12 เมษายน 2556 21:06 น.
คีตากะ
เมื่อจุดหมายปลายทางเพื่อสร้างสรรค์
ถูกกางกั้นด้วยกฎกำหนดหมาย
ล้อมตีกรอบขอบเขตเหตุวุ่นวาย
ดวงจิตกลายถูกเค้นไม่เว้นวาง
เมื่อโอกาสชาติหนึ่งพึงแจ่มแจ้ง
มรรคาแห่งความสัจจ์ตัดหมองหมาง
ถูกล่อลวงหลงทิศก้าวผิดทาง
จำไกลห่างสันติวิถีธรรม
เมื่อทางเลือกเกลือกกลั้วสิ่งมัวหม่น
จึ่งเกิดผลยุ่งเหยิงเริงถลำ
ลืมตัวตนทนเศร้าเฝ้าระกำ
ความจริงงำซ่อนหายมลายร้าง
เมื่อความรักมักเลือนเคลื่อนจากจิต
ไปผูกติดมานะยากสะสาง
ความเกลียดชังบังตาพาหลงทาง
ทุกก้าวย่างสับสนบนแดนดิน
เมื่อปัญญาลาร้างไกลห่างลับ
หลงสดับเสียงมารพานตัดสิน
สิ่งเลว-ดีพิพากษาหามลทิน
พาชีวินแปดเปื้อนเบือนบิดธรรม...
*** มานะ : ความถือตัว
เธอกำลังใช้ทุกสิ่งของชีวิต(และหลากชีวิต)
เพื่อจะเป็นและตัดสินใจว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร
เพื่อจะเลือกและสร้างตัวตนที่แท้จริงของเธอขึ้นมา
เพื่อจะมีประสบการณ์และบรรลุมโนคติ ณ ปัจจุบันที่เธอมีต่อตัวเอง
เธออยู่ในนิรันดร์ขณะแห่งการรังสรรค์ตนเอง
และบรรลุในตนผ่านกระบวนการสำแดงตัวเองออกมา
เธอได้ชักนำผู้คน เหตุการณ์ สภาวการณ์ต่างๆ
เข้าสู่ชีวิตเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างรูปแบบ
สุดยอดของมโนภาพบรรเจิดสุดที่เธอมีต่อตัวเอง
กระบวนการสร้างและสร้างขึ้นใหม่นี้จะดำเนินสืบไป
ไม่สิ้นสุด และมีหลายชั้น ทั้งหมดกำลังเกิดอยู่ "ตอนนี้" ในหลายระดับ
ในโลกความจริงแบบเส้นตรงของเธอนั้น
เธอจะมองประสบการณ์ว่าเป็นของอดีต ปัจจุบัน อนาคต
เธอจินตนาการว่าตัวเองมีชีวิตเดียว
หรือไม่ก็อาจเห็นว่ามีหลายชีวิตแต่ก็ยังต้องมีทีละชีวิตๆ ไปตามลำดับ
แต่ถ้า "เวลา" ไม่มีอยู่จริงล่ะ นั่นหมายความว่า "ชีวิต"
ทุกชาติภพของเธอกำลังดำรงอยู่พร้อมๆกัน !
เธอกำลังมีชีวิตแบบนั้นอยู่จริงๆนั่นล่ะ!
เธอกำลังดำเนินชีวิตนี้อยู่(ซึ่งเป็นชาติภพปัจจุบันของเธอ)
ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตพร้อมๆกัน!
เคยไหมที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึก "สังหรณ์ใจแปลกๆ"
ถึงเหตุการณ์บางอย่างในอนาคตขึ้นมา
รู้สึกชัดมากจนทำให้เธอต้องถอยห่างออกมา
ในภาษาของพวกเธอเรียกว่า "ลางสังหรณ์"
ทว่าจากมุมมองฉัน นี่คือการรับรู้ถึงสิ่งที่ตัวเธอเพิ่งประสบมาใน "อนาคต"
"ตัวเธอในอนาคต" กำลังร้องบอกว่า "เฮ้...อันนี้ไม่สนุกนะจะบอกให้
อย่าทำนะโว้ย" เธอกำลังมีชีวิตอื่นอยู่ด้วยตอนนี้ (ชีวิตที่เรียกว่า
"ชาติปางก่อน" ) แม้ตัวเธอจะรู้สึกว่ามันเป็น "อดีต" ของเธอก็ตาม
(ในกรณีที่เธอเคยรู้สึกขึ้นมาได้นะ)
แต่แท้จริงมันกำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันด้วยเหมือนกัน
เธอจะเล่นเกมชีวิตอันเยี่ยมยอดนี้ได้ยากมากๆ
ถ้าสำนึกรู้ครบถ้วนว่าสิ่งต่างๆดำเนินไปอย่างไร
แม้แต่คำอธิบายตรงนี้ยังทำให้เกิดภาวะนั้นไม่ได้เลย
ถ้าทำได้ "เกม" ก็จบกันพอดี! กระบวนการจะขึ้นกับความสำเร็จเสร็จสิ้น
ซึ่งก็ขึ้นกับการที่ยังไม่รู้ครบถ้วนในขั้นนี้ด้วย
ฉะนั้น จงอวยพรกระบวนการและยอมรับมันประหนึ่งของขวัญชั้นเลิศ
จากผู้สร้างสุดอารี จงโอบรับและเคลื่อนเข้าหามันด้วยศานติ ปัญญา
และปีติ จงใช้และแปรเปลี่ยนมันจากบางสิ่งที่ต้องกล้ำกลืน
เป็นบางอย่างที่มั่นหมายให้เป็นเครื่องมือในการสรรค์สร้าง
ประสบการณ์สุดยอดแห่งกาล ซึ่งก็คือประสบการณ์
แห่งการบรรลุแจ้งถึงตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง.....
ความตอนหนึ่งจากหนังสือ "สนทนากับพระเจ้า "
การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา เล่ม 2
(Conversation with God....An uncommon dialogue Book 2)
นีล โดนัลด์ วอลซ์ เขียน
อัฐพงศ์ เพลินพฤกษา แปล
12 เมษายน 2556 21:08 น.
คีตากะ
หนึ่งเงาร่างกลางถนนดั้นด้นผ่าน
แดนกันดารไกลห่างกลางขุนเขา
ทิวสลับซับซ้อนสลอนเนา
ไร้แม้เงาเรือนร่างเปล่าร้างคน
สองฝากข้างทางเปลี่ยวเหลียวแลหา
เหล่าพฤกษาดาษดื่นชุ่มชื้นฝน
ป่าขจีสีเขียวท่องเที่ยวยล
ชื่นกมลยิ่งนักประจักษ์ตา
ลำธารใสไหลตัดลัดไพรพฤกษ์
ห้วงน้ำลึกสีครามงามบุบผา
เรียงรายดอกออกช่อลออตา
กลิ่นโชยมาหอมหวนชวนคำนึง
เย็นอากาศดาษดาละอองไอ
จากแมกไม้ใบบังดั่งมาถึง
ถิ่นสวรรค์อันวิจิตรพิศคำนึง
งามตราตรึงดวงจิตพิสดาร
หุบเขาพรายรายล้อมพร้อมทายท้า
สายลมกล้าเหน็บหนาวอย่างห้าวหาญ
ยอดเสียดฟ้าสง่าล้ำสร้างลำธาร
ห้วยละหานหลากสายมากมายชล
ป่าสุมทุมคุ้มปกยังรกร้าง
บนเส้นทางยาวไกลใต้เวหน
หากมีเจ้าเคล้าคลอหนอน่ามล
คงสุขล้นกว่านี้เลิศชีวัน
จะชี้ชวนนวลน้องท่องแดนป่า
เล่นธาราใสเย็นเป็นสุขสันต์
ร้อยมงกุฎดอกไม้ให้แจ่มจันทร์
เป็นจอมขวัญจอมใจไปชั่วกาล.....
12 เมษายน 2556 21:09 น.
คีตากะ
จำได้ไหม เดือนดาวเจ้าเคยสร้าง
โลกเคยร้างกลับกลายพร่างพรายฝัน
หว่านพืชลงตรงดินถิ่นเพาะพันธุ์
ทุกสิ่งนั้นพลันเกิดกำเนิดมา
ฤาลืมแล้วเจ้าเป็นใครในแมนสรวง
เคยเด่นดวงเกรียงไกรเพียงไหนหนา
สร้างสรรค์สิ่งยิ่งใหญ่ในโลกา
ทั้งเหนือฟ้าใต้ฟ้าหาใครเกิน
สิ่งใดกันกั้นขวางเส้นทางไว้
บดบังใจมืดมิดจิตห่างเหิน
ถูกจองจำจำทนจนนานเกิน
หลงเพลิดเพลินอารมณ์อันสมใจ
เจ้าจึงล้าสิ้นแรงจะแข่งขัน
กลายหวาดหวั่นดวงจิตคิดหวั่นไหว
รอเวลาพร่าผลาญเนิ่นนานไป
จนหัวใจเฉื่อยชาอ่อนล้าลง
จ้องมองเพียงกำแพงอันแข็งแกร่ง
จิตคลางแคลงสงสัยใจลุ่มหลง
เดินวนไปในกรอบเพียงรอบวง
ชีพปลดปลงพักผ่อนนอนเอกา
แดนจองจำแห่งนี้มีใครสร้าง
เป็นเจ้าวางแบบแปลนอย่างแน่นหนา
เสาต้นนั้นนั่นคานสร้างสานมา
ทั้งหลังคาหน้าต่างเจ้าสร้างทำ
คืนและวันโหยหาเพียงอาหาร
มาเจือจานร่างกายหมายอิ่มหนำ
เพื่อจะหลับพับร่างอย่างระกำ
ทุกเช้าค่ำเยี่ยงนี้เนิ่นปีมา
ในใจเจ้ามีกุญแจแค่เพียงไข
ก้าวออกไปเท่านั้นพลันหรรษา
ภายนอกมีที่งดงามอร่ามตา
รอเจ้ามาครอบครองฉลองชัย
ฤาสิ้นแล้วความหวังพ่ายพังยับ
สาบสูญลับจากจิตคิดสงสัย
สิ้นศรัทธาล้าอ่อนอาวรณ์ใจ
ราวเทียนไขมอดดับอับแสงลง....
12 เมษายน 2556 21:10 น.
คีตากะ
สหายเอ๋ย....จงมองแล้วตรองคิด
โลกพลาดผิดมรรคามาสับสน
แบ่งฝักฝ่ายหลายหมู่ดูชอบกล
ปัจเจกชนแตกแยกแหวกมรรคา
สหายเอ๋ย....จงมองแล้วตรองเถิด
ผู้ประเสริจกลายทรามตามตัณหา
เหตุความหลงผงฝุ่นหนุนนัยน์ตา
ทิ้งอหิงสาล้างผลาญระรานกัน
สหายเอ๋ย....จงมองแล้วตรองไตร่
ผู้เป็นใหญ่หลงผิดคิดหยามหยัน
ขาดเมตตาอาทรลิดรอนกัน
ถือตนนั้นเป็นใหญ่ไม่ฟังคำ
สหายเอ๋ย....จงมองแล้วตรองตริ
ความชั่วผลิเบ่งบานพานถลำ
ครอบคลุมโลกโยกไหวไร้ซึ่งธรรม
ชนสร้างกรรมหนักหนาสาหัสนาน
สหายเอ๋ย....จงมองแล้วตรองตรึก
ห้วงกรรมลึกล้ำนักเกินจักสาน
สรรพสิ่งทิ้งร่างร้างวิญญาณ
เกลื่อนประจานแผ่นดินสุดสิ้นกัลป์......