31 กรกฎาคม 2550 19:14 น.
คีตากะ
คืนพระจันทร์ทรงกลดช่างงดงาม
แขวนกลางท่ามเมฆินทร์ถิ่นสวรรค์
กลบแสงดาวพราวแพรววับแววอัน
คราวสันต์เข้าพรรษาหน้าฤดู
เพียงพริบตาเวลาลับลาล่วง
วิตกห่วงกังวลไยใจอดสู
พลันหนุ่มสาววัยเยาว์ผมขาวพรู
ก้าวเข้าสู่วัยชราตาฝ้าฟาง
ท่องโลกไปด้วยใจที่เบิกบาน
สุขสำราญผ่านวันอันแตกต่าง
เปิดเผยใจให้เปลือยเปล่าจนเบาบาง
ล่องลอยคว้างกลางหาวก้าวล่วงกาล
ลืมตาตื่นขึ้นมองจันทร์อันผ่องผุด
ลอยสูงสุดสาดส่องแสงสืบสาน
เหนือขุนเขาซับซ้อนผ่อนวิญญาณ
คืนสะคราญปล่อยผ่านตาน่าเสียดาย....
28 กรกฎาคม 2550 15:27 น.
คีตากะ
รัตติกาลยาวนานได้ผ่านพ้น
น้ำค้างหล่นพร่างพรายใกล้รุ่งสาง
แสงขอบฟ้ามาเยือนเริ่มเลือนราง
ควันเบาบางพลางลอยอ้อยอิ่งไกล
บัวชมพูชูช่อรอแสงส่อง
ณ ลำคลองหนองบึงซึ่งน้ำใส
หยาดน้ำค้างพร่างพรมสะสมใบ
ยามลมไหวใบส่ายกลิ้งไปมา
มองความจริงน้ำกลิ้งบนใบบัว
มิเกลือกกลั้วแปดเปื้อนใบให้กังขา
เหมือนกิเลสก่อทุกข์รุกอุรา
ไม่ซึมซับรับมาย่อมผาเย็น
เคล้าโลกีย์ด้วยใจที่มิหวั่นไหว
เพลินหลงใหลในโลกสุขโศกเห็น
ลับปัญญาให้กล้าคมทางร่มเย็น
ไม่ยอมเป็นเช่นทาสประกาศไท....
28 กรกฎาคม 2550 14:26 น.
คีตากะ
จิตคือจิต อารมณ์คืออารมณ์
หากผสมอารมณ์จิตย่อมมิดหมอง
หลงรักใคร่ใฝ่ฝันเกินครรลอง
ยังจิตเขลาเศร้าครองคว้าปองเงา
ธาตุดินน้ำลมไฟก่อกายสร้าง
หลงเรือนร่างลางเลือนเหมือนว่างเปล่า
จะงดงามอัปลักษณ์ทึกทักเอา
ท้ายถูกเผาเป็นเถ้าถ่านกาลเวลา
ใจคือขัณฑ์อันมีรูป ความรู้สึก
ความคิดนึก ความจำ ความรู้สา
สร้างตัวตน บุคคล บนมายา
แรงปรารถนาพาไปไม่รู้ตน
แท้กายใจไม่เที่ยงเยี่ยงความฝัน
ต้องมีอันผันแปรแน่นอนผล
เฉกไม้กล้วยไร้แก่นแม่นมั่นคน
หาทานทนถาวรแออ่อนเอน.....
26 กรกฎาคม 2550 17:13 น.
คีตากะ
เท่านี้หรือ ! ชีวิตลิขิตเขียน
คล้ายเปลวเทียนเจิดจ้าแล้วสลาย
มอดไหม้ทั่วจรดหัวตัวมลาย
ไยง่ายดายเช่นนี้ชีวีเอย
เท่านี้หรือ ! หน้าที่วิถีชน
ต้องดิ้นรนจนตายเปล่าดายเอ๋ย
สืบทอดพงษ์ดำรงเผ่าเช่นเก่าเคย
มิเหลือไว้ใดเลยโธ่เอ๋ยคน
เท่านี้หรือ ! มนุษย์สุดประเสริฐ
ผู้เป็นเลิศเหนือสัตว์ดูขัดสน
สิ้นปัญญาป่าเถื่อนเลือนกมล
วิ่งเวียนวนบนทางสร้างเวรกรรม
เท่านี้หรือ ! พงษ์เผ่าจ้าวสรรพสิ่ง
ผู้ใหญ่ยิ่งนิ่งนิจคิดน่าขำ
ทิ้งสวรรค์หันเกลือกกลั้วสิ่งมัวดำ
เพิกเฉยทำย่ำเหยียดรังเกียจตน....
26 กรกฎาคม 2550 14:25 น.
คีตากะ
ท่านคือบิดามารดาและอาจารย์
ผู้สืบสานพุทธกิจอุทิศถวาย
อวตารสู่โลกแหล่งเปลี่ยนแปลงกาย
เพียงมุ่งหมายถ่ายขนสัตว์พ้นภัย
ท่านคือผู้ละเลยหลงลืมตน
ยอมทุกข์ทนวนว่ายมิไปไหน
เพื่อร่วมทุกข์ร่วมสุขทุกชาติไป
โปรดสัตว์ให้ไปสู่แดนพุทธา
ท่านคือแสงสว่างนำทางสัตว์
ผู้ถูกมัดรัดรึงคะนึงหา
เพื่อปลดปล่อยผองสัตว์ตัดมายา
ด้วยเมตตาหาเทียบใครเปรียบปาน
ท่านคือรักยากนักจักวัดหยั่ง
ทิ้งเวียงวังเวียนว่ายในสงสาร
เพื่อช่วยเหลือเกื้อสัตว์ตัดนิพพาน
ยังหมู่มารหาญกล้าให้ปราชัย...