2 พฤษภาคม 2550 19:23 น.
คีตากะ
เขียนเสือไว้ให้วัวจักกลัวขลาด
เหลือกระดาษขาดวิ่นสิ้นแก่นสาร
ศาสนาน่าอนาถขาดวิญญาณ
คนประจานหวานปากฝากจำนรรจ์
บัญญัติไว้หรือไม่ไยแตกต่าง
เมื่อธรรมร้างห่างใจไกลเกินฝัน
ซากภาษาหาใช่หลักจักยึดมั่น
ปราชญ์ประชันมันคารมถ่มวาจา
ท่านชี้จันทร์ไม่หันมองฤามองเห็น
หลับเช้าเย็นเป็นอยู่มิรู้หา
จับเพียงเปลือกไม่เลือกแก่นแว่นสัจจา
มิเบิกตาหรือจะแจ้งแดนแห่งธรรม
เขาชี้ทางวางไว้หวังใจสงบ
ใช่รุกรบสยบกันจ้องหยันหยาม
มิแก้ไขใจตนฝึกฝนตาม
มัวไถ่ถามตามหาศาสนาไย ?
2 พฤษภาคม 2550 18:39 น.
คีตากะ
คืนเดือนแรมแต้มทาท้องฟ้าดำ
เสียงฝนพรำฉ่ำชื่นระรื่นไหล
บ้างถี่เร็วเร่งเร้ายวนเย้าใจ
บ้างร่ำไรไห้ครวญชวนโศกา
ดึกสงัดชัดถ้อยหยาดร้อยเรียง
นอนฟังเสียงสายฝนหล่นเวหา
ตกกระทบกลบดังบนหลังคา
ทั่วดินฟ้าบ่าจมพรมพิรุณ
หยดน้ำใสไหลเย็นกระเซ็นซ่าน
ก่อประสานธารทอต่อเนื่องหนุน
เคยร้อนแล้งแห่งใดไหลเจือจุน
กาลเวียนหมุนพิรุณมาบุปผาบาน
ผ่านทิวาราตรีกี่นิทรา
จะโหยหาอาลัยไร้แก่นสาร
มีสุขเศร้าเคล้าคละประสบการณ์
ดั่งฤดูกาลผ่านเวียนมีเปลี่ยนแปลง
2 พฤษภาคม 2550 18:20 น.
คีตากะ
เมฆล่องฟ้ามาเร็วดังเปลวคลื่น
ฟ้าร้องครืนครวญครางไม่ห่างหาย
ลมบนแรงแฝงพลังพังทลาย
ไม้เรียงรายไหวพลิ้วลู่ปลิวลม
พายุโถมโหมซัดเข้าพัดใส่
ฝนเม็ดใหญ่ไหลรัวกลั้วผสม
บ้านเคหาสถ์กลาดเกลื่อนเคลื่อนตามลม
ต้นไม้ล้มจมหายในพริบตา
เหลือเพียงซากปรักพังทุกอย่างสิ้น
น้ำตารินถิ่นอาศัยใจห่วงหา
เคยหลบภัยพลันลับหายกับสายตา
เหตุใดฟ้าไม่ปราณีปฐพีรวน
โอ้ชีวิตมิผิดแน่แค่ความฝัน
หาคงมั่นผันแปรแลผันผวน
เรื่องราวหลากมากมายให้แปรปรวน
ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่าจะเศร้าไย ?
18 เมษายน 2550 17:59 น.
คีตากะ
ตามตำนานขานกล่าวยาวนานมา
เมื่อภควาจะประกาศสัจจาสอน
พรหมเทวา อสูร ครุฑ กินนร
มโหรค นาค ยักษ์ต่างจรมาฟังธรรม
เทพยดา อสูรร้ายไยสมานฉันท์
อยู่ร่วมกันนั้นได้ไม่เหยียดหยาม
ต่างเบิกบานสำราญมั่นในธรรม
ไร้สูงต่ำดำขาวต่างเท่าเทียม
แต่เหตุใดไยมนุษย์สุดใจร้าย
ฆ่าทำลายไม่เคยจบสงบเสงี่ยม
ฤาลืมไปมีอบายถึงไม่เจียม
จึงโหดเหี้ยมไร้เทียมทานล้างผลาญกัน
ธรรมเหินห่างรักจางทางพินาศ
ชนในชาติขาดปัญญาพาโศกศัลย์
มิรู้รักสามัคคีมีต่อกัน
คอยแยกแบ่งแข่งขันชาติบรรลัย !
18 เมษายน 2550 17:44 น.
คีตากะ
จากผ้าขาวเล่าเรียนเพียรเติมสี
ประสบการณ์นานปีที่สั่งสม
หุ้มดวงจิตมิดมืดมนจนโสมม
เรื่องราวถมจมลึกผนึกนาน
ราวมณีมีค่าแสนหายาก
จมใต้ซากธรณีที่รากฐาน
ย่อมยากขุดมุดหาในบาดาล
จนวันผ่านนานนมยิ่งจมลง
จากมิ่งมิตรผิดไปคล้ายศัตรู
แม้สิงอยู่คู่กายยังใหลหลง
คอยลวงล่อก่อภัยจนงายงง
ประดุจผงเข้าตาทำพร่ามัว
จึงต้องวิ่งไล่เงาเฝ้าไขว่คว้า
นอกกายาหาไปใจสลัว
ตามตัณหาบัญชาพาพันพัว
หลงลืมตัวดั่งวัวมัวลืมตีน...