12 เมษายน 2556 21:53 น.
คีตากะ
แปดในสิบชาวนาเสียค่าเช่า
ที่นาเขาเหมาทำจำหม่นหมอง
ทั้งนาปีนาปรังกี่ครั้งลอง
ข้าวเนืองนองสู่ตลาดเลี้ยงชาติไทย
ทั้งเกี่ยวไถใช้เครื่องยนต์ต้นทุนมาก
เชื้อเพลิงจากน้ำมันทำสั่นไหว
ยังค่าปุ๋ยค่ายามาแพงไว
นานวันไปยิ่งเพิ่มเริ่มดื้อยา
ภัยแล้งมาพาเสียเพลี้ยระบาด
ยังประกาศน้ำน้อยให้คอยท่า
ทั้งต้นดอกออกผลล้นอุรา
ไม่ลงกล้าหรือจะรอดปลอดหนี้สิน
ผ่านร้อนแล้งนาล่มทั้งจมน้ำ
ราคาต่ำตามมาพาถวิล
ข้าวดีน้อยเสียมากจากยลยิน
จะซื้อกินยังยากข้าวหมากแพง
ข้าวสารขึ้นราคาจนลาลับ
ข้าวเปลือกกลับตกต่ำทำแอบแฝง
วอนรัฐช่วยคุมตลาดอาจเคลือบแคลง
เลห์กลแห่งการค้าชาวนางง
รับจำนองจำนำทำประกัน
ข้าวกี่ตันแก้ไขอย่าได้หลง
ก่อนดินร้างว่างเปล่าชาวนาปลง
ชาติไทยคงซื้อข้าวเขาเอามากิน
วันนี้อาจถูกกว่าราคาข้าว
ของชนชาวต่างแดนทั่วแคว้นถิ่น
หากซื้อเขาเอามาน้ำตาริน
อาจสูญสิ้นชาวนาประชาไทย
วันหน้าเป็นอย่างไรใครจะรู้
หากเขาจู่ขึ้นราคาทำตาใส
กินข้าวแพงแข่งน้ำมันคงบรรลัย
เงินตราไหลออกนอกช้ำชอกนาน
แก้พื้นฐานการเกษตรเหตุสร้างชาติ
อย่าเป็นทาสใครเขาเราร้าวฉาน
หลงอำนาจเงินตรามายามาร
ข้าวอาหารของจริงสิ่งจำเป็นฯ
12 เมษายน 2556 21:53 น.
คีตากะ
เขาเป็นคนมีสีชนหนีหน้า
เกลือกกายาข้างถนนคล้ำหม่นสี
ลืมอาบน้ำนานมากว่าหลายปี
ตัวดำปี๋สีเข้มเต็มร่างกาย
เขาเป็นคนเสื้อขาดปราศพวกพ้อง
ใครพบต้องหลีกหนีลี้หลบหาย
ใส่เสื้อเดียวทั้งชีวิตปกปิดกาย
ไม่เล่นฝ่ายเล่นพรรครักเป็นกลาง
เขาเป็นคนมีสิทธิ์คิดใช้เสียง
ปากเป่าเพียงนกหวีดกรีดเสียงสร้าง
อยู่สี่แยกไฟแดงชนแคลงคลาง
นอนเกาะกลางถนนไม่สนใคร
เขาเป็นคนโปร่งใสไม่ฉ้อฉล
เดินพร่ำบ่นคนเดียวมิเหลวใหล
มิเคยกินสินบนจากคนใด
ทำงานให้ฟรีเปล่าไม่เอาเงิน
เขาเป็นคนต่อสู้ไม่อยู่นิ่ง
กลางวันวิ่งวุ่นไปใจขัดเขิน
กลางคืนนั่งนับดาวพราวเพริศเพลิน
สายตาเมินโลกหล้าพาเลื่อนลอย
เขาเป็นคนว่างเปล่าดูเหงาเงียบ
ตาเย็นเยียบพิกลจนเหงาหงอย
ปล่อยวางโลกโศกสุขทุกเรื่องรอย
วันวันคอยคุ้ยขยะละโลกีย์
12 เมษายน 2556 21:54 น.
คีตากะ
เมื่อทะเลเดือดดาลย้อมฉานเลือด
ไม่แห้งเหือดจางไปในละหาน
ทั้งโลมาปลาฉลามตามด้วยวาฬ
ถูกสังหารก่ายกองนองนที
ทิ้งซากกายร้อยพันเขาบั่นร่าง
จำวายวางดับลงคงหมองศรี
จากมนุษย์สุดสามานย์ผลาญชีวี
อ้างวจีสุดไพเราะเพราะวิจัย
วาฬมากมายถูกล่าคร่าชีวิต
เพียงเดือนปลิดนับร้อยพลอยสงสัย
แล่เนื้อหนังชั่งขายหมายกำไร
หรือวิจัยกันแน่แค่คุยโว
แฮมเบอร์เกอร์ไส้วาฬประจานอยู่
อีกเมนูหูฉลามชามใหญ่โข
ลูกค้ารอขอชิมลิ้มปลาโต
ความฉาวโฉ่โด่งดังทั้งโลกา
อุตสาหกรรมล้ำหน้าเมืองปลาดิบ
แต่ไกลลิบศีลธรรมทำมุสา
หลงรสชาติขาดจิตคิดเมตตา
วิจัยปลาไม่ช้าจะหมดทะเล....
12 เมษายน 2556 21:55 น.
คีตากะ
เมื่อภัยแล้ง...มาถึง...ครึ่งประเทศ
เกิดอาเพศ...ทั่วแคว้น...แดนสยาม
น้ำขอดแห้ง...แล้งมา...พาลุกลาม
ข้าวเคยงาม...พลันเฉา...ต้องเผานา
ฝนตกน้อย...น้ำร่อยหรอ...ไม่พอใช้
เขื่อนแห่งใหญ่...เหลือน้ำน้อย...คอยผวา
อาจปลายปี...ไม่มีน้ำ...ใช้ทำนา
ยิ่งหนักหนา...สาหัส...ขัดสนนาน
ฤดูกาล...ผันแปร...ไม่แน่นอน
เหตุโลกร้อน...ขึ้นมาก...จากหลักฐาน
สายน้ำอุ่น...หมุนเปลี่ยนทิศ...พิศดาร
แล้งยาวนาน...กว่าทุกปี...ที่ผ่านมา
วิกฤติน้ำ...ทำพิษ...โขงผิดแปลก
น้ำแข็งแตก...ละลาย...กรายจากผา
สู่ทะเล...เร็วนัก...ประจักษ์ตา
น้ำเคยบ่า...เหลือเนินทราย...เหือดหายชล
องศาเดือด...เหือดแห้ง...ทุกแหล่งน้ำ
พายุซ้ำ...เศษบ้านเรือน...เกลื่อนถนน
เหตุลมใต้..ไปเจอเหนือ...เมื่อมาชน
พายุฝน...ยิ่งรุนแรง...แฝงพลัง
แผ่นน้ำแข็ง...ขั้วโลก...วิโยคหนัก
เริ่มแตกหัก...ละลาย...คล้ายหมดหวัง
น้ำจืดหาย...กลายทะเล...เร่งเพพัง
เมืองชายฝั่ง...อันตราย...หาดทรายจม
อากาศร้อน...นอนไม่หลับ...กระสับกระส่าย
จ้องทำลาย...ล้างผลาญ...พาลผสม
ความขัดแย้ง...ยิ่งรุนแรง...แหนงอารมณ์
ก่อเกิดปม...สงคราม...อาจตามมา
เสียพืชผล...มากมาย...ร่างกายแย่
โลกร้อนแพร่...โรคภัย...ให้รักษา
เกลื่อนโรงหมอ...รอนั่ง...ยังหนาตา
เสียค่ายา...แสนแพง...แข่งทำเงิน
เพราะสร้างฟาร์ม...ทำทุ่งหญ้า...ถางป่าหมด
แข่งซื้อรถ...วิ่งแซง...แข่งเหาะเหิน
แข่งสบาย...ใช้น้ำไฟ...ไปมากเกิน
พาโลกเดิน...สู่เหว...ล้มเหลวชน
อากาศปน...มลพิษ...เลยปิดกั้น
ความร้อนอัน...สะท้อนไป....ในเวหน
ถูกกักไว้...ในโลกหล้า...พาร้อนลน
ก่อเกิดผล...เรือนกระจก...ตกอบาย
ท้ายที่สุด...ทะเลทราย...กล้ำกรายโลก
ต้องทุกข์โศก...ยิ่งแสน...แทนเหลือหลาย
น้ำเค็มรุก...บุกแผ่นดิน...ถิ่นเกิดกาย
ทั้งพืชสัตว์...มากมาย...กลายสูญพันธุ์
หนทางแก้...แค่ลดฟาร์ม...ห้ามฆ่าสัตว์
แล้วเร่งรัด...ปลูกต้นไม้...ใจสร้างสรรค์
.ใช้พลังงาน...แบบยั่งยืน...รีบตื่นพลัน
ก่อนโลกอัน...สดสวย...ต้องม้วยมรณ์