18 กรกฎาคม 2548 14:45 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
อ้ายนี้พานคำแท้
ย่านแต่เพิ่นบ่สมโต
ย่านบักโมอยากอายแตง
แล่นตำบักอื๋อน้อย
ถาม..ว่ารักจริงไหมเมื่อใคร..ถาม
ขอ..ตอบตามคำตอบคนชอบ..ขอ
รอ..ต่อไปหากใจปองให้น้อง..รอ
วัน..จะเคลื่อนเลื่อนพ.ศ.ให้รอ..วัน
รัก..ตัวเองมากกว่าใครเรื่องใจ..รัก
หวั่น..ใจนักก็วางจิตอย่าคิด..หวั่น
พันธุ์..อย่างพี่นี้ควรนำไปทำ..พันธุ์
เพราะ..พี่มันรูปก็งามนามก็..เพราะ
แท้..พี่คือชายชาญพานคำ..แท้
เหมาะ..นะแม่แน่ใจดูให้..เหมาะ
เพาะ..ต้นกล้าจะให้ดีที่พันธุ์..เพาะ
จง..รีบเสาะแสวงไว้ดังใจ..จง
พี่..ไม่รักใครเขาเท่ารัก..พี่
หงส์..พันธุ์ดีควรคู่อยู่กับ..หงส์
วงศ์..ไฮโซเขาให้อยู่ใน..วงศ์
ใคร..ประสงค์เอื้อมสอยอย่าคอย..ใคร
หอบ..เสื้อผ้าลงหีบให้รีบ..หอบ
ใส่..กระสอบก็ดีถ้ามี..ใส่
ไป..กับพี่เถิดหนาจะพา..ไป
กังวล..ใจ?ไยน้องต้อง..กังวล?
ไร่..นาพี่มากมายมีหลาย..ไร่
ผล..ไม้หลายชนิดผลิต..ผล
คน..อย่างพี่พออยู่ได้ในเมือง..คน
คือตัวตนคนเรียกขาน "พานคำ*แท้"
บทแรกเป็นผญา (คำคมคนลาว คนอีสาน) ถอดความได้ดังนี้ พี่นี้เป็นผู้สูงศักดิ์ ไม่มีคนคู่ควร หลายคนอยากรู้จัก อยากเข้ามาหาแต่ก็ไม่กล้า อายเขิน ประมาณนั้น
คำ คือ ทองคำ
พานคำแท้ คือ ชายฉกรรจ์ผู้ทะนงตน ยโสโอหัง
14 กรกฎาคม 2548 22:55 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เราพบกันวันที่ฟ้าสีหม่น
กาลผ่านพ้นแยกทางร้างกันก่อน
นิยายรักน้ำเน่าเราขาดตอน
เธอจากจรไปกับเขาเข้าวิวาห์
หลายปีผ่านผันไปไม่มีข่าว
ทุกเรื่องราวลบเลือนเหมือนสิ้นค่า
มีเพียงความว้าเหว่บางเวลา
ฉันเยียวยาแผลใจทุ่มให้งาน
อาจเพราะรักน้อยไปจึงไม่เศร้า
จนใครเขารับทราบความหยาบกร้าน
ไร้ร่องรอยอกหักรักร้าวราน
ฉันสอบผ่านความช้ำปิดตำรา
รู้ข่าวเธอวันนี้มีลูกสอง
สวมสร้อยทองเพชรหรูดูสง่า
คฤหาสน์โอฬารตระการตา
เป็นภรรยาที่ดีแม่ศรีเรือน
ไม่คาดคิดชีวิตรักกลับหักเห
ผัวเกเรวาดลวดลายหาใครเหมือน
บ้านเคยสุขกลับเศร้าเข้ามาเยือน
ใจสะเทือนเตียงหักรักขาดตอน
เราพบกันวันนี้ฟ้าสีเศร้า
ถ่านไฟเก่าเผาไหม้ไฟเริ่มอ่อน
ไม่เหลือความห่วงใยอาลัยอาวรณ์
คงไม่ย้อนอีกหน..คนละทาง
14 กรกฎาคม 2548 22:44 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ลูกกก*....ผัวเก่า (อ่านให้เป็นเพลงนะ)
ได้ข่าวว่านางนั้นเป็นแม่ฮ่าง* ใจว่างหลายปี
หย่าขาดจากสามี หัวใจป่นปี้..หม่นหมอง
รักเคยชื่นฉ่ำกลับมาชอกช้ำไปตามทำนอง
อุตส่าห์ประคับประคอง
เลี้ยงลูกทั้งสองจนเติบใหญ่
หัวใจสลายบ่มีผู้ใดมาเคียงข้าง
รักษาสภาพแม่ฮ่าง เป็นแม่ตัวอย่างบ่หวังพึ่งใคร
ฮอย* เก่าเขากอดบ่มีผู้สอดอ้อมแขนมาใส่
ฐานะคนเคยเคียงใกล้
รู้สึกเห็นใจบ่ได้เสแสร้ง
เห็นหน้าคำแพง* เช้าแลง* อ้ายแห่งสงสาร
เหนื่อยหนักมากไหมนงคราญ
สิ* บริการไปซ่อย* เบิ่งแยง*
อ้ายไปนั่งเฝ้าลูกกกผัวเก่ากะมาแสดง
เกลียดชังอ้ายอย่างรุนแรง
หมดสิทธิ์แทรกแซงครอบครัวของเจ้า
ลูกกกผัวเก่า เขาคงสิซัง*อ้ายหลาย
เว้ามาอ้ายนี่อยากอาย เสียดายได้แต่นั่งเหงา
ความฮักคงสิ้น โบยบินบ่เหลือแม้เงา
จบเหมือนนิยายน้ำเน่า
ลูกกกผัวเก่า....เขาซังอ้ายแฮง*
* ลูกกก หมายถึง ลูกชายคนโต
ส่วนผัวเก่า คงไม่ต้องแปล
แม่ฮ่าง หมายถึง หญิงที่ถูกผัวทิ้ง
ฮอย หมายถึง รอย
คำแพง หมายถึง คนที่แสนรัก หวงแหน
เช้าแลง หมายถึง เช้า เย็น
สิ หมายถึง จะ
ซ่อย หมายถึง ช่วย
เบิ่งแยง (เสียงออกนาสิก) หมายถึง ดูแล
ซัง หมายถึง ชัง เกลียดชัง
ซังอ้ายแฮง หมายถึง เกลียดพี่มาก
6 กรกฎาคม 2548 20:16 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เขาว่าเธอสับสนคล้ายคนบ้า
มีแววตาแต่ไร้ความใสสด
โลกดูเปลี่ยวเปล่าเหงาเศร้ารันทด
หาความงดงามใดก็ไม่มี
เพื่อนเขาเรียนเขียนอ่านเสียงขานขับ
เธอนั่งหลับจับเจ่าเหงาเหลือที่
วันและเดือนเคลื่อนไปหลายขวบปี
จวบวันนี้ที่เห็นยังเช่นเดิม
กายเติบโตตามวัยเช่นใครเขา
สมองเล่าเหตุใดจึงไม่เสริม
ความอบอุ่นทางใจใครช่วยเติม
วันใดเริ่มเตรียมพร้อมยอมเล่าเรียน
วันนี้เธอเยาว์วัยไร้เดียงสา
วันข้างหน้าใครจะรับ..จับมือเขียน
จะมีครู..ใครเล่าเฝ้าพากเพียร
กาลผันเปลี่ยนจากวัยเยาว์ที่เจ้าเป็น
เผชิญโลกอย่างไรไม่อาจรู้
จะเป็นอยู่อย่างไรไม่อาจเห็น
หลายคำถามตามรุกทุกประเด็น
อาจลำเค็ญเคว้งคว้างหรืออย่างไร?
ยังรออรุณรุ่งของพรุ่งนี้
หวังเธอมีใบหน้าแววตาใส
หวังเธอร่วมเรียนเล่นเช่นใครใคร
สู่วันวัยแกร่งกล้า...อนาคต
1 มิถุนายน 2548 20:18 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ครั้งหนึ่งในชีวิต....
ที่เดินผิดก้าวพลาดสิ่งวาดหวัง
กลายเป็นคนชอกช้ำอ่อนกำลัง
ชีวิตดังสูญสิ้นไร้วิญญาณ์
เมื่อเผชิญความผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่
กี่ร้อยพันกำลังใจก็ไร้ค่า
บรรเทาความเจ็บช้ำด้วยน้ำตา
เหม่อมองหาใครใคร..ไม่เหมือนเรา
ตั้งคำถามว่า "ทำไม..ไยฟ้าแกล้ง"
ผิดร้ายแรงสถานใดทำให้เศร้า
โลกวันนี้ที่เห็นเป็นสีเทา
สรุปเอาเองว่าฟ้าลำเอียง
หาทางออกที่ว่าดี..ให้ชีวิต
ทวงถามสิทธิ์กับใครใครไยสิ้นเสียง
แว่วคำตอบปลอบโยนคนข้างเคียง
"ก็เป็นเพียงเรื่องช้ำช้ำ..ธรรมดา"
จึงครวญคร่ำว่าใครเข้าใจบ้าง?
หรือรอบข้างเขาเห็นเราเป็นบ้า
เคยโดดเด่นเกินใครในสายตา
ถึงเวลาพ่ายแพ้แก้ไม่เป็น
จะกู่ร้องก้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
หาคนฟังทั้งแดนแสนยากเข็ญ
กลับมานั่งทรุดร่างอย่างลำเค็ญ
จึงได้เห็นคุณค่า..คำว่า"แพ้"