12 เมษายน 2556 22:25 น.
คีตากะ
ดั่งตำนานเหลือเชื่อเมื่อประสบ
ยุทธภพสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไหว
ฟ้าครวญคร่ำดินร่ำพร่ำอาลัย
ชวนร่ำไห้โศกายิ่งอาดูร
พญาหงส์เหินหาวราวเทพสร้าง
นารายณ์ปางอวตารปานไอศูรย์
แห่งพรหมินทร์สถิตพิศจำรูญ
ยอดประยูรปักษามาสู่ดิน
พบมังกรเลิศฤทธิ์สถิตหล้า
บำเพ็ญภาวนาบนบ่าศิขริน
สัประยุทธิ์สรรพเวทเหตุผิดจินต์
ยังแผ่นดินป่วนปั่นสุดพรรณา
เจ็ดทิวาราตรีหามีพ่าย
จำพักกายสงบศึกฝึกคาถา
หมายชิงชัยชำนะจะกลับมา
สิบหกปีกาลหน้ามาสบเจอ
ครบกำหนดนัดหมายคล้ายโกหก
แค้นแน่นอกสุมนานลาญเสมอ
หงส์ร่อนมังกรทะยานพานพบเจอ
กลับล้นเอ่อน้ำใจยิ่งไมตรี
มาตรแม้นวิชายุทธ์สุดล้ำเลิศ
แต่รักเกิดภายจินต์สิ้นหมองศรี
ลืมความแค้นก่อนนั้นอันเคยมี
วันเดือนปีขัดเกลาความเขลาคลาย
จอมอสูรมารร้ายกลายทราบเรื่อง
คิดปลดเปลื้องชีวาตม์พิฆาตหมาย
มันยกพลแสนหมื่นยื่นความตาย
เยื้องย่างกรายสิงขรจรเร็วไว
ด้วยอานุภาพแห่งรักเกินจักเปรียบ
มารสิ้นเรียบชั่วคืนยากขืนไหว
จอมอสูรถูกคร่าชีวาไป
ปฐพีไซร้ศานติรักผลิบาน......
บุญคุณความแค้นยากสะสาง !
วรยุทธ์สุดเลิศล้ำไร้ต่อต้าน ฤาอาจทานความรักสมัครสมาน.....
หมายเหตุ : หงส์ร่อนมังกรทะยาน ภาคพิสดาร เป็นภาคต่อจากเรื่องหงส์เหนือมังกร ตอนโอเลี้ยง
12 เมษายน 2556 22:26 น.
คีตากะ
ชายหนึ่งขี่มอเตอร์ไซด์ขับไปถึง
สะพานซึ่งข้ามน้ำลำละหาน
เห็นมันพังขาดหักชักรำคาญ
เขาพบพานเด็กหนึ่งจึงเอ่ยความ
เด็กน้อยเอ๋ย! ธารนั้นมันลึกไหม?
เด็กตอบไปทันทีที่ชายถาม
ไม่ลึกหรอก ! บอกเอ่ยเฉลยความ
ขี่รถข้ามไปได้ไม่กังวล
ชายจึงขี่รถข้ามตามเด็กอ้าง
มาถึงกลางธาราพาฉงน
สายนทีท่วมถึงซึ่งคอตน
พลันร้องบ่นเด็กน้อยถ้อยพาที
เจ้าเด็กเอ๋ย ! ไยเจ้าล้อเราเล่น
หรือหมายเข่นทำร้ายกลายเป็นผี
หากเราไปไมช้าจมวารี
สิ้นชีวีในน้ำลำธารา
เด็กทำหน้างุนงงแสนสงสัย
เกาหัวไปพลางพลางอย่างกังขา
แล้วจึงตอบชายไปในวาจา
ไร้เดียงสาความเยาว์เล่าพจมาน
น่าแปลกจัง ! วันก่อนตอนฉันเห็น
เป็ดหนึ่งเล่นลงว่ายสายละหาน
สายชลท่วมเพียงไหล่ในท้องธาร
มันสำราญแหวกว่ายสายวาริน !
12 เมษายน 2556 22:27 น.
คีตากะ
หากรักฉันแล้วทุกข์สิ้นสุขสันต์
ทนจาบัลย์นานมาพาหวั่นไหว
ขอจงเก็บความรักหนักหทัย
เดินจากไปดีกว่าอย่าตรอมตรม
หากฉันสิ้นบทเรียนเธอเพียรรู้
จะทนอยู่เพื่อใครให้ขื่นขม
ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ใจชื่นชม
ร้าวระทมต่อไปทำไมกัน
หากฉันสิ้นคุณค่าราคาต่ำ
มิอาจทำเธอแจ้งแห่งสุขสันต์
โปรดอย่าทนทรมานเนิ่นนานวัน
ก้าวสู่ฝันแห่งเธออย่าเพ้อครวญ
หากความรักแห่งฉันมันด้อยค่า
แปลกเกินกว่าเข้าใจไม่หอมหวล
เธอต้องหมั่นพินิจคิดทบทวน
ทนคร่ำครวญอยู่ไยไปจากกัน
เพราะฉันมิใช่ฉันอันเธอคิด
ยากเกินจิตแห่งเธอจะเพ้อฝัน
แต่สิ่งหนึ่งไม่เปลี่ยนแม้เวียนวัน
นั่นคือฉันรักเธอเสมอไป
12 เมษายน 2556 22:28 น.
คีตากะ
ตื่นเถิด ! พระศรีอารย์
วันอวสานจวนใกล้ไยหลับใหล
ฟ้าจะสิ้นดินจะครวญป่วนอาลัย
โลกเข้าใกล้กลียุคทุกข์คณา
ตื่นเถิด ! พระศรีอารย์
ลืมปณิธานแล้วฤาหรือไรหนา
ครั้งเคยรับพจนารถพระศาสดา
จะปกป้องศาสนารักษาธรรม์
ตื่นเถิด ! พระศรีอารย์
พุทธสถานรอท่าอย่าเหหัน
หลังคารั่วผนังทรุดสุดจาบัลย์
คอยพระนั้นซ่อมสร้างอย่าร้างลา
ตื่นเถิด ! พระศรีอารย์
พุทธกาลก้าวถึงกึ่งศาสนา
รอพระสืบพระสานเนิ่นนานมา
ถึงเวลาพระโปรดชี้โทษภัย
ตื่นเถิด ! พระศรีอารย์
เหล่าหมู่มารเริงรำทำเหลวใหล
รอพระข่มพระปราบกำราบไกล
ยังธรรมให้พิสุทธิ์ดุจมณี
ตื่นเถิด ! พระศรีอารย์
บาปเคราะห์พาลรานรุกสิ้นสุขศรี
ชนมัวเมาอบายมุขทุกข์ทวี
รอพระนี้บำบัดขจัดภัย
ตื่นเถิด ! พระศรีอารย์
ท่องสราญแห่งหนตำบลไหน
ลืมสยามแดนเก่าเราหรือไร
จึงหลับใหลลืมตื่นคืนพารา
12 เมษายน 2556 21:30 น.
คีตากะ
ณ โมงยามเงียบสงัดแห่งรัตติ
ความมืดผลิกลีบพราวราวมนต์ขลัง
ยามครึ่งตื่นครึ่งหลับกับภวังค์
ฉันได้ฟังอัตตาฉันพาที
อัตตาหนึ่ง เริ่มกล่าวราวทุกข์หนัก
ฉันจมปลักอยู่ไปไม่อาจหนี
ในร่างแห่งชายบ้ามานานปี
สุดเหลือทนเต็มทีทุกวี่วัน
ยามทิวาคอยสร้างทางเจ็บปวด
ความร้าวรวดแก่เขาเล่าคือฉัน
ยามราตรีสร้างโศกวิโยคอัน
ทุกวารวันฉันเบื่อเหลือจะทน
อัตตาสอง เผยวจีพี่ชายเอ๋ย!
ท่านไม่เคยเป็นฉันนั้นสักหน
หน้าที่ฉันเอือมระอาเกินกว่าทน
เป็นตัวตนความยินดีนานปีมา
ฉันต้องคอยหัวเราะก็เพราะเขา
เคียงคอยเฝ้าร้องเพลงเปล่งภาษา
เริงรำตามความคิดจินตนา
ของชายบ้ายามสุขสนุกไป
อัตตาสาม เอ่ยพลันแล้วฉันล่ะ!
ผู้คอยจะถูกความรักมักขับไส
ตามแรงปรารถนาจะพาไป
ลุกมอดไหม้ด้วยเพลิงเริงโลกีย์
ฉันเป็นไฟหื่นกระหายพรายแรงร้อน
เป็นฟืนฟอนสุมไข้รักสลักสี
สร้างรอยตรามายมากฝากชีวี
ถึงคราวที่ฉันขัดขืนมิฝืนทน
อัตตาสี่ เอื้อนเอ่ยว่าเฮ้ยสหาย!
ท่านทั้งหลายฤาเทียบเปรียบเหตุผล
ฉันเองหนอทรมานสุดทานทน
ได้ยินยลเพียงคำด่าว่าประนาม
ฉันได้รับเพียงเกลียดชังและรังเกียจ
ถูกยัดเยียดตัวตนทนหมิ่นหยาม
ราวพายุโลกันตร์อันเลวทราม
ฉันถึงยามแข็งข้อพอเสียที
อัตตาห้า ว่าพลันฉันต่างหาก!
แสนลำบากกว่าใครให้บัดสี
เป็นตัวตนแห่งความคิดจิตจรลี
ล้วนเต็มปรี่ด้วยถวิลจินตนาการ
ท่องเที่ยวไปไม่หยุดดุจต้องโทษ
วิ่งแล่นโลดแสวงหาพาร้าวฉาน
หิวกระหายสิ่งใหม่ในห้วงกาล
ฉันจึงพาลคิดขบถเกินอดทน
อัตตาหก พจนาว่าตัวฉัน!
ต้องคอยปั้นวันวารสืบสานผล
เป็นรูปรอยรูปร่างอย่างอดทน
สร้างตัวตนอันใหม่ให้นิรันดร์
ฉันเป็นดั่งตัวตนคนงานสร้าง
ธาตุไร้รูปปั้นร่างคอยสร้างสรรค์
แสนเปล่าเปลี่ยวน่าสมเพชสังเวชอัน
ถึงคราฉันจะต่อต้านงานบ้าบอ
อัตตาเจ็ด เอ่ยว่าน่าแปลกนัก!
พวกท่านจักคิดอ่านต้านทานหนอ
ฝืนชายบ้าผู้นี้คิดรีรอ
ทั้งต่างก็มีงานสืบสานไป
แต่ฉันสิอยากเป็นเช่นพวกท่าน
ตัวตนฉันปราศงานจะขานไข
เปล่าประโยชน์เปล่าว่างร้างสิ่งใด
นั่งเบื้อใบ้ไร้ที่ทางไร้เวลา
ขณะท่านยุ่งกับงานสานชีวิต
ถูกลิขิตกำหนดไว้ไม่กังขา
ฉันกลับไร้งานทำจะนำพา
เพื่อนเอ๋ย! ใครกันหนาน่าต่อต้าน
อัตตาเจ็ดแถลงไขไปดังนั้น
อัตตาอื่นมองมันพลันสงสาร
แต่ปราศถ้อยร้อยรจพจมาน
ราตรีกาลดึกคล้อยม่อยหลับลง
เหล่าอัตตาทยอยหลับต่างลับล่วง
จำนนห้วงแห่งใหม่ในพิศวง
ล้วนเป็นสุขนิทราพาปลดปลง
ทั้งหกคงหลับใหลไปตามกาล
แต่อัตตาเจ็ดยังนั่งจับจ้อง
มันเฝ้ามองความว่างร้างสัณฐาน
เบื้องหลังสรรพสิ่งอยู่นิ่งนาน
จนล่วงกาลยังเห็นเป็นเช่นนั้น....