30 มกราคม 2550 21:54 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เขา....
ต่างจากเรามากมีอย่างที่เห็น
ทุกอย่างที่เป็นเรา...เขาไม่เป็น
หลายประเด็นที่เป็นเขา...เราไม่มี
เรา....
เปรียบเทียบเขาคนละทางต่างวิถี
บนพื้นฐานความต่างหว่างชีวี
ล้วนหลายหลากวิธีหลากที่มา
แนวความคิดอาจเป็นเส้นขนาน
ยามกอปรการมักเห็นเป็นปัญหา
เมื่อต่างคนต่างเขลาเบาปัญญา
จึงมืดมิดอวิชชากว่างานใด
หากไม่คิดตีค่าว่าเรา-เขา
แล้วคิดเอาไมตรีมีมาให้
อาจเห็นธรรมนำทางสว่างไกล
สมานจิตสนิทใจให้ต่อกัน
เราเกิดมาร่วมกันเพื่อสรรค์สร้าง
เพื่อหาทางให้พลโลกพ้นโศกศัลย์
ทุกชีวิตเกิดมาค่าอนันต์
ไยเยาะเหยียดหยามหยันแบ่งชั้นชน
มือถือสากปากดื้อว่าถือศีล
ใจป่ายปีนหาสุขทุกแห่งหน
จึงได้ชื่อลือเลื่องว่าเมืองคน
ยึดถือตนเป็นใหญ่...กว่าใครเอย
14 มกราคม 2550 22:52 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เห็นซากเรือเหลือไว้ใกล้ใกล้ฝั่ง
ดูสิ้นหวังพังครืนคลื่นถล่ม
ที่เคยแกร่งแรงกล้าท้าแดดลม
ถึงคราล่มจมลับกับธารา
ครั้งหนึ่งเรือเคยงามมีความหมาย
ด้วยฝีพายโดดเด่นเป็นสง่า
ผู้โดยสารผ่านไปหลายเพลา
เรือชราลำเดิมเริ่มผุพัง
มิอาจทนฝนลมโหมกระหน่ำ
เคยลอยลำจำใจจอดใกล้ฝั่ง
พายุครืนคลื่นถล่มโหมประดัง
สิ้นพลังโรยแรงแห่งนาวา
เรือจึงสิ้นความงามหมดความหมาย
ตอนสุดท้ายให้เห็นเป็นปัญหา
เป็นเรือเก่าเอาไว้ไร้ราคา
เรือชราใครเห็นเป็นต้องเมิน
ได้โปรดเห็นคุณค่านาวาน้อย
สิ้นแรงลอยเรือจ้างจำห่างเหิน
หวนถึงวันลอยลำเรือดำเนิน
ส่งทางเดินชีวิตศิษย์หลายคน
ให้เห็นชัดสัจธรรมเรือลำเก่า
ที่ต้องจอดทอดเงาอย่างเศร้าหม่น
คิดถึงวันเคยพายกลางสายชล
ส่งเขาพ้นผ่านไปไร้คนมอง
11 มกราคม 2550 14:28 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
อย่าเพิ่งมอบรักใครได้ไหมน้อง
ให้มาลองรักพี่นี้น่าสน
แม้อาจต้องลำบากและยากจน
ความเป็นคนล้นเปี่ยมเตรียมไว้รอ
มีเถียงนาหลังน้อยไว้คอยน้อง
ไว้เป็นเรือนรับรองเป็นห้องหอ
สวนนาไร่ไม่มากหากเพียงพอ
ไว้เป็นข้อต่อรองหากน้องมา
พาหนะคู่ใจพอได้ขับ
ไว้รอรับกลับบ้านแสนหรรษา
แม้อาจเป็นได้เพียงแค่เถียงนา
แต่คุณค่ายอดเยี่ยมเทียมวิมาน
อย่าเรียกร้องทองหมั้นในวันแต่ง
เพราะมันแพงเกินไปให้คิดอ่าน
ต้องกู้เงินก้อนใหญ่ไว้จัดงาน
ดอกเบี้ยบานนานไปให้ตริตรอง
หนี้สินพี่มีอยู่พอกู้หน้า
แต่หากว่านานไปไม่หม่นหมอง
พี่เลิกกู้เลิกทำเรื่องจำนอง
เพราะฉะนั้นค่าดอง....ไม่ต้องเอา
คิดให้ดีนะน้องอย่างมองผ่าน
หากปล่อยนานตัวน้องต้องอับเฉา
ชายทั้งโลกหลายแสนแผ่นดินเรา
แต่ใครเล่าจะพลีตัวเป็นผอ...สระอัว...ดี
5 มกราคม 2550 10:39 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
กกกะโดนโพนกะเดาแสนเศร้าหมอง
ไร้คนครองเคียงข้างสร้างทุ่งฝัน
เถียงนาร้างกลางแจ้งแสงตาวัน
ทุยรำพันพร่ำเพ้อละเมอครวญ
พลิ้วลมพัดสะบัดใบไม้ไหวโยก
กะเดาโศกสลัดใบให้คิดหวล
แว่วเสียงแคนค่อนรุ่งทุ่งลำดวน
แปรขบวนหนุ่มสาวเข้าสู่กรุง
เคยขอเพลงให้กันวันเก็บเกี่ยว
มือกำเคียวเคียงคู่อยู่กลางทุ่ง
ทำนองแคนคลอรับกับเสียงซุง
เคยมั่นมุ่งผดุงถิ่นแผ่นดินทอง
จึงเรื้อรกกกกะโดนโพนนาเก่า
เมื่อไร้เงาผู้คนดูหม่นหมอง
ทั้งแอกคราดคันไถไร้คนมอง
กาเหว่าร้องรอรับเจ้ากลับมา
สวมชุดฟอร์มโรงงานลืมบ้านนอก
ฤาหลงเมืองบางกอกลืมดอกหญ้า
ฤาลืมกกกะโดนที่โพนนา
กาลเวลาล่วงไปเปลี่ยนใจคน
กกกะโดนโพนกะเดาดูเศร้าหมอง
จะกู่ร้องหาใครก็ไร้ผล
ล้วนทุ่งแล้งแห้งผากคนยากจน
จำดิ้นรนจากนามาขายแรง
กก หมายถึง ต้น
กะโดน หมายถึง ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง ยอดอ่อนกินเป็นผักได้มีรสฝาด ภาษาไทยกลางเรียกต้นจิก
โพน หมายถึง เนินดินขนาดเล็ก
กะเดา หมายถึง ต้นสะเดา
เถียงนา หมายถึง กระท่อม
แดนลำดวน เป็นสมญานามของจังหวัดศรีสะเกษ
ซุง หมายถึง ซึงหรือพิณ