1 สิงหาคม 2558 00:10 น.
คีตากะ
โอ้แม่กลองสายน้ำแห่งความหลัง
มิเคยยั้งหยุดไหลใคร่ขอถาม
เหนื่อยบ้างไหมไหลรินทุกถิ่นคาม
หลากหลายความเปลี่ยนแปลงแจ้งแก่ใจ
บทเพลงรักแม่กลองยังก้องอยู่
สายน้ำคู่ชีวินยังรินไหล
ก่อตำนานหวานขมตรอมตรมใจ
จมอยู่ใต้สายธารมานานนม
มองสายน้ำราบเรียบยะเยียบจิต
ซ่อนชีวิตบางมุมลุ่มลึกถม
สะท้อนเงาเค้ารางร่างจ่อมจม
จากโคลนตมสู่อากาศซัดสาดไป
ยังได้ยินแม่กลองร้องเพลงรัก
แจ้งประจักษ์ทุกยามความสดใส
สองฟากฝั่งยังคุ้นอุ่นละไม
เคยเลียบไล่ริมฝั่งยังจดจำ
บัดนี้คงไกลห่างทางชีวิต
พรหมลิขิตขีดวาดอาจถลำ
ต้องลาไกลแม่กลองท่องลำนำ
เหลือเพียงความทรงจำลำแม่กลอง....
1 สิงหาคม 2558 00:12 น.
คีตากะ
พิรุณพรำอำลาจนซาแล้ว
เสียงขลุ่ยแว่วแผ่วมาน้ำตาไหล
ลำน้ำยมพรมพลิ้วปลิวละอองไอ
น้ำเหนือไหลดั่งน้ำตาข้าหลั่งริน
จอดแพลอยคอยน้องจนร้องไห้
ฟ้าจวนใกล้รุ่งสางนางบ่ายผิน
ริมธาราพิษณุโลกโศกชีวิน
รอยุพินจนหนาวร้าวอุรา
สวรรค์สาปบาบซ้ำเคราะห์กรรมซัด
น้องผิดนัดไร้เงาเศร้าหนักหนา
พี่คอยเก้อชะเง้อชะแง้แต่ไม่มา
โอ้กานดาไปไหนใยลืมกัน
วอนหลวงพ่อขอช่วยอวยพรให้
ดลจิตใจคนสวยช่วยกลับหัน
พระพุทธชินราชโลกนาทอนันต์
พาแจ่มจันทร์มาพบประสพเจอ
ยืนหนาวเหน็บเจ็บใจใต้ทองกวาว
มองแต่สาวคิดถึงจึงพร่ำเพ้อ
น้ำตาพรากจากลาพาละเมอ
ด้วยเพราะเธอลวงหลอกกลับกลอกคำ
1 สิงหาคม 2558 00:19 น.
คีตากะ
เมื่อเวลากระชั้นชิดตามติดหลัง
ริมฟากฝั่งเรือลำน้อยลอยน้ำใส
จอดลำลอยคอยท่าเตรียมลาไกล
สู่ทะเลกว้างใหญ่ไม่หวนคืน
ฟากฝั่งนี้มีถนนระคนเศร้า
ท้องทุ่งแห่งความเหงาเฝ้าทนฝืน
มีสายน้ำจำพรากจากวันคืน
ป่าดาษดื่นความหวังกำลังงาม
ดอกไม้หนึ่งสีสวยระรวยกลิ่น
ผึ้งโบยบินเริงร่ายพรายล้นหลาม
เจ้าท้าทายสายลมโน้มกิ่งงาม
เพียรไถ่ถามหารักเฝ้าทักทาย
ฟากฝั่งโน้นนั้นไกลจากใจหมอง
ดินสีทองปราศราตรีสุรีย์ฉาย
มีเพียงสุขทุกข์สิ้นถิ่นไม่ตาย
เสียงดนตรีมิขาดสายร่ายลำนำ
แม้สายลมจะเร่งเร้าเฝ้าร้องบอก
เรือใกล้ออกจากท่าอย่าถลำ
แต่หัวใจไหวหวั่นอันน้ำคำ
ยังดื่มด่ำความรักสลักทรวง
หมายพาเจ้าก้าวข้ามความขื่นขม
สิ้นตรอมตรมถมจิตรคิดห่วงหวง
เผยความจริงทิ้งบาดแผลแค่ลมลวง
หลุดพ้นบ่วงความเศร้ากร่อนเผาใจ
ก่อนเวลาจะหมดลง ณ ตรงนี้
ที่ราตรีเยี่ยมเยือนเลือนหลับใหล
จะจับมือถือมั่นชวนกันไป
ฤาโบกมือลาไกลให้แก่กัน...........
1 สิงหาคม 2558 00:22 น.
คีตากะ
เพียงรับรู้ว่าฉันนั้นห่วงใย...
เพราะอยากให้ไม่หวังครองปองสิ่งไหน
ขอคำนึงซึ้งจิตคิดฝากใจ
เพียงอยากให้เธอเป็นสุขสิ้นทุกข์ระทม
เธอคนดีเป็นที่รักยากนักหา....
ถึงชอกช้ำผ่านมาพาขื่นขม
จะพาเธอโบยบินสิ้นตรอมตรม
ทอดกายล้มเป็นสะพานให้ผ่านไป
ยามเธอทุกข์ระทมฉันตรมกว่า
คราน้ำตาหล่นล่วงดวงใจไหว
วันเธอเศร้าฉันเหงาหงอยพลอยเปลี่ยนไป
เจ็บปวดใจยิ่งกว่าแสนอาทร
หาใช่เป็นคนดีที่ควรรัก....
คงจมปลักความเศร้าเฝ้าทอดถอน
ยังเปล่าเปลี่ยวเดียวดายหน่ายอาวรณ์
กลั่นบทกลอนปลอบใจไปวันวัน.....
ในสายตาของคนอื่นฉันเป็นแค่ตัวตลก
ที่มักถูกหลอกไปวันวันไม่เคยพบกระทั่งคนจริงใจ
ทุกคนสวมใส่หน้ากากบนใบหน้าตัวเอง
ฉันเป็นแค่คนโง่ที่เดินผ่านมา
และร้องทักพวกเขาว่า ทำไมเธอต้อง
สวมหน้ากากหนังไว้บนใบหน้าด้วย
ทำไมไม่เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา
รับความงามของท้องทุ่งและแสงตะวัน
และมันจะไม่สบายกว่าหรอกหรือ
ที่จะไม่ต้องมีภาระกับหน้ากากใบนี้
ฉันรู้สึกเป็นทุกข์กับพวกเขา
และรู้สึกได้ถึงภาระของหน้ากากอันนี้
เพราะครั้งหนึ่งฉันก็เคยมีมัน
แต่ฉันได้เพียรพยายามที่จะถอดมันมาตลอดชีวิต
ฉันจึงรู้จักมันดี แต่น่าเสียดาย
ที่ไม่มีใครอยากจะฟังในสิ่งที่ฉันพูด
ด้วยความปรารถนาดี ในฐานะเพื่อนร่วมโลก
ทุกคนจึงยังคงสุขและเศร้า ด้วยความจริงจังอะไรแบบนั้น
ทั้งที่มันเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น
มันจะเกิดอะไรขึ้นเล่าถ้าวันหนึ่งชีวิตจะสิ้นสุดลง
และต้องถอดหน้ากากนี้ออกมาอยู่ดี
ทำไมไม่ถอดเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนเล่า เพื่อความผ่อนคลาย
ด้วยเหตุนั้น ฉันจึงได้กลายเป็นคนแปลกประหลาด
และถูกตราหน้าว่าเป็นคนบ้ามาจนตราบเท่าทุกวันนี้
เมื่อเธอเห็นว่าหน้ากากนี้มันเป็นภาระ และร่ำร้อง
ฉันจึงแนะนำให้เธอถอดมัน และเธอก็ถอด
เธอจึงพบกับควมสุขและความหวังอีกครั้งหนึ่ง
ไม่ใช่ฉันหรือใคร แต่คือเธอเองเป็นคนถอดมันทิ้งเอง
ดังนั้น นับแต่นี้ต่อไปเธอกับฉันก็เลยกลายเป็นคนบ้า
เพราะเบื้องหลังหน้ากากใบนั้นจะเป็นอะไรได้
นอกจากสิ่งที่เธอเคยเป็นมาก่อนแล้วในอดีต
ก่อนที่จะเกิดโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ...นั่นคือ...ความรักที่บริสุทธิ์....อิอิอิ