14 เมษายน 2550 14:29 น.
คีตากะ
เขาซุกซอนซ่อนหน้าหมวกใบเก่า
ดวงตาเหงาเศร้าสร้อยน้อยคนเหมือน
แม้อยู่ใกล้เหมือนไกลห่างดูรางเลือน
ราวเมฆเกลื่อนเคลื่อนคล้อยลอยนภา
เขาว่างเปล่าเล่าเปลือยเหมือนเหนื่อยหน่าย
ดวงตาฉายคล้ายแสงแห่งอุษา
สงบเงียบเรียบง่ายไร้มารยา
เจรจาประหนึ่งว่าความลับมี
เขาแจ้งจิตความคิดปัจเจกชน
ดั่งอุบลพ้นน้ำหลากล้ำสี
ยามเคลื่อนไหวดุจสายลมห่มปฐพี
ท่วงท่าทีที่ธรรมดาเกินกว่าใคร
เขาเมตตาปราณีมีอารมณ์ขัน
รู้เท่าทันเลิศปัญญากว่าใครไหน
คล้ายกระจกสะท้อนเงาเหล่าชนใด
ยามอยู่ใกล้คลายทุกข์สุขอุรา...
14 เมษายน 2550 14:16 น.
คีตากะ
เมื่อวัตถุอยู่เหนือจิตวิญญาณ
อุดมการณ์หาญมุ่งถูกข่มเหง
จิตแบ่งแยกแตกต่างห่างตัวเอง
ถูกเร้าเร่งใจถอยด้อยพลัง
ความรักจางห่างสุขทุกข์กระหน่ำ
โดนมนต์ดำจำจองผู้ต้องขัง
กลายเป็นทาสวัตถุดันทุรัง
ไม่เคยฟังข้างในหัวใจตน
ความสุขแท้แค่เอื้อมเอื้อมไม่ถึง
ถูกฉุดดึงจึงบ้าโกลาหล
วิ่งไล่ตามความลวงมิห่วงตน
ดุจแมงเม่าถูกเผาป่นบนกองฟอน
จิตมืดดำด้วยจำนนบนวัตถุ
ยากบรรลุรู้ชัดประภัสสร
หมุนตามโลกอุปโลกน์ใจโยกคลอน
มิคิดถอนยาพิษอวิชชา
14 เมษายน 2550 14:03 น.
คีตากะ
จับอาวุธขึ้นมาเพื่อฆ่าใคร
เจ้าวายร้ายไร้ปัญญาคราโง่เขลา
ฆ่าตัวเองเก่งนักตระหนักเอา
เจ้าคือเขาเขาคือเจ้ามิเข้าใจ
ฆ่าไม่ตายไยยังฆ่าฆาตกร
ไม่อาทรร้อนรนตนถูกหมาย
ฉีกสังขารอันเปล่าว่างอย่างเมามาย
แต่สุดท้ายหนีไม่พ้นต้องจนมุม
เฝ้าก่อกรรมทำเข็ญไม่เป็นสุข
ดั่งไฟลุกเผาลามความร้อนสุม
เพื่อนพี่น้องผองเราเขากลัดกลุ้ม
ทุกข์ปกคลุมรุมเร้าชาวประชา
เลิกหลงผิดคิดใหม่ใช้เหตุผล
ด้วยตัวตนทนสร้างยังมีค่า
วางอาวุธหยุดก่อทรมา
สิ่งควรฆ่าคือบ้าหลง...จงบรรลัย !
14 เมษายน 2550 13:46 น.
คีตากะ
ก่อกองทรายหมายสร้างต่างเจดีย์
อย่างพิถีพิถันราวฝันใฝ่
ทรายด้อยค่าสง่างามเกิดตามใจ
เจดีย์ทรายใครสร้างช่างมากมาย
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ก่อกายาทาสีตามที่หมาย
ด้วยความคิดวิปริตจิตวุ่นวาย
กายเรียงรายมายมากยากประมาณ
ตายทุกวัน เกิดทุกวัน อันความคิด
ดุจชีวิตลิขิตเอาแล้วเผาผลาญ
ดั่งเจดีย์ที่สร้างไว้ท้ายแหลกลาญ
วันสงกรานต์ผ่านมายังอาทร
เลิกก่อสร้างทางสงบพบนิพพาน
เรื่องราวผ่านกาลเวลาอุทาหรณ์
ก่อกองทรายหมายให้ได้สังวร
กลับมองย้อนอย่านอนฝันเพียงวันวัน...
14 เมษายน 2550 13:34 น.
คีตากะ
เฝ้าวนเวียนเรียนรู้สู่สัจจา
หมายเข่นฆ่ามายาพาอับเฉา
มีดคมกริบหยิบแทงหัวใจเรา
ให้เลือดเน่าเบาบางล้างมลทิน
ร่ายกวีที่หลั่งเลือดชโลมหล้า
คราบน้ำตาจารึกนึกถวิล
ท่ามกลางทุกข์ลุกไหม้เผาใจชิน
อัตตาสิ้นดิ้นแดแค่เฉียดตาย
กลางดงหนามตามหาบทกวี
ทุกข์ทวีมีแผลเป็นเห็นมากหลาย
เขียนด้วยเลือดมิเหือดแห้งแจ้งระบาย
เพียงสลายร่ายคำจำนรรจา
มิเคยทุกข์หรือใยเข้าใจสุข
ดั่งไข่มุกสุกใสมากมายค่า
ต้องเสี่ยงตนทนว่ายใต้คงคา
จึงได้มาค่าเลิศประเสริฐเอย.....