12 มีนาคม 2550 15:54 น.
คีตากะ
หนึ่งมหาโพธิ์โตใหญ่ผลิใบกิ่ง
หยั่งรากดิ่งถึงอบายไกลเหลือหลาย
สัตว์นรกตกทุกข์ถูกจองใจ
กลับเป็นไทได้รับ การปลดปล่อย !
แผ่กิ่งก้านสาขาสุดตาเห็น
เกิดร่มเย็นเป็นเงาเขาใช้สอย
คอยคุ้มครองป้องภัยสัตว์ใหญ่น้อย
ให้ได้พลอยสุขเกษม ต่างเปรมปรีดิ์ !
ยอดชี้ฟ้าทะลวงสรวงสวรรค์
ผ่านวิมานอันเพริศประเสริฐศรี
เหล่าเทวาอาศัยใต้บารมี
ในฤทธีที่ไพศาล เบิกบานใจ !
ยังสามโลกโยกไหวในอานุภาพ
มารย่อยยับราบคาบกำราบพ่าย
เกิดสุริยันพันหมื่นขึ้นนภาลัย
ปฐพีกลายสีทอง เรืองรองพลัน !
10 มีนาคม 2550 13:58 น.
คีตากะ
อยู่สงัดวัดใจได้ฟังพระ
วิริยะสะสมบ่มนิสัย
อันหมู่มารราวีกดขี่ใจ
เพียงขัดเกลาเราให้ได้พบธรรม
ธรรมดา ธรรมดา นี่หนาโลก !
อุปโลกน์โศกสุขรุกกระหน่ำ
กวัดแกว่งใจให้ไหวเอนเป็นประจำ
พรรณนาพร่ำเพลงลวงบ่วงมายา
หลงเวียนว่ายตายเกิด ประเสริฐแท้ !
ทุกข์ดวงแดแพ้มารประหารฆ่า
ร้อยเลห์กลจนใจไร้สัจจา
เสียเวลามามากลำบากตรม
เนื่องเพราะเจ้าคือเงาข้าพญามาร !
สมัครสมานนานมาพาขื่นขม
เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ร้าวระบม
ข้านิยมในเจ้าจึ่งเฝ้าเวียน......
9 มีนาคม 2550 14:48 น.
คีตากะ
จดจารึกผนึกไว้บนใบหน้า
ณ ดวงตาหน้าต่างแห่งปางหลัง
ทิ้งร่องรอยร้อยสู้ยังอยู่ยั้ง
เสมือนดั่งถ้อยคำจำนรรจา
บันทึกความตามจริงสิ่งปรากฏ
เลือดทุกหยดจดจารครั้งฟันฝ่า
มิงดงามดั่งคำจักอักษรา
ถ่ายทอดสื่อภาษามารำพัน
ประทับจิตติดตรึงจนถึงทรวง
สุขทุกข์ล่วงลวงใจเคยใฝ่ฝัน
บทชีวิตเลือนลับนับกัปกัลป์
ใครเสกสรรค์บรรยายได้แจ้งจริง
รจนากวีที่ไร้อักษร
หลากบทตอนย้อนดูรู้สรรพสิ่ง
ไร้ภาษาวาทะบอกอันกลอกกลิ้ง
วางทุกสิ่งจึ่งพบปะยอดกวี....
8 มีนาคม 2550 16:43 น.
คีตากะ
หลบหนีหายเร้นกายไกลสังคม
ใจนุ่งห่มสันโดษลดความอยาก
ทิ้งโลกีย์วุ่นวายหัวใจนัก
มาพำนักพักใจใต้ใบบัง
ทิ้งสมมุติเพื่อวิมุตจิตหลุดพ้น
ละตัวตนบุคคลตนสรรค์สร้าง
หันหน้าหาพระธรรมคำสอนสั่ง
รักและชังปล่อยวางทุกอย่างลง
ไม่เหลือใครคนไหนใจเป็นทุกข์
ปราศจากสุขอันใดให้ลุ่มหลง
ความสงบพบได้ด้วยใจปลง
กวาดฝุ่นผงในดวงใจให้เบาบาง
ปลีกวิเวกลำพังนั่งครวญใคร่
แท้จริงใจนั้นไซร้ใสกระจ่าง
เพราะอวิชชาพาใจให้หลงทาง
ทุกสิ่งอย่างคงเป็นเช่นนั้นเอง...
comment หน่อยครับเพื่อนๆ ขอบคุณครับ