18 กันยายน 2549 10:50 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
เธอรู้สึกหนาวใจบ้างไหมน้อง
เมื่อลมล่องข้าวเบาเข้ามาถึง
วงแขนสอดกอดหมอนนอนรำพึง
พี่นี้จึงใคร่ถามเรื่องความรัก
คิดถึงบ่าวบ้านไกลไทบ้านต่าง
มาเคียงข้างพลางวิตกเรื่องอกหัก
ผู้บ่าวเก่าเขาหน่ายไกลกันนัก
ใจสมัครมั่นหมายอาจคลายคลอน
ระยะนี้....พี่ก็เหงา..
หลากเรื่องราวเก่าเก่าเข้ามาหลอน
ยิ่งเย็นย่ำสายัณห์ตะวันรอน
เอนกายนอนแต่กลับหลับไม่ลง
คิดถึงสาวบ้านไกลไทบ้านอื่น
มีดาษดื่นน้องเอยพี่เคยหลง
ระยะทางห่างไกลใจพะวง
เขาก็คงปันใจคนใกล้กัน
จึงส่งความถามข่าว...สาวบ้านใกล้
เธอหนาวกายหนาวใจบ้างไหมนั่น
หากรู้สึกหนาวเย็นเป็นบางวัน
มาสานฝันปันใจทอใยรัก
สายตาน้องอย่ามองผ่านคนบ้านใกล้
เขามอบตัวและหัวใจให้ประจักษ์
ฝากหัวใจผ่านสายตามาทายทัก
ขอกรอกใบสมัคร......คนรักเธอ
22 สิงหาคม 2549 22:00 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
นาล่มนาร้างกลางวสันต์
ชาวนารำพัน
คืนวันคล้อยเคลื่อนเดือนปี
หากไท้เทวาปรานี
ฝนฟ้านาดี
ชีวีมีสุขทุกวัน
เทวาฟ้าคงลงทัณฑ์
รับโทษทั่วกัน
สูญสิ้นพืชพันธุ์ธัญญา
นั่งเหม่อหม่นหมองมองนา
น้ำเหนือหลากมา
น้ำตาบ่าล้นฝนพรำ
ถิ่นที่เทพไท้ใจดำ
ก้มหน้ารับกรรม
ทุกข์ท้อรอน้ำทำนา
คือทุกข์คุกคามตามมา
สาเหตุปัญหา
ให้ฟ้าพิโรธ...โทษใคร
20 กรกฎาคม 2549 17:04 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ณ ถิ่นนี้ที่เรือนเหงา
มีคนเศร้ารวมอยู่เป็นหมู่ใหญ่
บ้างมาพักเพื่อว่าหาที่ไป
บ้างก็ไร้แหล่งหลักเรือนพักนอน
รวมกลุ่มชนคนเหงาเศร้าว้าเหว่
ผู้ร่อนเร่ไร้หลักมาพักผ่อน
หอมประทินกลิ่นผกาเอื้ออาทร
ผู้สัญจรเช่นเราคลายเหงาใจ
เพราะที่นี่มีเพื่อนร่วมเรือนพัก
เราตระหนักเพียงว่าผู้อาศัย
แม้เหน็ดเหนื่อยจากงานสักปานใด
เมื่อเราได้หยุดพักก็จักคลาย
จึงรู้จักรักเพื่อนในเรือนเหงา
หลากเรื่องเศร้าโศกศัลย์ก็พลันหาย
เพื่อนก็เหงาเปล่าเปลี่ยวเราเดียวดาย
มีสหายร่วมเหงาอีกเนานาน
ต่างคนต่างแบ่งปันวันเหงาเหงา
แบ่งเรื่องเศร้าเคล้าเรื่องสุขสนุกสนาน
บางนาทีน้อมนำเรื่องสำราญ
ให้ลืมวารลืมโลกอันโศกซม
ขอขอบคุณผองเพื่อนในเรือนเหงา
ที่ช่วยเราพักฟื้นความขื่นขม
แม้เกรี้ยวกราดบาดหมางบางอารมณ์
อย่าระทมเลยเพื่อน...เรือนเหงารอ
12 กรกฎาคม 2549 23:22 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ยิ้มเถิดพี่น้องผองเพื่อน
ลืมเลือนเรื่องเก่าเศร้าหมอง
รอยทุกข์รุกเร้าเข้าครอง
ขุ่นข้องหมองใจให้เลือน
เรื่องราวร้าวเจ็บเหน็บหนัก
หยุดพักที่นี่มีเพื่อน
ปลอบปลุกทุกคำย้ำเตือน
เสมอเหมือนมิตรแท้แน่เทียว
ทำบุญสุนทรขอพรพระ
ลดละเรื่องหมองข้องเกี่ยว
มอบความสนิทสนมกลมเกลียว
แม้เสี้ยวเศษหนึ่งครึ่งใจ
เด็กน้อย...ร้อยรัก...ถักฝัน
ขอบคุณผู้สรรปันให้
เดินทางต่างแดนแสนไกล
แผ่เผื่อ..เพื่อใด?..(จึง) ให้เรา
ตั้งจิต...จ่อใจ...ได้ปานนี้
ไยมีหม่นหมองครองเศร้า
ตรากตรำนำน้อมกล่อมเกลา
ใจเจ้าเอาบาปกลับไป
ร้อยมาลาหลากมากสี
ขอพลีพรั่งพร้อมน้อมให้
สายลมพรมพัดสะบัดไกว
หอบใจจากเรา....ชาวตานวน
1 กรกฎาคม 2549 10:27 น.
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก
ณ ลานฉิมพลีที่เราคุ้น....
ยังหอมกรุ่นอุ่นเอื้อเจือรักหวาน
ความหวังยังข้นเข้มเต็มนาน
ดอกรักเริ่มเบ่งบานตระการตา
แลชำเลืองเบื้องบนต้นงิ้วหนาม
มีคำถามโยงใยให้ค้นหา
เราต่างล้าแรมรอนสัญจรมา
พักกายาอุ่นอิ่มลานฉิมพลี
คือรักเศร้าเงาหมองของคนเหงา
คือเรื่องเล่าของคนหม่นราศี
บนถนนส่วนตัวสายชั่ว-ดี
ทางสายนี้มีไว้ให้เลือกเดิน
จะถอยหลังยั้งคิดก่อนผิดพลาด
หรือองอาจก้าวไปไม่ขัดเขิน
ในโอกาสงดงามยามบังเอิญ
ที่เชื้อเชิญให้เราก้าวเข้ามา
เบื้องหลังคือฉากเศร้าเราโหยหิว
เบื้องหน้างิ้วมีหนามนาม งิ้วผา
หากยั้งคิดกลับหลังหันทันเวลา
จงพิจารณาหาทางไป
ไม่อยากปีนงิ้วหนามจงห้ามจิต
ทางชีวิตอนาคตคงสดใส
อยู่ที่เราสองคนบนทางใจ
เก็บรักไว้..ลึกล้ำ..ห้วงคำนึง
ฉิมพลี อ่านว่า ฉิม-พะ-ลี หมายถึง ต้นงิ้ว
งิ้วหนาม เรียกอีกอย่างหนึ่งว่างิ้วผา ดอกสีแดงงาม มีน้ำหวาน ลำต้นมีหนามแหลมคม