12 เมษายน 2556 22:16 น.
คีตากะ
ฉันมายืนรอเธอเอ่อความหวัง
เหมือนทุกครั้งผ่านมาเพลาสาย
ตรงทางแยกที่เก่าเฝ้าเดียวดาย
เพียงมุ่งหมายพานพบสบสายตา
ฉันมารอคอยเธอละเมอฝัน
ทุกวารวันนานเนาเฝ้าคอยหา
เคยนัดหมายผูกพันกันนานมา
บนถนนเหว่ว้าแสนล้าอ่อน
ฉันมาคอยอยู่นานกาลผ่านพ้น
พบเพียงคนแปลกหน้ามาสลอน
รถราวิ่งสับสนบนทางจร
สายลมอ่อนพลิ้วมาอุราป่วน
ฉันมาคอยเธอนี้ตรงที่เก่า
บนโลกเหงาเอกาพากำสรวล
หมายพาเธอก้าวข้ามความแปรปรวน
พ้นหมู่มวลมายาพาโศกี
ฉันมารอเธอนั้นอย่างมั่นหมาย
ด้วยความรักมากมายพรายสุขศรี
เหลียวแลหารอบกายนับหลายปี
แต่หามีเงาเธอจึงเพ้อครวญ....
12 เมษายน 2556 22:16 น.
คีตากะ
ขอคารวะความรัก...สักหมื่นครั้ง
ที่คงยังยิ่งใหญ่ไม่เสื่อมสลาย
ผ่านพิสูจน์ทรหดบทมากมาย
เคี่ยวครำใจหลากหลายจนพรายเพริศ
ขอคารวะความรัก...แทนสักขี
คุณความดีทั่วหล้าพาก่อเกิด
เพราะมีรักจึ่งอภัยไม่ระเมิด
สิ่งประเสริฐทั้งหลายกลายงอกงาม
ขอคารวะความรัก...แม้นมักเศร้า
เพียงเพราะเขลาหลงไปใจหวิวหวาม
เกลาดวงจิตเจิดจ้าสง่างาม
กลับสู่ความรักแท้แม้เดียวดาย
ขอคารวะความรัก...ช่วยสลักเสลา
สู่ว่างเปล่าเบาบางสว่างฉาย
ดั่งจันทร์เพ็ญเด่นฟ้าคืนพร่าพราย
ยามเดือนหงายส่องสว่างกลางราตรี
ขอคารวะความรัก...ผลักดันให้
ก้าวต่อไปเผชิญโลกอันโศกศรี
ทั้งสุขทุกข์ซึมเศร้าเคล้าโลกีย์
น้อมยินดีรับไว้...ด้วยใจสงบ....
12 เมษายน 2556 22:18 น.
คีตากะ
เมื่อคืนฉันฝันเห็นท่านเด่นนัก
แต่ดวงพักตร์ซูบกว่าเก่าเศร้าหนักหนา
เสื้อน้ำตาลผ่านแดดฝนจนซีดซา
ท่านยืนคอยฉันมา...หน้าเจดีย์
นับแต่วันฉันลาท่านมาสอน
แสนเหนื่อยอ่อนมุ่งนำธรรมวิถี
“ไม่มีครู...ไม่มีใครจะไปดี”
จำคำนี้และจำรักสลักใจ
ณ เกาะนี้...ด้วยน้ำตาที่พร่ากลบ
ฉันน้อมนบรจนาบูชาให้
ท่านยังเฝ้าดูแลแม้ห่างไกล
พรยิ่งใหญ่ดุจภูผามหานที
จะพากเพียรตอบแทนก็แสนยาก
จึงรับปากจะช่วยคนพ้นหมองศรี
ท่องทวีปทั้งห้าทั้งธาตรี
หว่านเมล็ดวิญญาณนี้ทั้งโลกา
หวังกุศลผลจริงที่ยิ่งใหญ่
จตุรพิธพรชัยให้โลกหล้า
เพื่อตอบแทนพระมหากรุณา
ที่นำข้าก้าวข้ามความลำเค็ญ!....
โดยอนุตราจารย์ชิงไห่
(ต้นฉบับเป็นภาษาเอาหลัก)
ฟอร์โมซา
ฤดูกาลแห่งชีวิตอันสุขสงบ ‘85
12 เมษายน 2556 22:19 น.
คีตากะ
โลกแนบเศียรเข้าหาดวงอาทิตย์
ฤดูกาลวิปริตผิดหลักฐาน
ควรคิมหันต์กลับหนาวร้าววิญญาณ
ประหนึ่งปานเหมันต์บั่นเสียดแทง
ลมเหนือล่องปะทะตะวันตก
หมู่วิหคหล่นร่วงดวงอับแสง
ดินฟ้ารวนปรวนแปรแผ่สำแดง
คล้ายเตือนแจ้งบอกเหตุลางเลศนัย
สูดสายลมเย็นเยือกในเฮือกหนึ่ง
เสียงกระดึงชายคามาสั่นไหว
สายลมแรงแฝงพลังยังกวัดไกว
ยอดไม้ใหญ่โงนเงนเอนไปมา
กายสะท้านสั่นเทาเฝ้าครุ่นคิด
โลกแผกผิดเพี้ยนไปให้กังขา
ร้อนหนาวฝนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมา
เพียงเพลาช่วงสั้นหวาดหวั่นใจ
ภัยพิบัติธรรมชาติซัดฟาดโลก
ยังทุกข์โศกส่ำสัตว์ตัดชีพขัย
ย้ำชีวิตจ้อยร่อยด้อยเพียงไร
ใช่ยิ่งใหญ่กว่าทรายที่ก่ายกอง
เดือนและดาวสลัวมัวสีแสง
ราตรีแห่งมืดมนจำหม่นหมอง
มัจจุราชเขม้นเล็งเขม็งมอง
หมายครอบครองชีวิตยามนิทรา
ธรรมชาติเปลี่ยนไปเฉกใจเปลี่ยน
ชนเบียดเบียนเกลียดชังทั้งริษยา
คอยอาฆาตมาดร้ายหมายชีวา
หลงลืมอหิงสาสัมมาธรรม์
เพียงหมายมุ่งผลประโยชน์จิตโหดร้าย
บำเรอกายนิยมจมโมหันต์
บำรุงจิตจอมปลอมย้อมชีวัน
จูงมือกันสู่เหวล้มเหลวชน....
12 เมษายน 2556 22:21 น.
คีตากะ
แม้อ้อมกอดธรรมชาติอาจน่าหวั่น
เบื้องหลังนั้นอบอุ่นการุณย์แสน
เปี่ยมความรักเมตตาบ่าทั่วแดน
เดินตามแผนผู้สร้างอย่างงดงาม
เมื่อพระเจ้ายื่นหัตถ์โอบรัดผ่าน
คลื่นชลธารหลั่งท้นมากล้นหลาม
กลืนร่างกายมวลมิตรทุกทิศคาม
คืนสู่ความเสรีวิถีธรรม์
โอ้...มิตรผู้เสียสละละชีวิต
เพียงอุทิศพลีตนบนทางฝัน
ถ้อยคำใดหมายเอ่ยเผยจำนรรจ์
สาส์นใดกันฝากไว้ให้แก่ชน ?
บทละครฉากเศร้าอันเปล่าว่าง
ฤาเพียงไฟไหม้ฟางร้างเหตุผล
บทเรียนใดสำแดงแจ้งมวลชน
ฤาสับสนจุดหมายกลายเลือนราง
โศกนาฏกรรมการจำพราก
สังเวยซากชีวาเกินกว่าขวาง
ทิ้งน้ำตา-รอยเลือดแห้งเหือดจาง
บนเส้นทางก้าวผ่านเนานานมา
สร้างตำนานตำราเต็มบ่าโลก
ทั้งสุขโศกเป็นไปในปริศนา
เผยทางเลือกผองชนบนโลกา
สู่แห่งใดเบื้องหน้า...ฝ่าเผชิญ....