20 มีนาคม 2549 14:44 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ดอกจานบนลานดิน....
แม้ไร้กลิ่นหอม
ต่างพวงพะยอม
คนดอมเด็ดดม
ดอกจานบานกลางนา
ลานตาน่าชม
สีแดงสวยสม
ท้าลมแล้งเยือน
ขอเธอเป็นเช่นดอกจานบานหน้าแล้ง
แทนความแกร่งกว่าใครหาใดเหมือน
แดงดอกจานบานสวยช่วยย้ำเตือน
อย่าลืมเลือนถิ่นเก่าที่เนานาน
จานผลิดอกออกช่อล้อลมแล้ง
แม้ดินแห้งโหดหินถิ่นอีสาน
จานผลัดใบไว้รอช่อดอกบาน
ก่อนถึงกาลร่วงหล่นฝนพร่างพรม
แดงดอกจานบานงามแทนความหวัง
คือพลังอยู่ท่ามความขื่นขม
ชูช่อบานหาญกล้าท้าแดดลม
คนชื่นชมดอกงามในยามแล้ง
ขอเธอเป็นเช่นดอกจานบนลานกว้าง
งามสล้างแม้ดินแยกแตกระแหง
เด่นกว่ามวลมาลีด้วยสีแดง
มาแต้มแต่ง...ผืนนา...คราแล้งเยือน
21 กุมภาพันธ์ 2549 01:04 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
.เพื่อนแก้ว
..หลับตาแล้วจบลงตรงฝั่งฝัน
...เธอแรมรอนอ่อนล้ามาทั้งวัน
....เมื่อเงาจันทร์ทายทักเข้าพักนอน
.....เพื่อนรัก
......ไม่มีตักของใครให้แทนหมอน
........ไม่มีเสียงขับลำหรือคำกลอน
.........ไม่มีพรจากฟ้ามาให้เธอ
...........ไม่มีแม้มาลัยในคืนเหงา
.............ในความเศร้าเธอย่อมรู้อยู่เสมอ
..............ดาวดวงนั้นเสมือนเป็นเพื่อนเกลอ
...............หลับละเมอเพ้อไปตามใจจินต์
................เพื่อนเอ๋ย
..................ที่เขาเอ่ยหวานหูมิรู้สิ้น
...................คือคำลวงหลอกให้เธอได้ยิน
.....................เสียงเพลงพิณบรรเลง...อาจเพลงมาร
.......................เศร้าไปไย?
.........................มอบมาลัยให้ตัวเองพร้อมเพลงหวาน
..........................สรรเสกถ้อยร้อยวจีกวีกานท์
...........................เสียงขับขานผ่านปากออกจากใจ
............................เพื่อนแก้ว
..............................หลับตาแล้ว...อิดโรยอย่าโหยไห้
................................แม้ว่าราตรีนี้ไม่มีใคร
..................................แสงอำไพจักพุ่ง..เมื่อรุ่งราง
14 กุมภาพันธ์ 2549 17:59 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ศรีนครินทร์ดินเพียงน้ำ....งามตาฟ้าหย่อนหย่อน
นอนฟังเสียงฝนย้อย..........คอยท่าเบิ่งเดือน
สายพิรุณบ่ยอมเอื้อน..........ฟ้าเหนือเขื่อนคะนองฝน
หัวอกคนคอยเดือน............เลื่อนลอยบ่มีแล้ว
ตาเบิ่งแนวเงาไม้...............ใจสิลอยหาใผน้อ....หาใผหน่อ
ใจของนางสิคิดต่อ..............คือใจชายแหน่บ่หล่า ตาอ้าย..ส่องบ่เห็น
ฝากเป็นคำผญาอ้อน..........วอนไปให้นางอ่าน
ส่งเป็นสารก้อมก้อม...........ซอมใจเจ้าสิว่าใด๋
ฟ้าบ่ใสเปรียบดั่งใจชายนี้..มีแต่ความหมองหม่น
ซอมใจคนคือน้อง..............ดั่งคองท่าเบิ่งเดือน
อภิธานศัพท์ เพื่อความเข้าใจง่ายขอยกมาเป็นวลีหรือกลุ่มคำ
ฝนย้อย หมายถึง ฝนตกพรำ ๆ
หาใผน้อ หมายถึง หาใครหนอ
คิดต่อ หมายถึง ครุ่นคิดแบบมีหวัง (อิ..อิ)
ก้อม หมายถึง สั้น
ซอมใจ หมายถึง รอดูท่าที
สิว่าใด๋ หมายถึง จะว่าอย่างไร (รึ)
คองท่า หมายถึง รอคอยอย่างมีหวัง อีกนั่นแหละ
1 กุมภาพันธ์ 2549 00:51 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เธอดูเด่นเป็นดาวในคราวนั้น
คือภาพอันเลือนรางแล้วจางหาย
สมมตินามตามเรื่อง "เมืองน้ำลาย"
ตกม้าตายตอนจบอกซบดิน
โดยท่าทีลีลาน่านับถือ
คำเลื่องลือกรอกหูมิรู้สิ้น
ใครได้พบได้ชมสมใจจินต์
ดังเทวินทร์จากฟ้ามาเมืองคน
พร่ำคำหวานผ่านลมคมวาทะ
จึงชนะจิตใจใครทุกหน
เป็นขวัญใจทั่วหล้ามหาชน
ซึ่งซับซ้อนซ่อนกลมนต์มายา
ใครจะเห็นข้างในคนใจคด
เมื่อน้ำลดเห็นตอข้อกังขา
จะปิดบังอย่างไรไม่ลอดตา
กาลเวลาพิสูจน์คำพูดคน
ไม่ศรัทธาเธอหรอกจะบอกให้
ที่เผลอใจยอมรับว่าสับสน
สิ่งที่เป็นไม่ใช่ที่ได้ยล
ล้วนเล่ห์กลชวนชมให้งมงาย
เธอดูเด่นเป็นดาวในคราวนั้น
คือภาพอันเลือนรางแล้วจางหาย
สมมตินามตามเรื่อง "เมืองน้ำลาย"
ตกม้าตายตอนจบอกซบดิน
23 มกราคม 2549 19:21 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
.ใครบังอาจสามารถพิฆาตทุกข์
จะสร้างสุขสดใสให้คนหม่น
นับว่าแก้ปัญหาแบบสากล
ขจัดความยากจนบนแผ่นดิน
เหล่าชาวนาชาวไร่หวังได้พึ่ง
สักวันหนึ่งรันทดคงหมดสิ้น
เขาหวังเพียงชาตินี้พอมีกิน
เราชาวถิ่นท้องนาตั้งตารอ
ไม่ใช่คน "อาจสามารถ" จึงขาดสิทธิ์
หลายชีวิตฉับพลันเป็นฝันฝ่อ
หรือเขาว่าเราคนจนไม่พอ
จึงต้องขอรับกรรมเพียงลำพัง
ประเทศไทยใช่ว่า "อาจสามารถ"
ประชาชาติรออยู่อย่างผู้หวัง
ใครจะช่วยสร้างเสริมเติมพลัง
หรือจะยั้งและหยุดเพียงจุดเดียว
นี่คือการแก้ปัญหาแบบสาธิต
ภารกิจต่อไปใครจะเหลียว
เขาหมดแรงอ่อนล้าจนหน้าเซียว
ฤาไม่เกี่ยวถิ่นใครไปแก้จน
ใครจะมาบังอาจพิฆาตทุกข์
เพียงเล่นมุขมาใหม่ให้คนหม่น
หรือภาพหลอนลวงตาประชาชน
Kru ไม่สนเสียงใคร...Kru...ไปแล้ว