30 พฤษภาคม 2548 17:49 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
คนเมืองกรุงบ่นว่าเบื่อหน้าฝน
เพราะต้องทนเดินย่ำแหล่งน้ำขัง
อีกเท้าเปื่อยแผลพุพองต้องระวัง
รถก็พังสีกระเทาะเพราะโคลนตม
จะเดินทางไปไหนให้ติดขัด
ทั้งเป็นหวัดเป็นไข้ไอกันขรม
อดจับจ่ายสินค้าเสียอารมณ์
ต้องนอนซมเสียเวลาน่ารำคาญ
แต่น้ำฝนหล่นจากฟ้าเวหาหาว
ให้หมู่ชาวนาไร่ได้ไถหว่าน
หลังจากที่ร้อนแห้งแล้งมานาน
ฟ้าประทานหยาดฝนหล่นลงดิน
เมื่อฝนพร่างพรมป่ามีอาหาร
ยอดผักหวานเห็ดป่าโอชาสิ้น
ทั้งกบเขียดปูปลาหามากิน
เราชาวถิ่นท้องนาร่าเริงนัก
คนท้องไร่ท้องนารักหน้าฝน
ฟ้าเบื้องบนโปรดเห็นใจตกให้หนัก
เราเตรียมแอกคราดไถไว้พร้อมพรัก
ด้วยงานหลักคือวางแผนพลิกแผ่นดิน
อย่าไปตกเลยหนาฟ้าบางกอก
คนเขาบอกบ่นว่าฝนบ้าบิ่น
บ้างก้แช่งบ้างก็ด่าฝน...ากิน
มาตกถิ่นท้องนา....ปวงข้ารอ
26 พฤษภาคม 2548 19:29 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
หากเปรียบเด็กทั้งหล้าคือผ้าขาว
พิสุทธิ์ราวสำลีไร้สีสัน
มีพ่อแม่แลครูถือพู่กัน
แต่งภาพฝันสรรสีสวยช่วยต่อเติม
หากเธอคือผ้าขาวพราวพิลาส
ไร้รอยขาดรอยแหว่งไม่แต่งเสริม
มาจากช่างทอที่ดีแต่เดิม
ก็คงเริ่มแต่งได้ด้วยใจรัก
แต่ผ้าขาวเหล่านี้มีรอยขาด
แม้สะอาดแต่ใครใครก็ไสผลัก
มาจากช่างทอที่ไม่ดีนัก
ภาระหนักมอบให้ครูถือพู่กัน
ตัดรอยแหว่ง..แต่งรอยหวะ..ก่อนจะวาด
ผ้าผืนขาดอาจมีหลากสีสัน
บรรจงแต่งบรรจงปะแต่ละวัน
ผ้าผืนนั้นพลันสวยด้วยมือครู
แต่ละขั้นบรรจงก่อนลงสี
ให้ผ้านี้บรรเจิดงามเลิศหรู
จากผ้าขาดที่ไม่มีใครดู
อาจมาอยู่แถวหน้าเป็นผ้างาม
เด็กท้องไร่ท้องนาคือผ้าขาด
ด้อยโอกาสขัดสนคนมองข้าม
ในสังคมที่ความทุกข์เข้าคุกคาม
เธอคือความหวังใหม่ไทยทั้งมวล
โดย....ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก