อุปัฎฐิตาฉันท์ ๑๑ ๏ งามเหมือนนิรมิต เฉพาะกิจฉลองกาล ดวงแสงนภสาน พุทศาสน์อมรใส ๏ เพ็ญเดือนระดะดาว รุจิพราวสว่างไพร เย็นนุ่มศิระนัย ฤดิน้อมมนัสนำ ๏ นวลผ่องอุรพา วิสะขาพิศุทธิ์คำ ฟังเทศน์อภิธรรม อติทั่วไผททอง ๏ เรืองในธรณี ปุรมีอร่ามมอง ชื่นพลอยปิติผอง จิตเพริศชโลมพา ๏ คืนเพ็ญระวิพราว วรคราวประสูติครา หอมเมืองสุรมา ปรมัตถ์อุบัติพลัน ๏ ตรัสรู้สิริเรียง ทุกข์เคียงนิโรธครัน มรรคศรีพิรสันต์ สมุทัยพิไลสม ๏ นิพพานประลุเพลิน ฤดิเชิญวิบูลย์ชม ฉ่ำพรฐิติพรม ปฏิพัทธ์ประโลมเพียง ๏ ลานบุญรตะบุญ นพคุณสนานเคียง ธรรมสอนสุจิเสียง พิธิศาสน์ประจงศรี ๏ มวลชนสหชาติ มติชาติประชาชี สวดมนต์จิระมี สุวิมลกระชุ่มมาน ๏ งามเหมือนนิรมิต เฉพาะกิจเฉลิมการ ศรัทธรรมชุติทาน นิธิทัศน์สวัสดิ์เทอญ ๚ะ๛
คอนพูทน
๏ จรุงไกลหอมดั่งแก้ม เอยกานท์ พราวสกาวเรือนวรรณกรรม เสนาะก้อง ยินครวญบรรเลงขาน สดับขับ รักษ์คัดจึงเรียงคล้อง สนั่นขรมฯ ๏ ชมแพรวลำนำเพริศ เชลงพา คำพร่ำบาดคมพลอย อร่ามพิศ ฉลุศิลป์ปิ่นภาษา นิพนธ์ศาสตร์ พลัน!!นั่น “เกินคาด” นิด เหตุไฉนฯ ๏ กลอนใคร? หกตกพื้น ลานประพันธ์ มองพร่างรอยบทเพลง หยาดแพร้ว บางความหลากมากฝัน แรงใฝ่ เก็บเหล่า “กลอนหก” แล้ว จัดสลวยฯ ๏ จรดสวยบรรจงซ่อม ประดอยสาย เติมศักดิ์หักแตกแซม แต่งสร้อย หวานชงเปิดออกฉาย ประดับฉัตร พราวแอร่มกลัดพวงร้อย เสนอเรียงฯ ๏ เคียงนำบรรเจิดนุ่ม สำนวน สานเนียนเป็นสำเนียง กระชุ่มนัก ขาดหายจักคืนหวน มาห่อ เชิญแลชมคมลักษณ์ ชื่นหลายฯ ๏ กลายครวญจากกลอนครั้น ละมุนคลอ ตวัดขีดมาเป็นโคลง เลบงครบ หยดสนุกบันเทิงหนอ เหยาะเสนาะ สนานเพลินอักษราพบ ฉะฉ่ำผล ๚ะ๛ .................................. โคลงวิชชุมาลี คอนพูทน
๏ คุณค่าไทยรอยไทยไทยเราเทิด มาเถิดเชิดสานชูเรียงชูสาน ภาษาสวยรวยศิลป์ยินนานกาล วัฒนธรรมคำขาน..งานประเพณี ๏ โบราณสถานทิวทัศน์โบราณวัตถุ อย่าปล่อยผุพังพาเสื่อมราศี ภูมิปัญญาสารพัดคู่ปฐพี “เชิญ”ที่นี่เบิกเนตร..ชมประเทศไทย ๏ จากเหนือล่องท่องภูเรื่อยมาพ่าง ฟ้อนเทียนสล้างหมอลำรำนางไห ปอยส่างลองเสร็จลุ้นบุญบั้งไฟ แลหนังใหญ่เพลงเหย่ย..เอ๋ยสนุกนั้น ๏ สุด “ม่วนซื่น”ปราสาทแดนอีสาน ภาคกลางจารบรรณจำวรรณกรรมนั่น ทั้งกาพย์โคลงโยงชมคมความครั้น ร่ายกลอนฉันท์โยงชม..คมความครบ ๏ เรือกอและแกงเหลืองมนต์เมืองใต้ ทะเลสวยน้ำใสแหล่งมหรสพ รำรองเง็งสาวงามพิศอร่ามพบ จบลงพร้อมหอมจรุง..หนังตะลุงเงา ๏ คือ “มรดกแผ่นดิน” รายประดับ จากทะเลเห่ขับสุดป่าเขา ศิลป์ศาสตร์ศรีสืบสานเนิ่นนานเนา เถิดชาวเราชวนรักษ์..ร่วมอนุรักษ์ ๚ะ๛ คอนพูทน
๏ แว่วคนธรรพ์บรรเลงกลิ่นเพลงกรุ่น หยาดละมุนโชยมาเกินกว่าหอม พิเราะเพราะเสนาะสรวงพวงพะยอม นางฟ้าห้อมสไบห่อ..โอ้หนองาม ๏ แต่ละนางผ่องนวลรัญจวนสวรรค์ ยิ่งบุหลันคมหลายพรายอร่าม บ้างเริงร่ายรำร่อนบ้างฟ้อนตาม สุดฟ้าครามพิศคราว..พราวเรียงเพลิน ๏ เนียนช่อนุ่มชุ่มโปรยลมโชยผ่าน หวานแพร้ว..สดชื่นพาเวหาเหิน แต่ละช่อชูชันอัศจรรย์เกิน แม้นไม่เชิญก็ช่าง..ขอแค่ชม ๏ อรชรอ่อนช้อยหยดย้อยหยด สกาวสดวิศุทธิ์ใสพิไลสม ดุจทาทองผ่องสล้างช่างกลึงกลม พลอยอารมณ์ฉ่ำริน..จินต์ลีลา ๏ ชื่นชื่นเพียงสาวเพริศบรรเจิดแจ่ม ขวัญแฉล้มยลพิลาสแรงปรารถนา สวยสะเก็จเพชรประดับระยับฟ้า เริงนภาเวลาเพลงบรรเลงพิณ ๏ นางสวรรค์ชั้นภูเวียงเจรียงรส ทุกบริบทส่ายกระบวนชวนถวิล ยอดประทุมท้าทายแค่ปลายลิ้น เคียงเมฆินทร์เชยคาง..กลางความคิด ๚ะ๛ คอนพูทน
๏ ยามลมปลิวพัดล้อ โปรยลาม เย็นล่องเรียงเคียงลาน กระชุ่มแล้ว หยดสวาทผ่องนวลหวาม สวรรค์ห่ม หยาดพร่างดวงแก้วแพร้ว นิวาสเพียงฯ ๏ เอยเสบยนัยร่มบ้าน เรือนบัว งามเมื่อทุกคราเมียง แคบแม้น ยังหอมที่ซุกหัว แรกแห่ง สุขกว่าใดไซร้แคว้น นุ่มฝันฯ ๏ เพลินหนอเพียงแหล่งนี้ กินนอนเธอปกดูแลปัน รักษ์ป้อง หลับละมุนอุ่นแทบหมอน ทรวงแม่ ยินขับเพลงท้องคล้อง กล่อมขรมฯ ๏ เฉพาะกิจเพียงแค่เก้า เดือนกาล นอนขดในเรือนคม หน่ออะเคื้อ เรือนไหน? ไป่อาจสนาน เทียมนั่น เรือนนี่เธออุ้มเนื้อ ลูกหนอฯ ๏ พิมานเลอคงมั่นแล้ เปรมหลาย อิงพักครบเดือนพอ คลอดพร้อย คุณมากยากเปรียบหมาย ขวัญมิ่ง หลังนิดเรียกบ้านน้อย แม่เสนอฯ ๏ เรียงครวญนานยิ่งเคลิ้ม เรือนครรภ์ รักท่านบูชาเธอ เทิดน้อม เติมฝากตอบแทนขวัญ ดังใฝ่ จุมพิตกอดด้วยพร้อม กระท่อมผอง ๚ะ๛ ......................... โคลงดั้นบาทกุญชร คอนพูทน