12 เมษายน 2556 21:55 น.

รักษ์โลก...

คีตากะ







เมื่อภัยแล้ง...มาถึง...ครึ่งประเทศ
เกิดอาเพศ...ทั่วแคว้น...แดนสยาม
น้ำขอดแห้ง...แล้งมา...พาลุกลาม
ข้าวเคยงาม...พลันเฉา...ต้องเผานา

ฝนตกน้อย...น้ำร่อยหรอ...ไม่พอใช้
เขื่อนแห่งใหญ่...เหลือน้ำน้อย...คอยผวา
อาจปลายปี...ไม่มีน้ำ...ใช้ทำนา
ยิ่งหนักหนา...สาหัส...ขัดสนนาน

ฤดูกาล...ผันแปร...ไม่แน่นอน
เหตุโลกร้อน...ขึ้นมาก...จากหลักฐาน
สายน้ำอุ่น...หมุนเปลี่ยนทิศ...พิศดาร
แล้งยาวนาน...กว่าทุกปี...ที่ผ่านมา

วิกฤติน้ำ...ทำพิษ...โขงผิดแปลก
น้ำแข็งแตก...ละลาย...กรายจากผา
สู่ทะเล...เร็วนัก...ประจักษ์ตา
น้ำเคยบ่า...เหลือเนินทราย...เหือดหายชล

องศาเดือด...เหือดแห้ง...ทุกแหล่งน้ำ
พายุซ้ำ...เศษบ้านเรือน...เกลื่อนถนน
เหตุลมใต้..ไปเจอเหนือ...เมื่อมาชน
พายุฝน...ยิ่งรุนแรง...แฝงพลัง

แผ่นน้ำแข็ง...ขั้วโลก...วิโยคหนัก
เริ่มแตกหัก...ละลาย...คล้ายหมดหวัง
น้ำจืดหาย...กลายทะเล...เร่งเพพัง
เมืองชายฝั่ง...อันตราย...หาดทรายจม

อากาศร้อน...นอนไม่หลับ...กระสับกระส่าย
จ้องทำลาย...ล้างผลาญ...พาลผสม
ความขัดแย้ง...ยิ่งรุนแรง...แหนงอารมณ์
ก่อเกิดปม...สงคราม...อาจตามมา

เสียพืชผล...มากมาย...ร่างกายแย่
โลกร้อนแพร่...โรคภัย...ให้รักษา
เกลื่อนโรงหมอ...รอนั่ง...ยังหนาตา
เสียค่ายา...แสนแพง...แข่งทำเงิน

เพราะสร้างฟาร์ม...ทำทุ่งหญ้า...ถางป่าหมด
แข่งซื้อรถ...วิ่งแซง...แข่งเหาะเหิน
แข่งสบาย...ใช้น้ำไฟ...ไปมากเกิน
พาโลกเดิน...สู่เหว...ล้มเหลวชน

อากาศปน...มลพิษ...เลยปิดกั้น
ความร้อนอัน...สะท้อนไป....ในเวหน
ถูกกักไว้...ในโลกหล้า...พาร้อนลน
ก่อเกิดผล...เรือนกระจก...ตกอบาย

ท้ายที่สุด...ทะเลทราย...กล้ำกรายโลก
ต้องทุกข์โศก...ยิ่งแสน...แทนเหลือหลาย
น้ำเค็มรุก...บุกแผ่นดิน...ถิ่นเกิดกาย
ทั้งพืชสัตว์...มากมาย...กลายสูญพันธุ์

หนทางแก้...แค่ลดฟาร์ม...ห้ามฆ่าสัตว์
แล้วเร่งรัด...ปลูกต้นไม้...ใจสร้างสรรค์
.ใช้พลังงาน...แบบยั่งยืน...รีบตื่นพลัน
ก่อนโลกอัน...สดสวย...ต้องม้วยมรณ์



				
12 เมษายน 2556 21:56 น.

อะไรก็ดี...

คีตากะ

9_resize.jpg














เริ่มก็ดี...เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
สรรพสิ่งแบ่งอณูสู่หลากหลาย
จากหนึ่งเดียวสร้างสรรค์พรรณราย
กำเนิดกายว่ายเวียนเรียนรู้ตน...

วุ่นก็ดี...เหนื่อยนักจักหยุดพัก
เพื่อตระหนักความสงบพบเหตุผล
วุ่นและว่างหว่างจิตเพ่งพิศตน
บนถนนชีวิตพิศดาร

ทุกข์ก็ดี...เคี่ยวกรำย้ำเตือนจิต
พลั้งพลาดผิดสิ่งใดได้ไขขาน
ทุกข์และสุขปลุกตนบนรอยกาล
เผยวิญญาณไร้เขตแฝงเลศนัย

เหงาก็ดี...โดดเดี่ยวเศษเสี้ยวหนึ่ง
รอยต่อซึ่งขาดลงคงหวั่นไหว
แยกตนห่างร้างลามาแสนไกล
หมายเชื่อมใหม่ผู้สร้างระหว่างทาง

ท้อก็ดี...ความหวังเหมือนพังพ่าย
เน้นความหมายภารกิจคิดสะสาง
ไม่สอดคล้องธรรมชาติขาดทิศทาง
ล้มเหลวต่างสำเร็จจริงเท็จครวญ

จบก็ดี...พักผ่อนนอนหลับบ้าง
ทบทวนทางที่แท้แลกลับหวน
ถึงจุดหมายปลายทางต่างที่ควร
ทุกสิ่งล้วนเกิด-ดับ จับต้นตอ....
				
12 เมษายน 2556 21:56 น.

น่าเสียดาย...ว.วชิระเมธี

คีตากะ

0001-002.gif











น่าเสียดาย...เรามีพุทธสุดยอดศาสน์
ประจำชาตินานนมบ่มรักษา
แต่เหตุใด...ไสยศาสตร์ขาดปัญญา
จึงบังตาประชาชาวราวธุลี

น่าเสียดาย...เรามีพระมหากษัตริย์
จริยวัตรงดงามอร่ามศรี
แต่เหตุใด...คนโกงเมืองเฟื่องธานี
จึงมากมีเหลือแสนทั่วแดนดิน

น่าเสียดาย...เรามีวัดดัดนิสัย
ทุกแห่งในตำบลจนทั่วถิ่น
แต่เหตุใด...คนไร้ธรรมนำชีวิน
เกลื่อนธานินทร์กร่อนชาติขาดสังวรณ์

น่าเสียดาย...เรามีประชาธิปไตย
จารึกไว้ลายลักษณ์เป็นอักษร
แต่เหตุใด...ปฏิวัติรัฐตัดตอน
อำนาจทอนเสรีกี่ครั้งมา

น่าเสียดาย...เรามีหลายมหาลัย
ที่ยิ่งใหญ่มากแห่งในแหล่งหล้า
แต่เหตุใด...ชอบดูดวงบวงสรวงเทวา
ปราศปัญญางมงายมากมายชน

น่าเสียดาย...เรามีป่าสีเขียว
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติดาษดื่นหน
แต่เหตุใด...ผลาญทำลายหมายผจญ
ขาดแคลนชนรักษาเอื้ออารี

น่าเสียดาย...เรามีหลายศิลปะ
วัฒนธรรมของตนยลฉวี
แต่เหตุใด...เก่งลอกเลียนเพี้ยนวิธี
ชอบก๊อปปี้ต่างชาติอนาถชน

น่าเสียดาย...เรามีบทตัวกฎหมาย
ตรามากมายเอาไว้ไม่สับสน
แต่เหตุใด...ชอบกฎหมู่เชิดชูตน
สิ้นเหตุผลป่าเถื่อนจนเกลื่อนเมือง

น่าเสียดาย...เรามีล้วนสื่อมวลชน
สื่อสารคนไร้พรมแดนแน่นราวเรื่อง
แต่เหตุใด...มุ่งขายของจนนองเนือง
เวลาเปลืองโฆษณาระอาใจ

น่าเสียดาย...เรามีคลังหนังสือมาก
ความรู้หลากมากแหล่งกว่าแห่งไหน
แต่เหตุที่...ปีอ่านแปดบรรทัดไซร้
คือคนไทยทั้งชาติขาดการอ่าน

น่าเสียดาย...เรามีเกร่ออินเทอร์เน็ต
ได้สำเร็จก่อนโลกสามยามสื่อสาร
แต่เหตุใด...ใช้ส่งภาพอนาจาร
ทุกเขตย่านมัวหมองครองราคี

น่าเสียดาย...เรามีทีวีใช้
หลายช่องให้สำราญพานสุขี
แต่เหตุใด..ไทยชนยลทีวี
จับจ้องที่ละครเน่าเคล้าน้ำตา

น่าเสียดาย...เรานี้มีพ่อแม่
ผู้เฒ่าแก่อยู่บ้านท่านคอยหา
แต่เหตุใด...ปล่อยท่านเนิ่นนานมา
เหงาเหว่ว้าลำพังนั่งเดียวดาย

น่าเสียดาย...เรานี้อาจดีได้
กลับตัวใหม่อีกครั้งยังไม่สาย
แต่เหตุใด...ใฝ่ตัวมัวเมามาย
ชอบเลวร้ายตลอดกาลผลาญชีวา

น่าเสียดาย...เรานี้มีอิสระ
หยุดเลิกละความอยากจากใจหนา
แต่เหตุใด...ใจปองสนองอยากมา
ตามตัณหาเรื่อยไปไล่คว้าเงา

น่าเสียดาย...เราอาจพบสบนิพพาน
จิตเบิกบานชาตินี้ไม่มีเฉา
แต่เหตุใด...ทำแต่บุญหนุนทานเอา
ลืมรากเหง้าแก่นแท้แพ้มายา
				
12 เมษายน 2556 21:57 น.

จางจืดจึ่งรสแท้...สามัญจึ่งยอดคน..

คีตากะ

160058.jpg














เสพเนื้อหนังมังสาว่าโกรธง่าย
บ่อนทำลายทุกสิ่งเยี่ยงสิงห์สา
ซ่อนเล็บเขี้ยวเกรี้ยวนักพยัคฆา
ชาตินักฆ่าอำมหิตปลิดชีพปลง

เสพเพียงหญ้าว่าเขลาทั้งเง่าโง่
ทึบดั่งโคดื้อด้านพาลใหลหลง
ดีแต่แรงแข่งขันประชันองค์
ปัญญาคงตื้นน้อยร่อยหรอไป

เสพพืชผักว่าสมองแคล่วคล่องนัก
ปัญญาจักเจิดจ้ากว่าใครไหน
ทุกปัญหาแก้พ้นมิจนใจ
เพียงแต่ไร้พลังหลังการงาน

เสพอากาศปราชญ์ว่ายากหาพบ
ย่อมสยบโรคภัยในสงสาร
ง่ายบรรลุความสงบพบนิพพาน
จิตวิญญาณอมตะละเกิด-ตาย


				
11 มีนาคม 2553 12:31 น.

สูงสุดสู่สามัญ...

คีตากะ

สามัญชนธรรมดาตาแลโลก
มีสุข-โศกเป็นไปจิตไหวหวั่น
ล้วนถูก-ผิดดี-ชั่วเข้าพัวพัน
ยังตนนั้นสับสนบนรอยกาล

ศึกษาสรรพสิ่งอิงตรรกะ
เพ่งวัฏฏะหมุนเวียนเปลี่ยนสืบสาน
ละวางบาปหาบบุญหนุนเจือจาน
เวียนว่ายนานคณานับรับผลกรรม

บัณฑิตพึงฝึกฝนตนบากบั่น
แจ้งจิตอันประภัสสรห่อนถลำ
ทวิลักษณ์ลวงจิตพิศมืดดำ
วางผลกรรมพ้นไตรโลกสิ้นโศกตรม

มหาศาลแห่งจิตพิศดาร
จักรวาลรวมหนึ่งจึงสุขสม
ทรงปัญญาประเสริฐเลิศพรพรหม
ความว่างห่มวิญญาณเบิกบานทรวง

ดุษฏีดุจดังพ้นฝั่งฝัน
มหัศจรรย์เลิศภพจบแดนสรวง
แจ้งมายาร้อยลิ้นสิ้นเล่ห์ลวง
หลุดพ้นบ่วงสงสารสราญรมย์

สามัญชนเรียบง่ายคล้ายโง่เขลา
สะท้อนเงาสรรพสิ่งอิงเหมาะสม
สอดคล้องธรรมล้ำลึกเร้าอารมณ์
กายครอบห่มจักรวาลสืบสานธรรม


				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ