระทบยังคงมีอยู่ หลายชั่วอายุคนในขณะนี้ คนญี่ปุ่นที่น่าสงสาร 
รุ่นหลังเหตุการณ์ระเบิด ยังคงทนทุกข์ทรมานมากมาย เช่นเดียวกับ ฝนเหลือง ในเอาหลัก (เวียดนาม) เด็กที่
เกิดทุกวันนี้ ยังคงต้องทนทุกข์ทรมานจาก ผลกระทบอันน่าสยดสยองมากมาย ซึ่งทำให้เสียโฉม และ ทำให้
ชีวิตของพวกเขาตกนรก
คุณเห็นไหม มันจึง เป็นเรื่องง่ายที่จะพูดว่า "โอ้ ฉันอยากเป็นอาจารย์ ฉันอยากเป็นนักบุญ ฉันจึงลงมา อดทน
ทุกอย่าง เพื่อฉันจะยิ่งใหญ่ขึ้นในสวรรค์" มันง่ายที่จะพูดเช่นนั้น แต่มายาจะไม่ยอมให้คุณเป็น มายาจะประดิษฐ์
กับดัก ที่น่าสยดสยองมากขึ้น การล่อลวงที่น่าสยดสยอง และยาพิษที่น่าดึงดูดใจ เพื่อกักขังคุณไว้ในดินแดน 
ทางกายภาพและความทุกข์ทรมาน เกือบเหมือนตลอดไป บางคนอาจจะไม่ได้ออกไปเลย แต่จิตวิญญาณก็ยัง
มีความเชื่อมโยง กับพระเจ้าอยู่ดี ดังนั้นไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็จะต้องตื่นขึ้น หลังจากพวกเขาทนทุกข์มากเกินไป 
ชาติแล้วชาติเล่า พวกเขาก็จะตื่นขึ้น ชาติแล้วชาติเล่า พวกเขาจะอดทน ต่อความยากลำบากทุกชนิด 
ความเจ็บปวด ความโศกเศร้า ความอับอาย หรือความผิดหวัง และนรก แล้ววันหนึ่งพวกเขา จะมีเพียงพอ 
พวกเขาจะอธิษฐานขอความหลุดพ้น จากใจอย่างแท้จริง พวกเขาจะให้ทุกอย่าง พวกเขาจะละทิ้งความ
ปรารถนา อันต่ำต้อยทั้งหมดและ เพียงปรารถนาที่จะกลับบ้าน และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะมีโชค 
ได้พบกับอาจารย์ ที่จะพาพวกเขากลับบ้าน
ทำไมเราต้องมีอาจารย์ มาพาเรากลับบ้าน? เพราะอาจารย์ เป็นผู้รู้ทาง พวกท่านเดินทางมาทางนี้ เพื่อลงมา 
รับคุณกลับบ้าน – พวกท่านรู้ว่าต้องทำอะไร มันเป็นแนวทาง - ไปยังสวรรค์ เช่นเดียวกับในโลกนี้ บางครั้งคุณ
ก็อยาก จะไปเยี่ยมชมพื้นที่ ที่คุณไม่เคยไปมาก่อน และคุณจ้างมัคคุเทศก์หรือ ไปเป็นกลุ่ม และมีมัคคุเทศก์ที่
จะพา คุณไปชมทุกอย่าง ในพิพิธภัณฑ์ ริมแม่น้ำ หรือบางเมือง เช่น การเที่ยวชมสถานที่ คุณต้องการคำ
แนะนำนั้น ไปคนเดียวลำบากมาก บางทีคุณอาจหลงทาง และคุณอาจตกอยู่ในอันตราย ด้วยเพราะคุณอาจ 
อยู่ในพื้นที่ที่โด่งดังในด้านไม่ดี และถูกโจมตี – นักท่องเที่ยวจะถูกโจรปล้น หรืออะไรก็ตาม – หรือพื้นที่
อันตรายบางแห่งที่ คุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แค่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับทหารรัสเซีย ที่พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้มากนัก พื้นที่อันตรายใน เชอร์โนบิลหรือ
ที่เคยเป็น พื้นที่นิวเคลียร์มาก่อน พวกเขาขุดสนามเพลาะ เพื่อรักษาตัวเองให้ปลอดภัยที่นั่น แล้วทุกคนก็
ล้มป่วยหนัก เพราะสถานที่นั้น เต็มไปด้วยรังสีนิวเคลียร์ และมันยังอยู่ที่นั่น มันแรงเกินไป ทุกคนจึงล้มป่วย 
จึงต้องย้ายออกไป บุคลากรที่ยังทำงานอยู่ ในพื้นที่นั้น ในโรงงานนั้นมาก่อน พวกเขารู้ว่าสถานที่นั้นไม่ดี 
แต่ทหารรัสเซีย กลับไม่ฟัง จึงล้มป่วยลง ฉันสงสัยว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ หรือตายไปแล้ว หรืออาจ 
ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากภายในสู่ ภายนอกและไม่สามารถทำงานได้ อีกต่อไป ใช้ชีวิตเหมือนผัก
โลกนี้จึงเต็มไปด้วยอันตราย และทางไปสวรรค์ – คุณต้องผ่านพื้นที่อันชั่วร้าย และถ้าคุณไม่รู้ทาง คุณจะถูก
พวกมันจับ หรือถูกพวกมันกักขัง หรือถูกพวกมัน เอาไปเป็นทาส – และคุณจะไม่สามารถออกไปได้ นั่นเป็น
สาเหตุว่าทำไม คุณต้องมีอาจารย์มา สอนวิธีป้องกันตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ ผู้ประทับจิตของฉันได้รับ การสอนถึง
วิธีป้องกันตัวเอง เช่นกัน ไม่ใช่แค่ทุกวัน ที่พวกเขาต้องเรียกให้อาจารย์ ปกป้องพวกเขา อาจารย์จะมาก็ต่อเมื่อ 
คุณไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ในบางสถานการณ์เท่านั้น อาจารย์จะมาโดยที่คุณ ไม่ต้องถามด้วยซ้ำ 
เพราะว่าอาจารย์มี กายสำแดงอยู่มากมาย ที่จะอยู่กับคุณ ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
และตัวคุณเองที่เป็น ลูกศิษย์ก็ต้องทำงานต่อไป ทำการบ้านด้วย เหมือนที่คุณต้องนั่งสมาธิ วันละนานแค่ไหน 
และต้องรักษา ความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย โดยการกินอาหารวีแกน ไม่ทำอันตรายต่อสิ่ง
มีชีวิตใด ๆ ไม่ใช่แค่การกินอาหาร แต่ต้องช่วยถ้าชาวสัตว์ ที่เข้ามาในบ้านของคุณ คุณไม่ทุบตีพวกเขา 
คุณค่อย ๆ พาพวกเขาออกจาก บ้านของคุณ แม้แต่แมลงด้วย คุณดักพวกเขาไว้ในกล่อง หรืออะไรสักอย่าง 
แล้ว ปล่อยพวกเขาออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นวิถีชีวิตวีแกน
นอกจากนี้ คุณพูดจาดี ๆ กับผู้คน คุณอวยพรผู้คน และคุณช่วยเหลือ ใครก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือ ถ้าคุณ
ทำได้ ถ้าคุณรู้เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ การกินผักเท่านั้น และปัจจุบันก็มี สินค้าที่ผลิตออกมามากมาย พวกมันดูเหมือน 
เนื้อชาวสัตว์ และเนื้อชาวปลาด้วยซำ ที่คุณโหยหา และรสชาติก็ ถูกใจคุณมากด้วย และคุณไม่ต้องการ
อะไรเลย คุณไม่ต้องการ เนื้อชาวสัตว์ใด ๆ และไม่ดื่มสุรา และทั้งหมดนั้น ทั้งหมดนี้เป็นอาหารวีแกน 
ของผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณ และคุณไม่ขโมยของ จากคนอื่นเป็นต้น เราคุยกันเรื่องนี้ไปแล้ว ฉันเลยไม่อยาก 
เฝ้าบอกคุณอีกครั้ง
และตอนนี้ คุณ ผู้ที่เรียกว่าผู้ประทับจิต ผู้ที่มีศรัทธาในพลังของฉัน ตอนนี้คุณเข้าใจแล้ว มนุษย์มีพระเจ้าอยู่
ภายในและ เจตจำนงเสรีที่ถูกมอบให้พวกเขา พวกเขาต้องเลือก
โปรดอธิษฐานเพื่อพวกเขา อธิษฐานเพื่อโลก เพื่อที่พวกเขาจะได้ตื่นขึ้น ขอการให้อภัย และขอ การหลุดพ้นจาก
ตัวพวกเขาเอง เราทำอะไรไม่ได้มากนอกจากร้องไห้ เหมือนกับทุกสวรรค์ร่ำไห้ การได้เห็นตัวฉันทุกข์ทรมาน 
แต่พวกท่านช่วยไม่ได้มาก เพราะฉันต้องแบกรับ ความเจ็บปวดของเหล่ามนุษย์ เพื่อลดหนี้กรรมของพวกเขา 
มันคือความปรารถนาของฉันที่จะ ยกระดับชาวโลกผ่านวิธีนี้ พวกท่านไม่ได้รับอนุญาต ให้ต่อต้านเจตจำนง
ของฉัน เหล่าสวรรค์ที่น่าสงสาร!
และตอนนี้ คุณ ผู้ที่เรียกว่าผู้ประทับจิต ผู้ที่มีศรัทธาในพลังของฉัน ตอนนี้คุณเข้าใจแล้ว มนุษย์มีพระเจ้าอยู่
ภายในและ เจตจำนงเสรีที่ถูกมอบให้พวกเขา – พวกเขาต้องเลือก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโลกนี้จึงมี 
สองเส้นทาง: เส้นทางหนึ่งเป็นทางบวก คุณต้องเลือกว่าคุณ ต้องการเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่กว่า ในจักรวาล
และ ในสวรรค์ และคุณจะ มีพลังอำนาจในการช่วยเหลือ ผู้อื่นในภายหลัง ไม่ใช่แค่เป็นคนเรียบง่าย แต่เป็น
ตัวตนบนสวรรค์ แต่คุณก็มีพลังมากขึ้นใน การช่วยเหลือผู้อื่นที่ ต้องการ - เช่น คนระดับล่าง หรือชาวสัตว์ 
เป็นต้น
ในโลกของเรา มีชาวสัตว์จำนวนมาก ก็มาจากสวรรค์ พวกเขาลงมาเพื่อช่วยเหลือ มนุษย์ในรูปแบบต่าง ๆ แม้แต่
ชาวสุนัข ชาวแมว ชาวปลา ชาวปลายักษ์ และ ชาวสัตว์ยักษ์ทั้งหลาย บางตัวไม่ได้ดีขนาดนั้น เพราะนั่นคืองาน
ของพวกเขา และแม้ว่าคุณจะบอกว่า ชาววาฬกินปลาตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก และสัตว์ทะเล ตัวเล็ก ๆ อื่น ๆ – 
พวกเขาก็ต้องทำ เพื่อสร้างสมดุลให้กับโลกนี้ เพราะสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ในทะเล บางตัวเป็นลบ พวกมันเป็นซอมบี้
และตัวตน ที่ถูกปีศาจผลักดันให้ทำอันตราย ให้ส่งพลังอันชั่วร้าย สู่โลกนี้ ดังนั้น ชาววาฬ แม้ว่าพวกเขา จะกิน
สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้ พวกเขาก็ช่วยเหลือเรา เราต้องเปิดตาที่สามของเรา ดวงตาแห่งสวรรค์ และหูแห่งสวรรค์ 
เพื่อจะรู้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด พื้นผิว รูปร่างหน้าตา ไม่สามารถบอกเราถึงความจริงทั้งหมด ที่อยู่เบื้องหลังได้ 
และเฉพาะผู้รู้แจ้งเท่านั้น ที่จะรู้ความจริงเหล่านี้ และเพื่อที่จะได้รู้แจ้งอย่างแท้จริง คุณจะต้องหาอาจารย์ 
ผู้รู้แจ้งเพื่อถ่ายทอดสิ่งนี้ เพื่อถ่ายทอดพลังนี้ให้กับคุณ โดยพระคุณของพระเจ้า แน่นอน หากไม่มีพระเจ้า
เราก็ไม่มีอะไรเลย
หากไม่มีอาจารย์… ฉันบอกคุณอย่างแท้จริงในตอนนี้ – ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ถ้าไม่มีอาจารย์ อาจารย์
ผู้รู้แจ้ง คุณจะไม่มีวันออกจากวงจร แห่งชีวิตและความตายนี้ แม้ว่าคุณจะพูดว่า "โอเค ฉันรอได้" คุณคิดว่าคุณ
สามารถรอจนถึง ล้านล้าน แสนล้านปี – เมื่อคุณผ่าน ความทุกข์หรือความสุข – ทั้งหมดแล้วคุณตื่นขึ้นมา 
คุณกลายเป็นรู้แจ้ง แล้วคุณก็กลับบ้าน ไม่ ไม่ ถึงตอนนั้น คุณยังต้องการอาจารย์ เพื่อพาคุณกลับบ้าน 
มันเป็นอย่างนั้น มันเป็นกฎแบบนั้น ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้น อย่าคอยกดดันฉัน ให้เปลี่ยน
โลกนี้ ให้เป็นสวรรค์ มันไม่ทำงานอย่างนั้น เมื่อคุณอยู่ที่นี่ คุณก็อยู่ที่นี่ คุณเป็นสิ่งมีชีวิตทางกายภาพ 
และคุณต้องดูแลตัวเอง และถ้าคุณต้องการกลับบ้านจริง ๆ คุณต้องไปหาอาจารย์
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดี เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระเยซูคริสต์ และนักบุญทั้งหลาย เช่น คุรุนานัก พระมหาวีระ ศาสดา
มูฮัมมัด สันติสุขพึงมีแด่พระองค์ ศาสดาบาฮาอุลลาห์ และพระกฤษณะ ฯลฯ โอ้ อาจารย์จำนวนมากมาย
ไม่สิ้นสุด คุณไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด และคุณไม่สามารถรู้จัก พวกท่านทั้งหมดด้วยซ้ำ มีสิ่งหนึ่งที่ดี 
เกี่ยวกับพวกท่าน เพราะเราพูดว่า... โอเค ฉันลืมอันนี้ไป ฉันเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน แล้วฉันก็ไปเรื่องอื่นแล้ว 
ฉันก็ลืม
ตอนนี้เรากลับมาที่พระคริสต์ และพระพุทธเจ้าเป็นต้น พวกเขาเรียกพวกท่านว่า "ผู้กอบกู้โลก" แต่เราเห็นตาม
ทางกายภาพแล้ว ในเวลานั้นพวกท่าน มีลูกศิษย์เพียงบางส่วน หรืออาจจะหลายพันคน และทำไมเราถึงเรียก
พวกท่าน ว่า "ผู้กอบกู้โลก" นั่นคือรูปลักษณ์ภายนอก – ที่ว่าพระคริสต์มีผู้ติดตาม เพียงไม่กี่พันคน หรืออาจจะ 
มากกว่านั้นมากหรือไม่ก็ได้ หรือพระพุทธเจ้าก็ มีสาวกหรือสาวกนับหมื่นคน ในขณะนั้นด้วย แต่ในขณะที่
พวกท่านอยู่ในโลก พวกท่านจะยกระดับดวงวิญญาณ ที่ใกล้จะถึงสถานะรู้แจ้ง ใกล้ถึงสถานะความหลุดพ้น 
พวกเขายกระดับพวกนั้นอย่างเงียบ ๆ ดังนั้นวิญญาณเหล่านี้ ก็จะรู้แจ้งอย่างลับ ๆ แล้วพวกเขาก็กลับบ้าน – พระพุทธเจ้าจะพาพวกเขากลับบ้าน และเกือบจะเหมือนกับที่ ประชากรทั้งโลกจะได้รับพร จากพลังอำนาจ
ของพระคริสต์ และพระพุทธเจ้า และบางที อาจจะเป็นอาจารย์คนอื่น ๆ
อาจารย์ทั้งหมด อาจารย์ที่แท้จริง พวกเขาจะอวยพรมนุษยชาติ โดยรวมด้วยพลังของพวกเขาเอง แม้ว่าบุคคล
เหล่านั้น จะไม่รู้จักพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงนำโลก ทั้งใบขึ้นไปในยุค ของพวกท่านอย่างแน่นอน ในช่วงเวลา
ของพวกท่าน แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด ไม่ทั้งหมด บางคนชั่วร้ายมาก บางคนเป็นมาร ดังนั้นพวกเขาจึงต้องได้รับ
การลงโทษ ตามกฎแห่งทางกายภาพ แต่บรรดาผู้เป็นคนดี มีคุณธรรม แม้พวกเขาไม่รู้ว่า ในตอนนั้นมีพระคริสต์
ทรงมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่รู้จัก พระพุทธเจ้าหรืออะไรก็ตาม พวกเขาก็ยังได้รับพร เพราะถ้าพระพุทธเจ้า 
หรือพระคริสต์อยู่ในโลกนี้ พลังของพระองค์รายล้อม ไปทุกหนทุกแห่ง
พวกท่านไม่ได้สัมผัสกฎแห่งกรรม พวกท่านไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ธรรมชาติแห่งเจตจำนงเสรีของมนุษย์ 
อย่างที่พวกท่านต้องการทำสิ่งนี้ พวกท่านต้องการทำสิ่งนั้น ใครก็ตามที่ไม่มี ความขัดแย้งกับความดีและ 
สันติสุข และพระบัญญัติ ของพระเจ้า ดังนั้น พระพุทธเจ้า พระคริสต์ – เหล่าอาจารย์ - สามารถ ยกพวกเขา
ทั้งหมดขึ้นสู่ สวรรค์ที่สูงขึ้นและสอน พวกเขาจากที่นั่นขึ้นไป เช่นเดียวกับมนุษย์บางคน ไม่สามารถไปได้ไกล
กว่า ระดับโลกทิพย์ สวรรค์แห่งโลกทิพย์ พระพุทธเจ้าก็จะอยู่ที่นั่น ร่างสำแดง พระพุทธเจ้าไม่ได้ มีเพียง
กายเดียว แม้แต่ในโลกกายภาพ พระคริสต์ พระพุทธเจ้า พระศาสดาทั้งหลาย พวกท่านต่างก็มีกายแสง 
ปรากฏมากมาย ๆ นับไม่ถ้วน หมายความว่าพวกท่านสามารถปรากฏตัว ได้ทุกที่เพื่อช่วยเหลือ ผู้ที่ต้องการ 
แม้ว่าบุคคลนั้น จะไม่เห็นพระองค์ก็ตาม – ดังนั้น ก็ให้การรู้แจ้งแก่พวกเขา ในระดับหนึ่งแล้ว แล้วเมื่อบุคคล
นั้นตาย การปรากฏกายของพระพุทธเจ้า ด้วยอานุภาพอันมหาศาลสามารถ พาบุคคลนั้นไปสู่ระดับใด 
ก็ได้ที่เขาสมควรได้รับ
แม้แต่ในระดับโลกทิพย์ พระพุทธเจ้าก็ยังทรงอยู่ที่นั่นด้วย และสอนบุคคลนั้น จนไปสู่ระดับที่สูงกว่า ไปสู่แดน
พุทธภูมิ เป็นต้น เช่นนั้น นั่นคือเหตุผลที่เราเรียก พระองค์ว่า “ผู้กอบกู้โลก” ดังนั้นพระคริสต์จึงไม่ทรงสิ้น
พระชนม์ เพื่อลูกศิษย์จำนวนน้อยของพระองค์ หรือจำนวนสาวกที่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงมีในขณะนั้น
มากเพียงใด หรือพระพุทธเจ้าไม่ได้ปรินิพพาน แล้วเอาแต่เสด็จไปช่วยลูกศิษย์ หลายพันคน ของพระองค์ 
ไม่ ไม่ ท่านมีมากกว่านั้นที่ต้องทำ โลกทั้งโลกในช่วงพระชนม์ชีพของ พระองค์จะได้รับการช่วยเหลือ 
ได้รับการรู้แจ้ง และจะ ได้รับการหลุดพ้นโดยพระองค์ และหลังจากนั้น สำหรับคนรุ่นต่อไป อย่างที่ฉัน
บอกคุณ 200 ปีหรือ อาจจะมากกว่านั้นอีกหน่อย 300 ปี - ก็ขึ้นอยู่กับ พลังของอาจารย์ท่านนั้น แล้วคนรุ่นนั้น
ก็จะได้รับ ความช่วยเหลือด้วยเพราะพลัง ของพระพุทธเจ้ายังเหลืออยู่ บนโลกหลังจากเสด็จปรินิพพาน
นั่นเป็นสาเหตุที่อาจารย์เหล่านี้ พวกท่านยิ่งใหญ่มาก เราขอบคุณพระองค์ได้ไม่มากพอ ถ้าเราคุกเข่า ตลอดชีวิต ตลอดชีวิตเพื่อ ขอบคุณพวกท่าน สรรเสริญพระองค์ เราก็ไม่สามารถตอบแทน ความเมตตาของพระองค์ได้ 
ฉันรู้สึกขอบคุณตลอดเวลา ขอบพระคุณ อาจารย์ทุกท่าน และแน่นอน ฉันขอบคุณพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพ
ที่ประทาน ปรมาจารย์เหล่านี้แก่เรา ผู้ซึ่งมาชาติแล้วชาติเล่า เตือนเราถึงคำสอนของพระเจ้า นำพระพรและพลัง 
มาให้เรายกระดับจิตวิญญาณเรา และปลดปล่อยเรา เราควรจำไว้เสมอ ที่จะขอบคุณพวกท่าน ในพระคุณของ
พระเจ้า ว่าดาวเคราะห์ดวงใด โลกใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าพวกเขามีศาสดาใด ๆ ดาวเคราะห์นั้น โลกนั้น ๆ ก็โชคดีมาก
เฉพาะในนรกเท่านั้นที่จะ ช่วยได้ยากมาก – แต่อาจารย์บางท่านยังทำได้ และแม้กระทั่งอาจารย์ 
อย่างพระกษิติครรภ์ พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ก็ยังอยู่ในนรก ช่วยเหลือผู้คนในนรก สอนพวกเขาเพื่อที่อย่างน้อย 
พวกเขาจะสามารถระลึกถึงพระเจ้า ใครก็ตามที่พระองค์ทรงทำได้ บางคนก็มีกรรมหนักหนาเกินไป พระองค์
ก็ทรงทำไม่ได้ แต่ใครก็ตามที่พระองค์ทรงทำได้ พระองค์ก็ทรงพยายามเตือนพวกเขา แล้วพวกเขาจะเป็น 
อิสระจากนรก หลังจากสำเร็จการศึกษา แน่นอน
ตอนนี้ ฉันหวังว่าคุณจะ เข้าใจว่าอาจารย์ ไม่ได้มาเพียงเล่นฮูลาฮูป และเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะนั่น
จะต้องขึ้นอยู่กับ วุฒิภาวะของมนุษย์ วุฒิภาวะทางจิตวิญญาณ และนั่นคุณต้องเคารพ หากเราพูดถึงการหลุดพ้น 
และพลังของพระเจ้า และวิถีชีวิตของพระเจ้า เส้นทางสู่สวรรค์ ของพระเจ้าตลอด หลายทศวรรษที่ผ่านมา 
และบางคนไม่ฟัง พวกเขาก็แค่ไม่ฟัง เวลาของพวกเขายังไม่สุกงอม
มีเรื่องตลก ก่อนหน้านี้ ฉันบอกคุณแล้ว แต่ฉันจะบอกคุณอีกครั้ง มีชายคนหนึ่ง เคยติดการพนัน เขาเล่นการพนัน
ทุกวัน เพื่อนคนหนึ่งของเขา เรียกว่าคนรู้จักก่อน เพื่อนคนนี้ได้รู้แจ้ง ก็อยู่กับเขาด้วย ทันใดนั้นเขาก็ได้ รู้แจ้ง
และ ได้พบกับอาจารย์ เขาจึงเห็นเพื่อนของเขา ยังคงหมกมุ่นอยู่กับ บรรยากาศการพนันแบบนี้ และติดการพนัน 
สูญเสียทุกอย่าง ทนทุกข์ทรมานมากมาย และยังชอบอยู่ที่นั่น ดังนั้นเขาจึงพยายามพาเขา ไปสวรรค์ด้วยพลัง
ของเขาเอง – พาเขาไปสวรรค์เพื่อแสดง ให้เขาเห็นว่าสวรรค์สวยงาม และดีอย่างไร และทั้งหมดนั้น และเพื่อน
คนนั้นซึ่งเป็นเพื่อน ที่ไม่รู้เรื่องก็ถามเขาว่า "ที่นี่มีบ่อนการพนันบ้างไหม?" และเพื่อนก็พูดว่า "ไม่มีแน่นอน 
ที่นี่คือสวรรค์" คุณควรรู้ว่า สิ่งนี้สวยงามและดีกว่าสำหรับคุณ อย่าไปเล่นการพนันอีกต่อไป เพียงติดตามอาจารย์
ของฉัน แล้วคุณจะหลุดพ้น” เขาบอกว่า “ไม่ ผมอยากเล่นพนัน” ถ้าสวรรค์ไม่มีมัน ผมก็ไม่อยากอยู่ที่นี่” 
คุณเห็นไหม?
ดังนั้น มันอาจเป็นเรื่องตลก แต่ก็เป็นเรื่องจริง สำหรับหลาย ๆ คนเช่นกัน และคุณเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ 
คุณไม่ต้องการ... แค่ปล่อยให้พวกเขา ตื่นขึ้นมาเอง สักวันหนึ่งถ้าพวกเขาต้องการ ตื่นขึ้นมาอีกนานแสนนาน
หลังจากผ่านไปหลายล้านล้านปีแล้ว นั่นคือทางเลือกของพวกเขา หากพวกเขาต้องการกลับบ้านตอนนี้ 
ตื่นตอนนี้ รับการรู้แจ้งตอนนี้ และกลับไปหาพระเจ้าตอนนี้ แล้วเราจะช่วยพวกเขาได้ทันที พวกเขาสามารถ
เห็นพระเจ้าได้ทันที ดังที่คุณเห็น คุณก็รู้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ต้องการคุณ ก็ไม่สามารถบังคับพวกเขาได้
เช่นเดียวกับแพทย์ในโรงพยาบาล ต้องการที่จะ ช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคน และทำให้พวกเขาหายดี แต่หากคนใด
คนหนึ่งไม่ต้องการมัน ไม่เซ็นใบยินยอม แพทย์ก็ไม่สามารถให้การผ่าตัด หรือให้การรักษาพิเศษแก่เขาได้ 
เว้นแต่ว่าบุคคลนั้นอาจ หมดสติ เป็นลมไปแล้ว และสมาชิกในครอบครัว คนใดคนหนึ่งสามารถลงนาม ว่าแพทย์
ได้รับอนุญาต ให้ทำการผ่าตัดทันที หรือการรักษาที่พิเศษมากและ อาจเป็นที่น่าสงสัย เพื่อช่วยผู้ป่วยรายนั้น 
แพทย์ก็สามารถทำได้ ดังนั้น มันก็เหมือนกับมนุษย์ พวกเขาไม่ต้องการกลับบ้าน จนกว่าพวกเขาจะถูกทุบตี 
ฟกช้ำดำเขียว ชาติแล้วชาติเล่า และทนไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นพวกเขาจะขอกลับบ้าน แล้วเราจะพร้อม 
ยืนเคียงข้าง ทุกเมื่อ ดังนั้น โปรดอย่าบังคับฉัน และอย่าจู้จี้ฉันในเรื่องนั้นอีก ฉันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า
สิ่งที่คุณต้องการ แต่มันไม่ใช่ธรรมชาติ ของจักรวาลด้วยวิธีนี้
โปรดอธิษฐานเพื่อพวกเขา อธิษฐานเพื่อโลก เพื่อที่พวกเขาจะได้ตื่นขึ้น ขอการให้อภัย และขอ การหลุดพ้น
จากตัวพวกเขาเอง เราทำอะไรไม่ได้มากนอกจากร้องไห้ เหมือนกับทุกสวรรค์ร่ำไห้ การได้เห็นตัวฉันทุกข์
ทรมาน แต่พวกท่านช่วยไม่ได้มาก เพราะฉันต้องแบกรับ ความเจ็บปวดของเหล่ามนุษย์ เพื่อลดหนี้กรรม
ของพวกเขา มันคือความปรารถนาของฉันที่จะ ยกระดับชาวโลกผ่านวิธีนี้ พวกท่านไม่ได้รับอนุญาต 
ให้ต่อต้านเจตจำนงของฉัน เหล่าสวรรค์ที่น่าสงสาร!
Testimony by a member of our Supreme Master Ching Hai International Association (all vegans): 
วันหนึ่งระหว่างการทำสมาธิ ฉันเข้าสู่สนามพลังงานของอาจารย์ ในขณะที่ฉันนั่งสมาธิ ฉันมอง จากจักรวาล
เบื้องบน ธรรมกายของท่านกว้างใหญ่มาก ครอบคลุมทั้งโลก ธรรมกายของท่านใหญ่โตมโหฬาร แต่เป็นเพียง
แสงสวรรค์ (เข้าใจ) แสงสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของท่าน ล้อมรอบทั้งโลก แล้วก็ยังมีอีกร่างหนึ่ง ท่านแปลงร่าง
เป็นร่างที่ใหญ่มาก และสรรพสัตว์ทั้งหมด ถูกห่อหุ้มด้วยร่างของท่าน มืออันยิ่งใหญ่ของท่าน โอบกอดทุก
สรรพสัตว์ ลูบไล้ปลอบโยนพวกเขา หลังจากปลอบโยนพวกเขา ร่างแสงสวรรค์ของท่าน ก็ค่อย ๆ ละลาย 
ละลายหายไป ไหลไปสู่สรรพสัตว์ ในเวลานั้น ฉันเห็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกอย่างเป็นพลังงาน
บางอย่าง เพียงได้อยู่ในพลังงานนั้นเท่านั้น ที่ผู้นั้นจะสามารถรู้สึกได้ เพราะพลังงานนี้ อธิบายไม่ได้ด้วยคำพูด 
จักรวาลทั้งหมดเบื้องบน และสิ่งมีชีวิตมากมาย ในทั้งจักรวาล พวกเขาต่างรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของท่าน 
เพียงมนุษย์บนโลกเท่านั้น ที่ไม่เข้าใจ ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรู้มัน เมื่อฉันเห็นสิ่งนั้น ฉันร้องไห้ เพราะจักรวาล
เบื้องบน พวกท่านมีความเห็นอกเห็นใจ และเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อท่าน พวกท่านมองลงมาจากเบื้องบน 
แต่พวกท่านไม่สามารถหยุดท่านได้ เพราะการเสียสละนี้ เป็นทางเลือกของท่าน ดังนั้นไม่มีใครสามารถหยุด
มันได้ แล้วฉันก็มอง ลึกไปในดวงตาของท่าน และในดวงตาของท่านในตอนนั้น มีแต่เพียงสรรพสัตว์เท่านั้น 
ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากสรรพสัตว์ แล้วบางสิ่งบางอย่าง... มันคือพลังงานทั้งหมด อาจารย์ เราต้องอยู่ในสนาม
พลังงานนั้น เพื่อตระหนักถึงมัน สิ่งที่ฉันกำลังพูดอยู่ตอนนี้ เป็นเพียงส่วนเล็กน้อย (ฉันรู้ ใช่) ไม่สามารถ
อธิบายได้ นอกจากนี้ ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง (ฉันรู้) ในสายตาของท่านมีความปรารถนา อย่างลึกซึ้งให้
สรรพสัตว์เปลี่ยนแปลง ความรักอันไร้ขอบเขตอย่างยิ่ง ความปรารถนาอันแรงกล้าต่อ การเปลี่ยนแปลง 
และความโศกเศร้า อันลึกซึ้ง ความรู้สึกทั้งหมดนี้ ของอาจารย์ ... (ในครั้งหนึ่ง ใช่) ค่ะ ในสนามพลังงานนั้น 
แรงสั่นสะเทือนของท่าน จากนั้นฉันก็กลัว และหลั่งน้ำตาออกมา เพราะสิ่งมีชีวิตบนโลก ความรักของพวกเขา
เป็นเพียงแค่ เหมือนฝุ่นธุลีในจักรวาลนี้ พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย (ใช่) ดังนั้น ฉันอยากจะพูดกับผู้ประทับจิต 
ของเราว่าการมีอาจารย์ เป็นพระพรที่จินตนาการไม่ได้จริง ๆ หากเราไม่พบ ถ้าเราไม่ได้เห็นจริง ๆ และเข้าไป
ข้างในสนามพลังนั้น และสามารถสัมผัสมันได้ เราไม่สามารถเข้าใจได้ ไม่งั้นมันก็แค่ ... (แค่คำพูด) ใช่ค่ะ 
ดังนั้นการมีอาจารย์ ในเวลานี้ถือเป็นพระพรอย่างยิ่งจริง ๆ จนฉันไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร
บางครั้งฉันก็โกรธ เหมือนคุณตอนนี้ เป็นการเรียกร้องอย่างมากจาก พระเจ้าให้เปลี่ยนแปลงมัน – 
เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้ แต่ฉันเดาว่าพวกเขาต้องการ ที่จะผ่านความทุกข์ทรมาน เพื่อที่จะรู้ว่า ความทุกข์นั้น
เป็นอย่างไร เพื่อจะสามารถ ช่วยเหลือผู้ทุกข์ ผู้เป็นทุกข์ต่อไป ในบางทีร้อยปี พันปี ล้านปี เมื่อพวกเขารู้แจ้ง
และ มีพลังช่วยเหลือได้ ตอนนี้คุณเข้าใจไหม? เพราะถ้าคุณรวย คุณจะเกิดมารวย ตลอดชีวิต คุณไม่เคยผ่าน
พื้นที่ ยากจนที่มีคนจรจัด หรือคนจนเลยด้วยซ้ำ คุณจะไม่มีทางรู้ว่า "ความจน" หมายถึงอะไร และคุณจะไม่มีวัน
ที่จะมี ความสงสาร ความรัก หรือความเมตตา หรือต้องการช่วยเหลือ คนจนเหล่านั้นเลย
ตอนนี้ถ้าพวกเขายัง ไม่อยากกลับบ้าน เราก็ปล่อยมันไป พวกเขามีพระเจ้าอยู่ในจิตวิญญาณ และอยู่ในตัวเอง - 
พวกเขา ต้องรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร เราแค่รู้สึกเศร้า เสียใจ แต่ยืนเคียงข้าง เอาล่ะ ถ้าฉันจำสิ่งอื่นใดได้ 
ฉันอาจจะบอก คุณในครั้งต่อไป เพราะถ้าฉันจะส่งสิ่งนี้ ให้ทีมของฉัน พวกเขา จะทำงานทั้งวันทั้งคืน 
เพื่อเผยแพร่ให้คุณดูอย่างรวดเร็ว ทางโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ และถ้ามันยาวเกินไป พวกเขาก็จะทำงาน
หนักเกินไป ทุกวันพวกเขาทำงานหนักมาก อยู่แล้ว และทุกครั้งที่ มีการพูดคุยใหม่ ๆ จากฉัน พวกเขาก็ทำงาน
หนักยิ่งขึ้น หนักเป็นพิเศษ และฉันก็ด้วย ฉันด้วย ต่อมาพอพวกเขาส่งกลับมา ก็ต้องเช็คดูว่า ทุกสิ่งที่ถูกจด
ไว้นั้น ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น ตอนนี้ลาก่อน
ที่รักของฉันทุกคน ที่ติดตามฉันหรือไม่ติดตามฉัน ผู้ที่รักฉัน หรือผู้ไม่รักฉัน ทั้งผู้ที่สนับสนุนฉัน และผู้ที่ต่อต้าน
ฉัน และอิจฉาฉัน – ฉันขออวยพรให้ทุกคนได้รับ ความรักจากพระเจ้า พระพรจาก พระเจ้า และการรู้แจ้งโดยเร็ว 
อาเมน ขอบพระคุณพระเจ้าที่พูดผ่านฉัน ที่ให้ฉันได้พูดคุยกับคุณ ในลักษณะนี้ และดลใจฉัน ให้เตือนคุณถึง 
ประสงค์อันสูงส่งของคุณ
โปรดจำไว้ว่า อธิษฐานต่อพระเจ้า สรรเสริญพระเจ้า บูชาพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่คุณ
จำได้ หนึ่งนาที สองนาที หนึ่งวินาที ให้ทำอย่างนั้น และบางทีคุณอาจได้รับการช่วยเหลือ มากกว่าที่คุณจะ
จินตนาการได้ และบางทีนั่นอาจเป็น "อาวุธ" เดียวที่คุณมี หากคุณไม่มี อาจารย์ใด ๆเลย บางทีนี่ อาจเป็นพร
ให้คุณมี สถานะที่ดีขึ้นในชาตินี้ และชาติหน้า ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณที่ให้ฉัน ให้ฉันยังมีชีวิตอยู่
ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงปกป้องฉัน โปรดขอบคุณพระเจ้าสำหรับฉันด้วย ขอบคุณนักบุญและนักปราชญ์และ 
นางฟ้าและเทวดาทุกตนที่พยายาม อย่างหนักเพื่อปกป้องฉัน มากเท่าที่พวกท่านทำได้ และขอบพระคุณท่าน 
พวกท่านทั้งหมด ใครก็ตามที่ปกป้องมนุษยชาติ และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวเคราะห์นี้ มากเท่าที่พวกท่าน
ทำได้ ขอพระเจ้าอวยพรทุกคน รักคุณ รักทุกคน..
นำมาจาก www.suprememastertv.com
Be Vegan Make Peace
3 ธันวาคม 2566 12:32 น.

ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด: พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า

คีตากะ

ปราศรัยโดย ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ 
รายการระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์
“[…] หากคุณวางใจพระเจ้า วางใจในพระบุตรของพระเจ้าและ วางใจนักบุญและปราชญ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับ
ความรอด และการดำรงอยู่ของคุณ จะดำเนินต่อไปตลอดไป แม้ว่าคุณจะทำผิดพลาดบ้างก็ตาม และกลับใจ 
คุณอาจได้รับการอภัย แล้วถ้าคุณได้พบ พระบุตรของพระเจ้าหรือ นักปราชญ์และนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับ
ความรอด ถ้าคุณติดตามพวกท่าน และถ้าคุณเชื่อฟัง พระบัญญัติของพระเจ้า ในขณะที่คุณอยู่ ในอาณาจักรทางกายภาพนี้”
สวัสดี สวัสดีคุณทุกคน ลูก ๆ ของพระเจ้า ผู้เป็นที่รักแห่งสวรรค์ ฉันคิดว่าคุณกังวล ฉันเลยจะพูดด้วยสักสองสาม
คำ อาจจะมากกว่าสองสามคำ คุณก็รู้ว่าฉันยังอยู่ที่นี่ เพราะคุณได้ยินฉัน แต่ฉันยังคงต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ 
กับเวทมนตร์ ที่ส่งมาทำร้ายฉัน แม้ว่าฉัน จะเป็นฝ่ายชนะ แต่ผลยังคงอยู่ และเมื่อไม่นานมานี้ เวทมนตร์ยังคง
ทำอยู่ ที่หน้าประตูบ้านของฉัน แม้แต่หลังจากที่ฉันได้ย้าย ไปอยู่ห้องอื่นก็ตาม แต่มีบางครั้งที่ ฉันสามารถ
แอบออก ไปได้อย่างรวดเร็ว และบางครั้งอาจ มากกว่าการแอบออก ไปสองสามชั่วโมง ไม่ต้องห่วงฉัน 
ฉันเป็นผู้หญิงแกร่ง ฉันแกร่ง ใช่ ฉันจะรอดอีกครั้ง และถ้าฉันไม่รอด ก็ เราทุกคนต่างต้องไปสักวันหนึ่ง 
ถ้าฉันตาย ฉันก็ตาย นะ
แต่ฉัน แน่นอนว่า พยายามอย่างเต็มที่เพื่อความอยู่รอด เพื่อประโยชน์ของคุณ ฉันดีใจที่คุณไม่ฝึกฝน การใช้
เวทมนตร์ใด ๆ – โดยเฉพาะมนต์ดำ – เพราะมันไม่ดีต่อคุณมาก ๆ เป็นกรรมหนักมาก แม้แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้
จากโลกของปีศาจก่อกวน ระหว่างช่องว่างแห่งกรรม มันก็ยังมีผลลงโทษ เพราะไม่ช้าก็เร็ว คุณก็จะถูกจับได้
ฉันก็ถาม แม่มด ว่า “ทำไมล่ะ? ทำไมคุณถึงติดตามปีศาจ? และเธอบอกฉันว่า "เพราะมันทรงพลังมาก และมีผล
กระทบ ที่คุณสัมผัสได้" ฉันพูดว่า "ไม่ ไม่ นี่เป็นเพียงขอบเขต ทางกายภาพ ซึ่งเป็นธรรมชาติของโลก ที่ไม่
ยั่งยืนอยู่แล้ว ที่เราอาศัยอยู่ นอกจากนี้ ยกเว้นว่า พวกเขามาจากมนุษย์ และกลายเป็นปีศาจ ปีศาจ แต่เดิม 
จริง ๆ นั้นถูกสร้างขึ้นจากเกือบจะ เหมือนกับอากาศเบาบางเท่านั้น คุณพูดได้อย่างนั้น เนื่องจากพวกเขาถูก
สร้างขึ้นโดยพลังงานการกระทำชั่วของมนุษย์ ดังนั้นทันที ที่พลังงานนั้นหมดไป พวกเขาจะแค่ระเหยไป 
พวกเขาจะไม่คงอยู่อีกต่อไป ไม่ว่าพวกเขาจะทรงพลังแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าคุณวางใจในพระเจ้า วางใจพระบุตร
ของพระเจ้าและวางใจในนักบุญและปราชญ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับการช่วยเหลือ และการดำรงอยู่ของคุณ 
จะดำเนินต่อไปตลอดกาล แม้ว่าคุณจะทำผิดพลาดบ้าง และกลับใจ คุณอาจได้รับการให้อภัย และถ้าคุณได้พบ
กับพระบุตรของพระเจ้าหรือ นักปราชญ์และนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ บางท่าน คุณจะรอด ถ้าคุณติดตามพวกเขา 
และถ้าคุณเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า ในขณะที่คุณอยู่ใน อาณาจักรทางกายภาพนี้”
ในสวรรค์เราไม่มี บัญญัติใด ๆ เพราะ ทุกคนเป็นคนดี พวกเขามีจิตใจบริสุทธิ์ และบูชาแต่พระเจ้า ดังนั้นพวกเขา
จึงไม่มีปัญหาใด ๆ และไม่มีพลังงานที่ไม่ดี ไม่มีคำพูดที่ไม่ดี ใน "พจนานุกรม" ของพวกเขาเลย พวกเขาไม่
จำเป็นต้องพูดด้วยซ้ำ พวกเขาใช้พลังกระแสจิตระดับสูง เพื่อถ่ายทอด ความรู้สึกถึงกันและกัน เฉพาะในโลก
ทางกายภาพนี้เท่านั้น ที่เราต้องใช้ ภาษามากมาย และถึงอย่างนั้น เราก็ไม่เข้าใจกัน มากนัก ดังนั้นเราจึงทำ
สิ่งผิดมากมาย และเรายังต่อสู้ หรือบางครั้ง ก็ฆ่ากันเองและ ฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นที่เราเห็นว่า ด้อยกว่าและโชคดี
น้อยกว่า และแน่นอน ว่าเราถือว่าไร้ค่า เช่น ชาวสัตว์ หรือชาวอาณาจักรต้นไม้
เพียงติดตามพระเจ้า เพียงบูชาพระเจ้า ถ้าคุณมีอาจารย์คนใด ที่ได้รับการยกระดับ และรู้แจ้งอย่างสูง โชคลาภ
ของคุณก็ว้าว! คุณควรจะขอบคุณเพราะ คุณร่ำรวยมากกว่า เศรษฐีเงินล้านล้านคนใด ๆ บนดาวเคราะห์นี้ เศรษฐี
หลายล้านล้าน มหาเศรษฐีหลายล้านคน ก็เทียบไม่ได้กับคุณ ในจักรวาลทั้งหมด คุณนั้นเยี่ยมที่สุด แน่นอน 
ยกเว้น อาจารย์ นักบุญและ นักปราชญ์ พระบุตรของพระเจ้า และพระเจ้าผู้สูงสุด
คุณถามฉันว่าทำไม ฉันถึงยังต้อง รับมือกับสถานการณ์เวทมนตร์นี้ แน่นอน เพราะหลังจากรื้อ พวงมาลาพิษ
ที่วางไว้ หน้าประตูบ้านฉัน ก่อนที่ฉันจะย้ายไปอีกห้องหนึ่ง หลังจากนั้น พวกเขาก็จัดตั้ง อีกระบบขึ้นมา 
ระบบอื่น เหมือนระบบที่ ทำให้ระบบย่อยอาหาร และระบบต่อมรับรสของฉันปั่นป่วน ดังนั้นฉันจึงไม่รับรส
อะไรเลย ฉันไม่อยากอาหาร และมีปัญหากับ การควบคุมกระเพาะอาหาร และหลังจากสิ่งนั้น ถูกทำลายไป 
พวกเขาก็ตั้งอีกระบบนึง มันมีจุดเชื่อมต่ออยู่ในสถานที่ ของฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ พวกเขาสามารถใช้จุดนั้นมา 
จัดตั้งสิ่งต่าง ๆ ในบ้านของฉันได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครเข้าไปได้ ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ ในระหว่างที่ฉัน
เข้าฌานได้ มันเป็นเพียงเพราะ ฉันยังต้องทำงานให้กับ โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ซึ่งนำกรรมทุกชนิดมา
ทางอินเทอร์เน็ตผ่านทางงานของฉัน เพราะ โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ทำงานร่วมกับโลก และเพื่อผู้คน
ในโลกนั่นฉันไม่สามารถแยกออกได้ แต่ไม่เป็นไร
จากนั้นพวกเขาก็ จัดตั้งสิ่งต่าง ๆ – ที่น่าขยะแขยง – เช่น ระบบวงแหวนอึหนู ซึ่งวางรอบ ๆ ขยะของฉันด้วยซ้ำ 
เพราะบางครั้ง ฉันต้องเข้าห้องน้ำ และนั่นจะรบกวนและ ทำให้ระบบย่อยอาหารของฉันปั่นป่วน หลังจากสิ่งนั้น
จบลง และถูกทำลายไป พวกเขาก็ตั้งระบบอีกระบบหนึ่ง ที่ถ้าฉันบังเอิญ เดินผ่านประตูเข้าไป ฉันจะโกรธมาก 
ทั้งภายในและภายนอก นั่นคือปัญหา และมันมีระบบอื่น ที่พวกเขาตั้งไว้ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าพวงมาลาพิษ
ด้วยซ้ำ ฉันไม่ได้สังเกตเพราะ ฉันยุ่งอยู่กับสิ่งอื่น และวิญญาณ จิตคิด และ ความคิดของฉันอยู่ในระดับที่สูง 
กว่าระบบทางกายภาพ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้สังเกต และโชคดีที่ตอนนี้ ทุกอย่างได้ผ่านฉันไปแล้ว แต่มันทำให้ฉัน
อารมณ์เสียอย่างมาก ต่อความเป็นอยู่ของฉัน – ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึง อารมณ์ ด้านจิตวิทยา 
จิตใจ และ สภาพการเงินด้วย
อย่างไรก็ตาม เราได้สูญเสีย (เงิน) บางส่วนไป แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวัตถุ และสิ่งทางกายภาพ และไม่ได้
น่ากังวลมากนัก ตราบใดที่ฉันยังมีพลัง ทางจิตวิญญาณเพียงพอ – หลังจากให้ไปมากมาย – ถ้าฉันมีเพียงพอ
ฉันยังสามารถอยู่รอดได้ ในโลกนี้และทำงาน และนั่งสมาธิต่อไป นอกจากนี้ ฉันยังต้อง ตรวจสอบช่องทาง 
ทางจิตวิญญาณเหล่านี้อยู่เสมอ ซึ่งมีพลังทาง จิตวิญญาณที่สูงกว่า เพื่อที่ฉันจะได้ทำงานต่อไปได้ แม้ว่า
บางครั้งฉันจะมี เวลาทำสมาธิไม่มากก็ตาม ฉันพยายาม แต่บางครั้ง กรรมก็มากเกินไป มันก็เอาชนะร่างกาย
ของฉันได้ และมันไม่ง่าย ที่จะทำสมาธิบางครั้ง ในสถานะของฉันเลย ฉันพยายามอย่างเต็มที่
โชคดีที่มี ช่องทางจิตวิญญาณอยู่บ้าง เช่นเดียวกับที่คุณสามารถเสียบปลั๊ก และเติมพลังให้กับตัวเองได้ 
แม้ว่าคุณจะยังคงเสียไป เสียไป เสียไป คุณสามารถชาร์จได้ตลอดเวลา แต่ช่องชาร์จเหล่านี้ คุณไม่สามารถ
อยู่ในนั้นได้ ตลอดทั้งวัน คุณเข้าไปได้เพียง ไม่กี่วินาที แค่นั้น เพราะร่างกายของคุณทน เกินกว่านั้นไม่ได้ 
และหลังจากผ่านไปสองสามวัน – บางครั้งห้าวัน บางครั้งหกวัน บางครั้งหนึ่งสัปดาห์ – ช่องทางนี้ก็จะปิด
ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ดังนั้นฉันจึงต้องมองหา ที่อื่นต่อไป ตามที่ฉันรู้ จากนั้นก็ดึงมันเข้าไปในที่ ที่ฉันอยู่
ถ้าเป็นไปได้ จากนั้นฉันก็สามารถชาร์จตัวเองได้
มีสถานที่หลายแห่งที่ มีพลังทางจิตวิญญาณ สูงมาก แต่ฉันไม่ สามารถเข้าถึงได้ ก็ ทำอะไรได้ล่ะ? ฉันมีสิ่งที่
ฉันมี และสถานที่เหล่านั้น บางแห่งมีราคาสูงมาก ในสังคม มีเพียงคนพิเศษบางคนเท่านั้น ที่สามารถไปที่นั่น
อาศัยอยู่ที่นั่น หรือทำงานที่นั่นเนื่องจากงานของพวกเขา หรือเพียงแค่ได้รับมรดก มาจากราชวงศ์ในอดีต 
หรือจากนักบุญ ที่เคยอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับมัน และพวกเขาก็ ไม่สามารถใช้
ประโยชน์จากมันได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่ก็ไม่สามารถใช้มันได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน ที่จะบอก
ใครเลย และตอนนี้ ฉันแค่กำลังคุยกับคุณ โดยไม่ต้องเขียนอะไร หรือไม่มี เครื่องส่งสัญญาณทางไกลเลย 
ดังนั้นสิ่งใดที่ฉันจำได้ ฉันก็จะบอกคุณ ว่ามันไม่ได้ลื่นไหลเสมอไป ไม่ลื่น ราบรื่น หรือเป็นไปตามประเด็น 
หรือเป็นไปตามหัวข้อ มันไม่สำคัญ คุณจะเข้าใจทุกอย่าง และถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณก็ไม่เข้าใจ หลายคน
ไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม คุณคงจะถามฉันว่า ทำไมฉันถึงไม่ใช้ พลังใด ๆ ที่ฉันมี เพื่อแค่กำจัดแม่มดนั่น ฉันขอโทษ 
ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าฉันใช้พลังของฉัน จัดการเรื่องนี้ เธอก็จะต้องตายทันที จุดยืนของฉัน 
คือไม่ฆ่าใคร จุดยืนของฉัน ความตั้งใจของฉัน หัวใจของฉัน ภารกิจของฉัน คือการช่วยเหลือ ดังนั้น ฉันแค่ต้อง
อดทน ไม่ว่าสถานการณ์นั้น จะยากและเจ็บปวด ถูกนำมา หรือ ถูกกระทำต่อฉันเพียงใด เราไม่ได้มาที่นี่ 
เพื่อทำลายหรือฆ่า เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คน อย่างอ่อนโยนเท่าที่จะทำได้ เท่าที่พวกเขาจะทนได้ เท่าที่ 
พวกเขาจะเข้าใจได้ เพื่อนำพวกเขาไปสู่พลัง ทางปัญญาของพวกเขาเอง เข้าใจในพลังของตนเอง เพื่อที่ 
พวกเขาจะได้ตื่นขึ้นเอง และพวกเขาสามารถยอมรับได้ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มค้นหา ความรู้ที่สูงกว่า เพื่อปัญญา
ที่มากขึ้น เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำลาย สิ่งใดหรือฆ่าใคร การฆ่าไม่เคยช่วยใครเลย ฉันแค่ส่งความรักมากมาย
 เรามาเพื่อรักษา ไม่ใช่เพื่อฆ่า ฉันขอบคุณพระเจ้าทุกวัน สำหรับการปกป้องของพระองค์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ฉันอยู่ในศาลแห่งสวรรค์ เพื่อปกป้องผู้หญิงคนนี้ ที่พยายามจะฆ่าฉัน ฉันบอกพระเจ้าว่า “ได้โปรดเถิด พระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพ โปรดยกโทษด้วย” ฉันยกโทษให้เธอ ฉันยังคงให้อภัยเธอ เพราะเธอแค่
เข้าใจผิด แนวคิดของชีวิต และทุกสิ่งในโลกนี้ มีพลังดึงดูดใจที่ ทำให้คนล้มลงได้ ใคร ๆ ก็ล้มได้ ใคร ๆ
ก็ล้มเหลวได้ ในดินแดนทางกายภาพนี้ ได้โปรดยกโทษให้ด้วยเถอะ” เพราะพวกเขากำลังจะพาเธอ ไปยังนรก
ที่ทรมาน ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ฉันบอกคุณไปแล้ว – ที่ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะ ต้องช่วยเหลือที่ไหนและ ตลอดไปและ
ไม่หยุดยั้ง – ตลอดทั้งวันทั้งคืน
เพราะนรกหลายแห่ง ไม่เป็นเช่นนั้น ไม่เหมือน ที่เรียกว่า นรกที่ไม่หยุดยั้ง นรกอื่น ๆ พวกเขามีการลงโทษ – 
การลงโทษที่น่าสยดสยอง เจ็บปวด และอธิบายไม่ได้ โหดร้าย และโหดร้ายต่าง ๆ นานา แต่ส่วนใหญ่ 
ก็มีช่วงพัก เหมือนได้พัก แล้วกลับมา โดนลงโทษอีก ขึ้นอยู่กับว่าบาปนั้น เลวร้ายแค่ไหน แต่นรกที่ไม่หยุดยั้ง
กลับไม่เป็นอย่างนั้น เป็นการลงโทษไปตลอดกาล และคุณจะรู้สึกเจ็บปวดสาหัส สาหัส สาหัสไปตลอดกาล... 
ฉันไม่รู้จะพูดยังไง... ความโศกเศร้า ความเจ็บปวด อะไรก็ตาม แต่มัน ก็ไม่เคยหยุดเลย แม้ว่าพระพุทธเจ้า
จะเสด็จไปที่นั่น และให้อาหารแก่คุณ อาหารของคุณจะกลาย เป็นไฟลุกไหม้ในปากของคุณ และลงไปตาม
ร่างกายของคุณ คุณไม่สามารถมีอะไร ที่เป็นเหมือนอาหารที่แย่ที่สุด ที่มนุษย์มีได้ ฉันไม่เคยต้องการ ให้ใคร
ตกลงไป ในนรกแบบนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพยายามอย่างหนัก ที่จะช่วยผู้หญิงคนนี้ โดยหวังว่า 
เธอจะเข้าใจสถานการณ์ของเธอ และเข้าใจสิ่งถูกจากสิ่งผิด และการเปลี่ยนแปลง
ฉันพูดว่า "ใคร ๆ ก็ล้มเหลวได้ ใคร ๆ ก็ล้มลงบนดาวเคราะห์นี้ได้ เพราะระบบที่นี่ สร้างมาเพื่อดักจับคุณ"
 และสุดท้าย ด้วยการต่อสู้ดิ้นรนมากมาย การพูดมากมาย การเจรจาต่อรองมากมาย และฉันต้องเสียค่าใช้จ่าย
บางส่วน เธอจึงเข้าใจ จากนั้นเธอก็กลับใจ และร้องไห้เมื่อ เห็นนรกด้วยตัวเอง และเธอก็ตกใจมาก จนกลับใจ
จริง ๆ และสัญญา ว่าจะไม่ทำอะไรอีก และเพียงให้อภัยเธอ แล้วเธอจะไม่ ทำอันตรายใด ๆ อีก เธอจะไม่ใช้
เวทมนตร์อีกต่อไป โอเค ไม่เป็นไร ฉันรู้สึกโล่งใจมาก
เดิมที ฉันขอเพียงว่า "เอาล่ะ พระเจ้าที่รัก คำตัดสินของสวรรค์ทั้งหลาย ได้โปรด ถ้าฉันไม่สามารถขอให้เธอ
มากเกินไป ดังนั้น โปรดเพียงส่งเธอ ไปไว้ในโลกปีศาจ ที่ซึ่งเธอทำงาน ร่วมกับพวกเขา และเธออาจจะ 
แค่เป็น มนุษย์ปีศาจต่อไป ฉันคิดว่านั่นคือทั้งหมด ที่ฉันขอได้ แต่หลังจากนั้น ด้วยเวลามากขึ้น ความพยายาม
มากขึ้น ๆ และการชดใช้ มากขึ้น ๆ เธอก็จะได้รับการปลดปล่อย เพราะเธอกลับใจอย่างจริงใจ แต่หลังจากนั้น
สักพัก ก็มีข่าวเกิดขึ้นและ เธอก็คิดว่าฉันจะไป อยู่ที่ประเทศของเธอ เธอไม่ชอบสิ่งนั้น และปีศาจก็บอกให้
เธอทำเช่นนี้ แล้วทำอย่างนั้นกับฉันอีก แต่ฉันยังอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกังวล แค่เจ็บปวดบ้าง ลำบากบ้าง ที่ฉันต้อง
เผชิญ แต่ราคา ราคาใด ๆก็คุ้ม ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวลเลย ฉันจะอยู่รอด
ดูนะ พระบิดาคือพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพที่สูงที่สุด ไร้นามนี้ ผู้ทรงดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงฤทธานุภาพ
ทุกสรรพสิ่ง ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงเป็นทุกสิ่ง – ในทุกสิ่ง – ยกเว้นมารร้าย แน่นอน เพราะมาร ไม่มีแก่นสาร ไม่มี
วิญญาณ ไม่มีหัวใจ ไม่มีอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันสามารถ ทำอะไรก็ได้ เพราะพวกมัน ไม่รู้สึกเจ็บปวด
กับผู้อื่น พวกมันเองก็ไม่รู้สึก เจ็บปวดเช่นกัน แต่เมื่อพวกมันไม่มี พลังงานบาปอันเลวร้าย ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว 
พวกมันก็จะระเหย หายไป หมดไป ไม่มีอยู่อีกต่อไป เพราะเหตุนี้ใครก็ตาม ที่บูชาปีศาจ พวกเขาได้ทำ
ผิดพลาดใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่หลวง ทำร้ายตัวเองอย่างใหญ่หลวง
มีปีศาจมากมาย ที่ต้องการทำร้ายฉันเช่นกัน และพวกมันก็ช่วยเธอ ทำสิ่งนี้ด้วย เธอไม่ใช่คนเดียว บางครั้งปีศาจ
ที่เป็นมนุษย์เหล่านั้น เนื่องมาจากความอิจฉาริษยา ความเย่อหยิ่ง หรืออัตตา พยายามที่จะทำร้ายฉันคนเดียว – 
ไม่ใช่กับปีศาจมนุษย์อื่น หรือปีศาจที่ไม่ใช่มนุษย์ – หลายปีที่ผ่านมา บางคนถึงกับสารภาพ กับฉันหรือในที่ 
ชุมนุมสาธารณะกับ หลายคนที่เรียกว่า ลูกศิษย์ของฉัน หลายคนได้ยินมัน ฉันคิดว่าเรายังมีเทปอยู่ ที่ไหน
สักแห่ง หรืออาจจะเคยออกอากาศไปแล้ว เมื่อหลายปีก่อน
หนึ่งในนั้นคือผู้ชาย นักเวทมนตร์ชายคนหนึ่ง – แม้กระทั่งตำหนิฉัน สำหรับการทำร้ายเขา โดยไม่ปล่อยให้กริช
ของเขา เจาะทะลุร่างกายของฉัน กลับกลายเป็นว่ามันพุ่งกลับไปหาเขา เขาจึงต้องยกเลิก ความพยายาม
ลอบสังหารของเขา! ฉันบอกว่ามันไม่ใช่ความตั้งใจของฉัน ที่จะทำให้เขาเจ็บปวด มันแค่เกิดขึ้น บางครั้งก็
โดยองครักษ์ หรือนางฟ้า “ขอโทษ” ฉันกล่าว “แต่ได้โปรดอย่าทำอีก การฆ่าถือเป็นกรรมหนัก! คุณก็รู้? 
ไม่ช้าก็เร็วผู้พิพากษา จะจับคุณและลงโทษคุณ” ฉันหมายถึงผู้พิพากษาจากสวรรค์ แม้ว่าผู้พิพากษา 
ในโลกทางกายภาพนี้ ไม่สามารถหาหลักฐานได้ หรือหาคุณไม่พบ
การอยู่ในโลกสาธารณะใด ๆ และเตือนผู้คน ให้ปฏิบัติธรรมเป็นความเสี่ยง ที่ฉันต้องทำ มันดูง่ายไปหมด
เหมือนว่าฉันมักจะยิ้ม ตลอดเวลา และเล่าเรื่องตลก และทั้งหมดนั่น ดังนั้นผู้คนจึงอาจคิดว่า "โอ้ สิ่งที่ท่านทำ
มันง่ายมาก" และอาจพยายามเลียนแบบ มันไม่ใช่แค่นั้น มันเป็นเพียงภายนอก มันแตกต่างกันทั้งหมดภายใน
คุณต้องฝึกสมาธิ อย่างจริงจัง ตรวจสอบ มาตรฐานทางศีลธรรมของคุณเอง ตลอดเวลา และเชื่อมต่อ กับพลัง
ที่สูงกว่า และ/หรือกับพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ ตลอดเวลา สรรเสริญพระองค์ บูชาพระองค์ อธิษฐานขอความ
คุ้มครอง และการปลดปล่อย ส่วนใหญ่เพื่อ ให้คุณทำงานต่อไปได้ – ไม่ใช่คุณกังวลเรื่องความเป็น 
และความตาย มันจะดีกว่าถ้าทำงานคุณ ให้เสร็จในช่วงชีวิตเดียว หรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงจุดหนึ่ง
ไม่อย่างนั้น ก็กลับชาติมาเกิดใหม่ – เกิดเป็นทารกอีกครั้ง โตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ แล้วเริ่มต้นใหม่ - มันค่อนข้าง
น่าเบื่อมาก ไม่มีใครอยากทำแบบนั้นอีก ฉันไม่อยาก
คุณถามฉันว่า แน่นอน ทำไมฉันไม่ใช้พลังเพื่อ เอาชนะเธอ (แม่มด) ไม่ ฉันทำไม่ได้ ถ้าฉันใช้พลัง ฉันหมายถึง
พลังที่แข็งแกร่งนี้ ที่จะจัดการปัญหานี้ ทันที เธอจะตาย ทันที มันจะไม่มีโอกาสที่เธอ จะได้รับการช่วยเหลือ
ได้รับการไถ่โทษ หรือแม้แต่กล่าวขอโทษ หรืออะไรเลย ฉันก็เลยต้องอดทน เพื่อที่ฉันจะมีเวลา และทำมัน
อย่างช้า ๆ แล้วบางทีเธออาจจะกลับใจ แล้วบางทีอาจ มีข้อแก้ตัว ที่จะช่วยเธอ สวรรค์ทั้งหมดผ่อนปรน แน่นอน
แต่มีสวรรค์เบื้องล่างบางแห่ง ที่ไม่ผ่อนปรน พวกเขาปฏิบัติตาม และเคร่งครัดมาก และบางครั้ง ขอโทษ 
แม้แต่ พระเยซูก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ มันเป็นกฎหมาย มันเข้มงวดมาก ดำและขาว เช่นนั้น เข้มงวดยิ่งกว่า 
แม้แต่บนดาวเคราะห์ของเรา
ดังนั้นโปรดอธิษฐานต่อไปเพื่อ การปลดปล่อยจิตวิญญาณของคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แม้ว่าโลกจะยังอยู่
ในสภาพสมบูรณ์ แต่ถ้าวิญญาณของคุณสูญหาย หรือตกนรก คุณจะอยู่ใน... โอ้ พระเจ้า ฉันไม่รู้ว่านานแค่ไหน
กว่าคุณจะได้ออก และคุณจะเจ็บปวด และเสียใจมาก บางคนก็กิน ผลิตภัณฑ์ชาวสัตว์ด้วย แต่เพราะพวกเขา
มีบุญมาก ในชาติก่อน จึงอาจรอดได้ และพวกเขาอาจจะยัง ไปสวรรค์- สวรรค์ที่ระดับต่ำกว่า – ยังไม่ลงนรก 
แต่คุณไม่รู้เลย ว่าคุณมีบุญเพียงพอ จากอดีตชาติหรือไม่ หรือบางทีคุณอาจเคยทำ เรื่องเลวร้ายมามากมาย 
ในชาติก่อน ดังนั้น ชาตินี้ถ้าคุณทำต่อไป ก็จะไม่มีใครช่วยคุณได้
โปรดสรรเสริญ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ บูชาพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกวัน และแน่นอน ขอขอบคุณ
พระบุตรของพระเจ้า และนักบุญและนักปราชญ์ทั้งหมด ที่ออกมาจากพลัง ของพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์
ตอนนี้ ฉันจะบอกคุณ บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้น ตัวอย่างเช่น คุณเห็น ไหมว่าในศาสนาส่วนใหญ่ พวกเขา
มีตรีเอกานุภาพนี้ โอเค สมมติว่าในศาสนาคริสต์ พวกเขาอธิษฐานต่อพระบิดา พระบุตร และพระจิตศักดิ์สิทธิ์ 
หรือพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ ฉันไม่อยากใช้คำว่า “พระจิตศักดิ์สิทธิ์” แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเขาแปล
ในพระคัมภีร์เก่าบางเล่ม พระบิดาคือใคร? นั่นคือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง และนั่นคือ "ในปฐมกาลคือพระวจนะ" 
หมายถึงเสียง (สวรรค์ภายใน) ความสั่นสะเทือน "และพระวจนะทรงอยู่กับพระเจ้า พระวจนะทรงเป็นพระเจ้า"
ดังนั้นเสียงนี้ ความสั่นสะเทือนนี้ ซึ่งฉันมอบให้ กับคนที่เรียกว่าลูกศิษย์ของฉัน เป็นสิ่งที่มาจาก พระเจ้า
โดยตรง ถ้าเราต้องการกลับบ้านไปหาพระเจ้า เราจะต้องถูกโอบกอดด้วย เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) นี้ 
ความสั่นสะเทือนนี้
อย่างไรก็ตามเราทุกคนก็มีมันอยู่ข้างใน ถ้าคุณเป็นมนุษย์จริง ๆ คุณก็จะมีสิ่งนั้น เว้นแต่คุณจะดูเหมือนมนุษย์ 
แต่คุณไม่ใช่ เช่น คุณเป็นปีศาจ หรืออย่างอื่น แม้แต่นางฟ้า ก็ยังไม่มีมัน มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีมัน เสียง 
(แห่งสวรรค์ภายใน) นั้น พลังงานการสั่นสะเทือนนั้น ทรงพลังมาก แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ก็เป็น การสั่น
สะเทือนหรือเสียง อีกรูปแบบหนึ่ง แต่ละเอียดมากกว่า แสงสวรรค์นั้น – แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ทรงพลัง
มหาศาล และเมื่อรวมกับ เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) นั้น หรือ “พระวจนะของพระเจ้า” การรวมกัน จึงเรียกว่า 
ธรรมวิถีกวนอิม ที่ฉันได้สอนผู้คน
แต่คุณต้องเปิด การได้ยินภายในและ การมองเห็นภายในของคุณ ตาที่สามและ ที่เรียกหูที่สาม ถ้าคุณต้องการ
เรียกสิ่งนั้นอย่างนั้น จากนั้นคุณจะสามารถได้ยิน เสียงการสั่นสะเทือน เสียง (แห่งสวรรค์ภายใน) พระวจนะของ
พระเจ้า และคุณจะสามารถเห็น แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ซึ่งเป็นการสำแดง ของพระเจ้า พระเจ้าไม่มีชื่อ 
ถ้าคุณต้องการรู้จักพระเจ้า แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) และความสั่นสะเทือน เสียงสวรรค์ จะช่วยคุณได้ 
ไม่มีอะไรอื่นทำได้ และนั่นคือหนทางที่แน่นอนที่สุด ซึ่งเป็นเครื่องมือที่แน่นอนที่สุด ที่จะนำคุณกลับบ้านไปหา
พระเจ้า และคุณจะไม่เกิดใหม่อีก ในสถานการณ์ที่ต่ำต้อยหรือ ถูกเนรเทศไปลงนรก เพื่อรับการลงโทษ
และความเจ็บปวด แน่นอน คุณกลับไป ยังโลกได้ ถ้าคุณต้องการ ถ้าคุณจำเป็น หรือถ้าคุณต้องการช่วย
ใครสักคน แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำ มันไม่ใช่ข้อผูกมัด เพราะคุณมีทางเลือกได้อย่างอิสระ หลังจากที่คุณ
ได้รู้แจ้ง และติดต่อกับ การสำแดงโดยตรงของพระเจ้า ซึ่งก็คือเสียงและ แสงสว่าง (แห่งสวรรค์ภายใน)
ฉันต้องจำว่า ฉันอยากจะบอกคุณอะไรอีก โอ ฉันเพิ่งจำอะไรบางอย่างได้ โอเค หลังจากดวงตาภายในของคุณ 
หรือตาที่สามและหูที่สาม ถูกเปิดโดยอาจารย์ โดยพระคุณของพระเจ้า คุณจะได้รับพลังเช่นกัน เพื่อเชื่อมต่อ
ใหม่อีกครั้ง ด้วยพลังอำนาจของพระเจ้า ได้ถึงระดับหนึ่งตามสถานะ หรือสถานะทางจิตวิญญาณของคุณ 
ณ เวลาที่ถ่ายทอด การรู้แจ้งภายใน หรือการประทับจิต ผ่านการประทับจิตเท่านั้น คุณสามารถบรรลุสิ่งนั้นได้
และเก็บมันไว้ พร้อมกับ ความก้าวหน้าขึ้นไปจนถึงวันที่ พระเจ้าจะพาคุณกลับบ้านตลอดกาล กระบวนการ
ของการประทับจิตนี้จะ กำจัดหนี้กรรมของคุณทั้งหมด ดังนั้น คุณจึงมีอิสระที่จะกลับบ้าน เหลืออีกนิดหน่อย 
เพื่อที่คุณจะได้อยู่ในโลกนี้ต่อไป จ่ายคืนและรับเล็กน้อย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพลังลบ มักจะตามหลัง
อาจารย์เสมอ และ พยายามทุกวิถีทางที่จะฆ่าพวกท่าน เพื่อเก็บวิญญาณทั้งหมดไว้ที่นี่ ภายใต้การควบคุม 
กดขี่ของพวกเขา!
ทำไมเราถึงเรียกว่าพระบิดา พระบุตรและพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์? ฉันจะอธิบายตอนนี้ ดูนะ พระบิดาคือพระเจ้า 
ผู้ทรงฤทธานุภาพที่สูงที่สุด ไร้นามนี้ ผู้ทรงดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงฤทธานุภาพทุกสรรพสิ่ง ผู้ทรงรอบรู้ 
ผู้ทรงเป็นทุกสิ่ง – ในทุกสิ่ง – ยกเว้นมารร้าย แน่นอน เพราะมาร ไม่มีแก่นสาร ไม่มีวิญญาณ ไม่มีหัวใจ 
ไม่มีอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันสามารถ ทำอะไรก็ได้ เพราะพวกมัน ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับผู้อื่น พวกมันเอง
ก็ไม่รู้สึก เจ็บปวดเช่นกัน แต่เมื่อพวกมันไม่มี พลังงานบาปอันเลวร้าย ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว พวกมันก็จะระเหย 
หายไป หมดไป ไม่มีอยู่อีกต่อไป เพราะเหตุนี้ใครก็ตาม ที่บูชาปีศาจ พวกเขาได้ทำผิดพลาดใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ 
ใหญ่หลวง ทำร้ายตัวเองอย่างใหญ่หลวง
ไม่เพียงแต่พวกปีศาจ จะไม่สามารถช่วยคุณ ในทางใดทางหนึ่งได้ พวกมันจะลากคุณลงนรก เพราะถ้าคุณฟัง
พวกมัน ทำชั่ว พวกมันจะลากคุณลงนรก แต่ถ้าคุณติดตาม... ถ้าคุณบูชาพระเจ้าผู้ทรง ฤทธานุภาพเพียงผู้เดียว 
และติดตามพระบุตร และ/หรือนักบุญและนักปราชญ์ ที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณจะได้รับความรอด 
อย่างแน่นอน ไม่มีอะไรจะดี ไปกว่านี้อีกแล้ว ส่วนใหญ่ ถ้าคุณติดตามนักบุญ นักปราชญ์ หรือแม้แต่ติดต่อ
โดยตรง กับพระบุตรของพระเจ้า คุณจะเป็นคนที่โชคดีที่สุด ในจักรวาล เพราะพวกท่านอยู่กับพระเจ้า
เพื่อพบกับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ที่ปรากฎบนโลก ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องได้รับบุญ มากแค่ไหน ฉันไม่สามารถนับได้ 
มันมากเกินไป มากเกินไป แต่มันไม่สำคัญ – ความจริงใจของคุณจะ ขับเคลื่อนสวรรค์และโลก และจะทำให้
มันเกิดขึ้น ดังนั้นเพียงอธิษฐาน เพียงจริงใจ บูชาพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพเป็น เพียงผู้เดียวที่คุณ
ควรบูชา บูชาองค์ผู้สูงสุดซึ่ง เป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ และสรรเสริญด้วย ขอบคุณพระองค์ด้วยที่
พระองค์ทรง ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ลงมาสู่โลกแห่งความทุกข์ทรมานนี้ เพื่อช่วยเหลือคุณ 
ถ้าคุณเคยพบกับพระองค์หนึ่ง
คุณเห็นไหมว่า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพนั้นสูงสุด และมีพระบุตรของพระเจ้า ระบบเป็นเช่นนั้น พระบุตรหรือ
ที่เรียกว่า ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด คือพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า เมื่อปรมาจารย์ผู้สูงสุด ทรงปรากฏพระองค์ 
บนโลก บนดาวเคราะห์นี้ ในโลกนี้ เมื่อนั้นพระองค์ก็มีร่างกาย พระองค์อาจจะไม่ได้ เกิดจากการปฏิสนธิ 
ระหว่างชายและหญิง พระองค์ก็จะทรงสำแดงพระองค์เอง เช่นนั้น เช่นพระเยซู ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า 
อย่างแท้จริง และอาจารย์ท่านอื่น ๆ ทุกคนก็เป็นเพียงนักบุญ หรือปราชญ์ ผู้ซึ่งสืบเชื้อสาย มาจากปรมาจารย์
สูงสุด ผ่านทางช่องทาง ทางกายภาพ ของพระบุตรของพระเจ้า ที่ประจักษ์บนโลก
ดังนั้นพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า อาจารย์ท่านอื่นไม่ได้เป็นเช่นนั้น ยกเว้นพระเยซู เมื่อพระองค์เสด็จ
กลับมา แน่นอน เราก็เรียกพระองค์ว่า พระบุตรของพระเจ้าเช่นกัน บางคนคิดว่าพระองค์เป็น เพียงอาจารย์
ผู้รู้แจ้งอีกคน แต่พระองค์ไม่ใช่ มีความแตกต่างระหว่าง อาจารย์ผู้เป็น พระบุตรของพระเจ้า และอาจารย์
ท่านอื่น ๆ ที่เป็นนักบุญและนักปราชญ์ เช่นระดับที่สาม หรือระดับที่สี่ ถ้าเรานับอาจารย์ขั้นสูงสุด ที่ยังไม่แยก 
จากพระเจ้า มิได้พำนักอยู่ใน ร่างของ พระบุตรของพระเจ้าบนโลก พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทรง มอบอำนาจ
แก่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดก็ เหมือนกับมือขวาของพระองค์ แต่อยู่ทุกที่ ทุกที่ อยู่แล้ว
และเมื่อพระบุตรของพระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นพลังที่ประจักษ์ ของสุดยอดปรมาจารย์ กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ 
บนโลก ยกตัวอย่าง หรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่น พระองค์จะสามารถใช้ประมาณ 90% ของพลังปรมาจารย์
ขั้นสูงสุดได้ แต่มันเกือบจะเหมือนกับ สุดยอดปรมาจารย์ในสวรรค์ 10% นั้นคือความเชื่อมโยง ระหว่าง
พวกท่านดังนั้น พระบุตรของพระเจ้า เช่นเดียวกับพระเยซู ไม่ได้นำ พลังทั้งหมดลงมายังโลก เพียงแต่มีพลัง 
90% ที่จัดสรรให้กับพระองค์เสมอ เพื่อให้พระองค์สามารถใช้ได้มาก เท่าที่พระองค์ต้องการบนดาวเคราะห์นี้ 
แต่น่าเสียดาย ที่เราไม่เคยปฏิบัติ ต่ออาจารย์คนใดในโลกนี้อย่างดีเลย รวมถึงพระบุตรองค์เดียวของ
พระเจ้าด้วย
และถ้าเราได้พบกับอาจารย์ เช่น พระเยซู โอ้ พระเจ้า คุณก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด โชคดีที่สุด ในจักรวาล
ทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่เมื่อพระเยซูยังมีชีวิตอยู่ พระองค์ตรัสว่า "ไม่มีใครไปหา พระบิดาได้หากไม่มีเรา" 
หรือพระองค์ตรัสว่า “คุณสามารถไปหาพระบิดา ผ่านทางฉันได้เท่านั้น” อะไรแบบนั้น แล้วพระองค์ก็ ไม่ทรง
สนับสนุนให้เราบูชาพระองค์ หรือทำอะไร ในนามของพระองค์ด้วยซ้ำ พระองค์ตรัสว่า “ฉันเป็น แสงสว่างของ
โลกตราบเท่าที่ ฉันยังอยู่ในโลก” คุณเห็นไหม? เพราะพระเยซูทรงทราบ ว่าจะต้องมี อีกคนลงมา หรือ 
พระองค์จะเสด็จ ลงมาเองอีกครั้ง มิฉะนั้น ถ้าคุณไม่มีอาจารย์ มันยากมากสำหรับ ที่จะหลุดพ้น ถ้าคุณไม่มี
อาจารย์ เช่น พระเยซู – พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า ที่พระเจ้าส่งลงมายังโลก – ถ้าเราตาบอด หูหนวก 
และเป็นใบ้ เราก็มองไม่เห็น เราไม่รู้ ว่าพระองค์เป็นผู้นั้น พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า แล้วเราจะออกไป
ไม่ได้
แต่โชคดี ที่จากพลัง ที่พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า ทรงนำลงมายังโลก ก็ทำให้เกิดอาจารย์ท่านอื่น ๆ 
แต่พวกท่านอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า พวกท่านจะไม่กลับ ไปหาพระบิดา เหมือนพระบุตรของพระเจ้า พระบุตร
ของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระเยซู พระองค์จะกลับไปหาพระบิดา เมื่อพระองค์เสด็จออกไป เมื่อพระองค์
ทรงเป็นพระบุตรแล้ว พระองค์ไม่สามารถกลับไปหา พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพได้ แน่นอนว่าพระองค์สามารถ
ติดต่อได้ รับการเชื่อมต่อนี้ได้ตลอดไป แต่พระองค์จะเสด็จกลับ ไปสู่พระบุตรดั้งเดิมของพระเจ้า ใน...
“เหนือคำพูดใด ๆ” นั่นคือสิ่งที่บอกฉันมา ข้อมูลก็เป็นเช่นนั้น เช่น บางครั้ง ถ้าปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ต้องการส่ง
ข้อความจริง ถึงฉัน และรู้ว่า มันมาจากพระองค์ พระองค์ก็จะส่งสัญญาณ บางอย่างให้ฉัน มันพิเศษมาก 
คุณไม่สามารถพบมันบนโลก ได้ทุกที่หรือ การกล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลใด ๆ
ฉันไม่แน่ใจว่าฉันได้รับอนุญาต ให้บอกคุณหรือไม่ ฉันคิดว่าอย่าเลยดีกว่า ให้ฉันถาม ไม่ ฉันไม่ได้รับอนุญาต 
ฉันขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันเคยถามแล้ว ฉันไม่ได้รับอนุญาต ไม่ดีกว่า แต่ฉันถามอีกครั้งตอนนี้ และคำตอบ
ก็ยังไม่ได้ ดังนั้นฉันขอโทษ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ ฉันไม่สามารถบอกคุณได้ ผู้คนจะทำกำไรจากมัน 
และจะใช้ มันเพื่อหลอกลวง มนุษย์คนอื่น นั่นคือเหตุผล มันไม่ใช่ของจริงเวลา ที่ผู้คนลอกเลียนแบบและ
พูดถึงมัน – พวกเขาไม่รู้อะไร เกี่ยวกับมัน และพวกเขาไม่เคยเห็น อะไรแบบนั้นมาก่อน และพวกเขาก็แค่
พูดคุย พวกเขาแค่คัดลอกอาจจะ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลียนแบบฉัน และทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้น ทำให้ผู้คน
เข้าใจผิด และทำให้พวกเขาทั้งหมดสับสน และเป็นโรคจิต นี่มันแย่มาก
นี่เป็นเพียงคำสอน ที่เรานำมาเท่านั้น สัญญาณพิเศษนี้จากสวรรค์ ยังไม่ใช่ทั้งหมด ที่จะยืนยันกับฉัน ว่านี่เป็น
ข้อความ จากเหนือโลกจริง ๆ มันไม่ใช่การหลอกลวงจาก ปีศาจก่อกวน และอะไรก็ตาม เพราะพวกเขาทำ
อย่างนั้น พวกเขาทำอย่างนั้น มีพลังสองอย่าง อยู่รอบตัวเสมอ: ฝ่ายหนึ่งบอกความจริงกับฉัน และอีกฝ่าย 
บอกข่าวปลอมและ เรื่องหลอกลวง โชคดีสำหรับมนุษยชาติและ สิ่งมีชีวิตทั้งปวง จากพลังทางจิตวิญญาณ
ของพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าบนโลก จะมีการแพร่กระจายของพลังทาง จิตวิญญาณ พลังทาง
จิตวิญญาณนี้ ออกไป เพื่อให้นักบุญและ นักปราชญ์คนอื่น ๆ สามารถช่วย มนุษยชาติได้เช่นกัน 
แม้ว่าพวกท่านจะไม่สามารถพา พวกเขาขึ้นไปให้สูงขึ้นไปได้ไกล กว่านั้น เช่น ระดับที่ห้า
มีเทพเจ้าทั้งห้า ที่ประทับอยู่และควบคุม ระดับจิตวิญญาณทั้งห้า สมมติว่าจากโลกทิพย์ ขึ้นไปจนถึงสัจขัณฑ์ 
ระดับที่ห้า เรียกว่า สัจขัณฑ์ เรียกอีกอย่างว่า ดินแดนนิรนาม และพระนามที่แท้จริง พระนามจริง เช่นกัน 
มีหลายชื่อสำหรับ ดินแดนนั้น แต่นั่นไม่ใช่ระดับที่สูงที่สุด มีโลกที่สูง กว่าระดับที่ห้า มากมาย แต่ไม่เป็นไร 
ถ้าคุณมีโชคลาภมากที่สุด ที่ได้พบกับนักบุญ และนักปราชญ์คนหนึ่ง ที่มาจากระดับที่ห้า โอ้ พระเจ้า คุณควร
คุกเข่าลงและคำนับ พระเจ้าตลอดไป เพื่อรับโชคลาภและพระคุณนี้ มันมี... เท่าไหร่... ขณะที่ฉันกำลังพูดกับ
คุณ มีปรมาจารย์ระดับที่ห้า ประมาณสามคน บนดาวเคราะห์นี้ ถ้าคุณโชคดี คุณจะพบพวกเขา และคุณจะเป็น
ลูกศิษย์ของพวกเขา แล้วคุณจะมั่นใจได้ ถึงความหลุดพ้นตลอดไป แต่ในขณะที่มนุษยชาติถูกบังคับ ให้ยุ่งไป
ตลอดกาล อยู่กับการเอาชีวิตรอดทางวัตถุ และยังถูกบังคับ ด้วยความโลภและความทะเยอทะยาน ที่จะยุ่ง ยุ่ง 
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับคุณ ที่จะคิดที่จะหา อาจารย์ผู้รู้แจ้ง คนใดคนหนึ่งเพื่อศึกษาด้วย เพื่อช่วย
ตัวเอง จิตวิญญาณของคุณ เพื่อจะได้หลุดพ้นตลอดไป จากวงจรแห่งความทุกข์ทรมาน และความเจ็บปวดที่
หลอกลวง ชีวิตและความตาย และการเกิด และความเจ็บป่วย หรือแม้แต่นรก
ดังนั้นบ้านของอาจารย์ อยู่ในระดับที่ห้า นับจากระดับโลกทิพย์ขึ้นไป เรามีระดับโลกทิพย์ จากนั้นเราก็มีระดับ 
การทำลายล้าง และการสร้าง จากนั้นเราก็มี ระดับพระพรหม จากนั้นเราก็มีระดับที่สี่ และเรามีระดับที่ห้า 
มีพระนามของพระเจ้า ทั้งห้าดินแดนนี้ แต่ฉันเปิดเผยให้คุณทราบไม่ได้ ไม่ด้วยวิธีนี้ ตอนประทับจิต ลูกศิษย์
ของฉันทุกคนเรียนรู้ วิธีการท่องดินแดนเหล่านี้ และไปสู่อาณาจักรแห่ง จิตวิญญาณใหม่ของฉัน ฉันเรียกมันว่า "อาณาจักรใหม่ Tim Qo Tu (ทิมโควทู)" บางคนเรียกมันว่า “นิวแลนด์” มันไม่ใช่ดินแดน นั่นอยู่เหนือระดับที่
สิบเหนือระดับที่สิบเอ็ด ระดับที่ห้า อยู่ระหว่างนั้น เราสามารถเดินทางผ่านมันได้ ถ้าเรารู้หนทางสู่ อาณาจักร
แห่งจิตวิญญาณใหม่ แต่ไม่มีใครสามารถทำได้ – ยกเว้นคนที่เรียกว่า ศิษย์ที่ดีของฉัน
ตอนนี้ ฉันอธิษฐานต่อพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพด้วยสุดใจ และสุดกำลังในการบูชาของฉัน และความจริงใจ
ทั้งหมดของฉัน ขอให้มวลมนุษยชาติ มนุษย์ที่แท้จริง สามารถพบกับนักบุญคนใดคนหนึ่ง เพื่อกลับไปสู่ระดับ
ที่สูงกว่า อย่างน้อยก็เหนือระดับที่สาม เช่น ระดับที่สี่ ดังนั้นหากคุณได้ไปถึง ที่นั่นแล้ว จิตวิญญาณของคุณ 
จะไม่ถูกประณามหรือลดระดับ ลงสู่ระดับที่ต่ำกว่าอีกเลย คุณสามารถไปที่ระดับที่ต่ำกว่าได้ เช่น ระดับ
โลกทิพย์ หรือระดับที่สอง เพียงเพื่อสอนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการทำ และหากพระเจ้าอนุญาต
เพื่อพบกับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ที่ปรากฎบนโลก ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องได้รับบุญ มากแค่ไหน ฉันไม่สามารถนับได้ 
มันมากเกินไป มากเกินไป แต่มันไม่สำคัญ – ความจริงใจของคุณจะ ขับเคลื่อนสวรรค์และโลก และจะทำให้มัน
เกิดขึ้น ดังนั้นเพียงอธิษฐาน เพียงจริงใจ บูชาพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพเป็น เพียงผู้เดียวที่คุณควรบูชา 
บูชาองค์ผู้สูงสุดซึ่ง เป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ และสรรเสริญด้วย ขอบคุณพระองค์ด้วยที่พระองค์ทรง 
ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ลงมาสู่โลกแห่งความทุกข์ทรมานนี้ เพื่อช่วยเหลือคุณ ถ้าคุณเคยพบกับ
พระองค์หนึ่ง ดังนั้น ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคือ พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า และผู้ที่ปรากฏ บนโลกก่อนหน้านี้ 
คือพระเยซูคริสต์ และพระองค์ทรงเป็นพระบุตร ของพระเจ้าอย่างแท้จริง แต่เราทำอะไรกับพระองค์? โอ้ 
ฉันไม่อยาก คิดแล้ว เพราะฉันจะร้องไห้ ฉันจะรู้สึกแย่มาก
ฉันรู้สึกแย่มากตั้งแต่ ยังเด็กเมื่อได้ยิน เรื่องราวของพระเยซู และฉันก็ร้องไห้อยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งฉันโตขึ้น 
แม้ว่าฉันจะออกไป บรรยายแล้วก็ตาม ทุกครั้งที่ฉันพูดถึง พระเยซูคริสต์ หรือเมื่อมีคนถามถึงเรื่องนี้ 
ฉันก็น้ำตาไหลอีกครั้ง เจ็บปวดมากที่ คนโหดร้าย ไร้หัวใจ ไร้วิญญาณ... โอ้ พระเจ้า... เพื่อทรมาน ผู้ศักดิ์สิทธิ์
เช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาไม่เชื่อ ว่าพระเยซูทรงบริสุทธิ์ แต่ถ้าเป็นเพียงคนธรรมดา คุณไม่ทำอย่างนั้น! พระองค์
ไม่ได้ทำอะไรผิด กับใครเลย แค่สอนมนุษย์ ถึงสิ่งที่แท้จริง และวิธีที่จะเป็นอิสระ ถ้าทุกคนบนโลกฟัง พระเยซู 
พบกับพระเยซูในเวลานั้น ฟังคำสอนทั้งหมดของพระองค์ และปฏิบัติตามนั้น ทุกประเทศก็จะ [มีความ] 
สงบสุขเหมือนสวรรค์ และเราจะมีทุกสิ่ง อย่างมากมาย เราจะไม่มีวันได้รับ ความทุกข์ทรมานใด ๆ ทั้งสิ้น 
และโลกนี้ก็จะกลายเป็น สวรรค์ชั้นยอดในตอนนี้
โอ้ เราช่างเป็น วิญญาณที่โชคร้ายเหลือเกิน โปรดอธิษฐานอย่างสุดกำลังของคุณ ต่อพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ 
เพื่อที่คุณจะได้พบนักบุญท่านหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้า หรือผู้ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา พระบุตร แต่หนึ่ง
ในนักบุญ ระดับที่สี่เช่นกัน ก็สามารถปลดปล่อยคุณได้ เพราะถ้าคุณ อยู่ในระดับที่สี่ คุณจะไม่ ถูกประณาม
อีกเลย เพราะคุณหลุดพ้น ระดับใดก็ตามที่อยู่ เหนือสามโลกเป็นสถานะที่ รับประกันว่าคุณ จะไม่มีวันทนทุกข์
ไม่ต้องเกิดใหม่หรือตาย หรือเจ็บป่วยในโลกที่ต่ำต้อย และทุกข์ทรมานอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้พูดถึงนรก 
คุณจะไม่มีวัน รู้เรื่องนี้อีกต่อไป
จากนั้น คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างช้า ๆ กับปรมาจารย์ที่สูงกว่า และ คุณขึ้นไปถึงระดับที่ห้า ซึ่งเป็นระดับที่รุ่งโรจน์ที่สุด ที่คุณสามารถเข้าถึง ได้จากอาณาจักรทางกายภาพนี้ ระดับอื่น ๆ ระดับที่หก ที่เจ็ด ที่แปด ที่เก้า 
ไม่ใช่สำหรับมนุษย์ – ด้วยคุณภาพและระดับของมนุษย์ ที่จะเข้าถึงหรือมีชีวิตอยู่ได้ ระดับที่ห้ามีความรุ่งโรจน์ 
สวยงาม มีความสุขตลอดไป ตลอดไปแล้ว มีบุญคือวิญญาณของใครก็ตามที่ สามารถติดตามอาจารย์ท่านใด 
เพื่อไปถึงระดับนั้นได้ มันไม่ง่ายเลยแม้แต่ ในร่างกายนี้ ที่แม้แต่จะไปถึงระดับนั้น แต่กับอาจารย์ของคุณ ถ้าเขา
/เธอมาจากระดับที่ห้า หรือถึงระดับ ที่ห้าแล้ว คุณจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน อาจจะไม่ใช่ในทันที แต่อาจารย์
จะพาคุณ ขึ้นไปที่นั่นอย่างช้า ๆ สักวันหนึ่ง หลังจากที่คุณ ออกจากดาวเคราะห์กายภาพดวงนี้
แม้แต่ปรมาจารย์ระดับสี่ คุณควรสรรเสริญ และคุณควรติดตาม และคุณควรจะรู้สึกขอบคุณ และขอบคุณ ในใจ
เสมอถ้าคุณพบสักท่าน แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับ คุณที่จะรู้ว่าใครเป็นใคร เรามีปรมาจารย์ระดับสูง 
เพียงสามท่านบนดาวเคราะห์นี้ และพวกท่านจะไม่ดูเหมือน อย่างที่คุณคาดหวัง พวกท่านไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 
ศาสนาใด ๆ หรือโบสถ์ หรือวัดที่มีชื่อเสียง หรือองค์กรทางศาสนาใด ๆ เมื่อโชคดีเท่านั้นที่ คุณจะได้เจอ
พวกท่าน โปรดอธิษฐานเพื่อสิ่งนั้น ไม่มีอะไรอีกแล้ว อธิษฐานเพื่อสิ่งนั้น เพราะนั่นคือหลักประกัน สำหรับการ
หลุดพ้นตลอดกาลของคุณ ไปสู่ชีวิตหลังความตาย อันแสนสุขและโลกมหัศจรรย์ ที่จะรอคุณอยู่ หากคุณมี
อาจารย์เช่นนี้ นั่นย่อมเป็นความหลุดพ้นอย่างแน่นอน
สิ่งอื่นใดที่ คุณอาจปรารถนา คุณอาจอธิษฐาน คุณอาจหวัง แต่ปราศจากอาจารย์ นักบุญและนักปราชญ์จาก 
ระดับที่สี่หรือจากระดับที่ห้า คุณจะไม่มี "หลักประกัน" นี้ คุณอาจไปถึงสวรรค์ ที่สูงกว่า เช่น อาจจะเป็น
โลกทิพย์ แล้วจึงไปถึงระดับที่สอง หรือระดับพระพรหม แต่นั่นจะหมุนเวียน คุณกลับไปกลับมาสู่ ดินแดน
ทางกายภาพและ คุณอาจล้มอีกครั้ง แม้แต่คน ที่มีบุญเพียงพอ ในชีวิตบนโลกนี้ และอุบัติเหตุบางอย่าง
ก็นำพวกเขา ไปสู่ระดับโลกทิพย์ พวกเขาก็รู้สึกถึงความรัก อันยิ่งใหญ่แล้ว พวกเขาพบกับนักบุญ 
และนักปราชญ์ที่นั่นและ พบกับคนที่ดูเหมือน พระเยซู หรืออาจเป็น การปรากฏของพระเยซู บนดาวดวงนั้น
สำหรับ พวกเขา และพวกเขา รู้สึกถึงความรัก อันยิ่งใหญ่อย่างที่ ไม่เคยมีมาก่อนบนโลกนี้
นั่นคือสาเหตุที่ผู้คน ที่เรียกว่าตายในช่วงสั้น ๆ และไปสวรรค์ – แม้แต่สวรรค์ระดับโลกทิพย์ – พวกเขามีผาสุก
มาก มีความสุขมาก พวกเขาไม่ต้องการกลับมา ยังดาวเคราะห์นี้อีกเลย ฉันไม่ตำหนิพวกเขา ไม่มีสิ่งใดที่นี่
สามารถ เปรียบเทียบกับสิ่งนั้นได้ แม้แต่สวรรค์ระดับโลกทิพย์ที่สูง – เนื่องจากบุญของพวกเขาในอดีต
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขา จะได้รับการหลุดพ้นตลอดไป มันเป็นไปได้ถ้าในชาติที่แล้ว พวกเขาทำความ
ดีหรือได้ พบอาจารย์ที่ดี แล้ว บุญนั้นก็จะ ติดตามพวกเขามา แล้วอาจารย์คนนั้นจะทักทายพวกเขา อีกครั้ง
ในระดับโลกทิพย์ และสอนพวกเขามากขึ้น เรื่อย ๆ จนกระทั่งพวกเขา ไปถึงระดับความสำเร็จ ทางจิตวิญญาณ
ขั้นสูงกว่า ที่ได้รับการหลุดพ้น
จริง ๆ แล้ว อาจารย์ผู้มีชีวิตอยู่ย่อมเป็นหลักประกัน ที่แน่นอนสำหรับคุณ ฉันจึงขออธิษฐานเผื่อพวกคุณทุกคน 
ถ้าคุณอยากกลับบ้าน ถ้าคุณต้องการหลุดพ้นโลกที่ ทุกข์ทรมานนี้ตลอดไปอย่างแท้จริง คุณต้องหาอาจารย์ – 
อาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่คนที่จาก ไปสวรรค์แล้ว เพราะพลังจิตวิญญาณของพวกท่าน ไม่อยู่บนดาวเคราะห์
ของเราแล้ว ถ้าพวกท่านจากโลกกายภาพนี้ ไปนานแล้ว
อาจารย์คนล่าสุด เป็นไปได้ ถ้าพวกท่านออกจาก ดาวเคราะห์ทางกายภาพของเรา ไปประมาณสองร้อยปีก่อน 
ไม่มากก็น้อย บางทีเรายัง สามารถสืบทอดพลังงาน พลังทางจิตวิญญาณของพวกท่านได้ และเรายังคง
อธิษฐานต่อพวกท่านได้ และพวกท่านยังสามารถ ช่วยเราได้ ผ่านการเชื่อมต่อของ พลังงานทางจิตวิญญาณ 
ที่เหลืออยู่บนโลกหรือ ผ่านทางสาวกของพระองค์ ถ้าสาวกเหล่านั้น อยู่ในพลังงาน ของอาจารย์แล้ว มิฉะนั้น 
ถ้าอาจารย์ท่านใด จากไปนานเกินไปและขึ้นสู่ สวรรค์ที่สูงกว่าแล้ว พวกท่านก็จะไม่เชื่อมต่อกับเรา พวกท่านไม่สามารถให้การประทับจิต และการหลุดพ้นโดยสิ้นเชิงแก่เรา จะต้องหาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อการนั้น 
เรายังคงสรรเสริญพวกท่าน ขอบคุณพวกท่าน และ สรรเสริญพวกท่านได้ แต่ก็ไม่แน่นอนเท่ากับ ถ้าคุณพบ
อาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่
ดังนั้นโปรดมองหา อธิษฐานและมองหาเพื่อตัวเอง ฉันไม่ได้พยายาม ที่จะโฆษณาอะไร ฉันแค่พูดอะไรออกไป
เพียง เพื่อประโยชน์ของคุณเอง แน่นอนว่าประตูของฉันยังเปิดอยู่ สำหรับพวกคุณทุกคน ที่ไว้วางใจ เชื่อ และ 
ขอความช่วยเหลือจากฉันอย่างจริงใจ ฉันสัญญาว่าฉันจะช่วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณต้องตามหาฉัน 
คุณสามารถหาอาจารย์คนใดก็ได้ พยายามสวดภาวนาอย่างจริงใจ แล้วอาจารย์จะพบคุณ ก็จะหาคุณเจอ 
หรือคุณจะมีคำใบ้ หรือหนังสือ หรือความเชื่อมโยงบางอย่าง ข้อมูลบางอย่างที่คุณจะรู้ ว่าที่พระเจ้าส่งมานี้ 
เพื่อให้คุณพบอาจารย์ท่านนั้น ผ่านทางความเชื่อมโยงนั้น หรือผ่านหนังสือเล่มนั้น หรือผ่านวิธีใดก็ตามที่ 
คุณอาจพบ 
ฉันขออวยพรให้คุณโชคดี ในพระคุณแห่งจิตวิญญาณ ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ของพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า และของนักบุญและนักปราชญ์ ทุกคนที่เสด็จขึ้นสู่สวรรค์เมื่อเร็ว ๆ นี้ และนักบุญและนักปราชญ์ ที่ยังมี
ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันของเรา อาเมน ขอพระเจ้าคุ้มครองคุณจนกว่าจะถึงตอนนั้น ขอพระเจ้าเมตตาคุณจนถึง
ตอนนั้น ขอให้พระเจ้าอวยพร และรักคุณตลอดไป อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงตอนนั้น อาเมน ฉันรักพวกคุณทุกคน 
ในนามของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ
นำมาจาก www.suprememastertv.com
Be Vegan Meake Peace
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ