21 พฤษภาคม 2550 15:38 น.
คีตากะ
ช้าก่อน ! ธรณีอย่าพิโรธ
กราดเกรี้ยวโกรธโทศามาสั่นไหว
ปานจะกลบตลบดินจบสิ้นไป
แม้ชนไร้เมตตาโปรดอภัย...
ช้าก่อน ! อุทกอย่าโศกเศร้า
กลืนกินเอาเหล่าชนท่วมท้นไหล
ชะล้างบาปอาบดินสูญสิ้นไกล
แม้ชนไร้กรุณาโปรดอภัย...
ช้าก่อน ! วาตะอย่าโกรธา
เห็นชีวาค่าด้อยพลอยโบกไหว
ราวเม็ดทรายรายเรียงเพียงล่องไป
แม้ชนไร้มุทิตาโปรดอภัย...
ช้าก่อน ! อัคคีอย่าวิปโยค
เผาผลาญโลกรกร้างหมายสร้างใหม่
ขอเวลามหาชนเพื่อกลับใจ
แม้ชนไร้อุเบกขาโปรดอภัย...
8 พฤษภาคม 2550 17:39 น.
คีตากะ
หามิได้ ! ความทุกข์ที่รุกเร้า
เป็นใจเราเฝ้าก่อรอเผาผลาญ
แต่ด้วยชนทนทุกข์ทุกวันวาร
จึงแพร่ผ่านรานใจอ่อนไหวตาม
หามิได้ ! ที่อ่อนแอใจแพ้พ่าย
เพราะแหน่งหน่ายใจเราถูกเขาหยาม
แต่เพราะเขาเมามัวหลงชั่วทราม
เราคอยปรามห้ามเขาแต่เปล่าดาย
หามิได้ ! โลภโกรธหลงอันคงมั่น
เราสร้างสรรค์หมั่นสร้างอย่างมั่นหมาย
แต่เหตุมาจากมนุษย์สุดวุ่นวาย
เราจึงกลายคล้ายเขาแต่เท่าทัน
หามิได้ ! เหตุความบ้าที่ปรากฏ
ด้วยเราหมดสิ้นสติดีแต่ฝัน
แต่เราทำพูดคิดผิดแผกกัน
เขาจึงหยันมันบ้าเกินหน้าคน !
8 พฤษภาคม 2550 16:57 น.
คีตากะ
เธอคือกึ่งครึ่งหนึ่งของวิญญาณ
ครั้งวันวารสร้างโลกเคยโยกไหว
มาจากแหล่งแห่งเดียวของเสี้ยวใจ
จากหฤทัยพระผู้สร้างทรงวางมา
เธอคือสิ่งยิ่งใหญ่ใจหาโหย
กาลร่วงโรยแค่ไหนยังใฝ่หา
ทุ่มชีวิตจิตใจหวังได้มา
แนบอุราพาชื่นทุกคืนวัน
เธอคือรักหนักแน่นแสนห่วงหวง
ประหนึ่งดวงฤทัยไอศวรรย์
เติมเต็มใจให้สมบูรณ์อุ่นสัมพันธ์
เปลี่ยนความฝันอันเลวร้ายให้กลายงาม
เธอคือใคร ใช่อีกคนฉันบ่นเพ้อ
หลงละเมอเธออยู่ไกลจึงได้พล่าม
เราเป็นหนึ่งใช่สองคล้องติดตาม
เธอนำความรักแท้มอบแด่ใจ....
5 พฤษภาคม 2550 15:47 น.
คีตากะ
นกน้อยในกรงทองเจ้าของรัก
เฝ้าฟูมฟักทักเล่นเช้าเย็นหา
ให้อาหารประทานน้ำประจำมา
นกเริงร่าช้านานกาลผันแปร
จนถึงวันเจ้าของต้องจากไกล
ทิ้งนกไว้ไม่เหลียวแลลืมแยแส
นกอดตายวายสิ้นดับดิ้นแด
ทอดกายแผ่เหลือแค่ซากฝากประจาน
จานอาหารจานน้ำจำเหือดแห้ง
ทั้งที่แหล่งแอ่งน้ำลำธารผ่าน
อยู่มิไกลใกล้ป่ามาวายปราณ
น่าสงสารอาหารหลากยากเกินกิน
ภาพสะท้อนย้อนใจในวิหค
เรื่องสาธกนกตายให้ถวิล
เปรียบชีวิตติดยึดอยู่อาจิณ
ลืมโบยบินสิ้นใจในกรงทอง.....
2 พฤษภาคม 2550 19:23 น.
คีตากะ
เขียนเสือไว้ให้วัวจักกลัวขลาด
เหลือกระดาษขาดวิ่นสิ้นแก่นสาร
ศาสนาน่าอนาถขาดวิญญาณ
คนประจานหวานปากฝากจำนรรจ์
บัญญัติไว้หรือไม่ไยแตกต่าง
เมื่อธรรมร้างห่างใจไกลเกินฝัน
ซากภาษาหาใช่หลักจักยึดมั่น
ปราชญ์ประชันมันคารมถ่มวาจา
ท่านชี้จันทร์ไม่หันมองฤามองเห็น
หลับเช้าเย็นเป็นอยู่มิรู้หา
จับเพียงเปลือกไม่เลือกแก่นแว่นสัจจา
มิเบิกตาหรือจะแจ้งแดนแห่งธรรม
เขาชี้ทางวางไว้หวังใจสงบ
ใช่รุกรบสยบกันจ้องหยันหยาม
มิแก้ไขใจตนฝึกฝนตาม
มัวไถ่ถามตามหาศาสนาไย ?