21 ตุลาคม 2552 22:08 น.
ครูพิม
มองสิมองท้องฟ้าในคราค่ำ
เรไรร่ำย่ำเพลงบรรเลงหวาน
มโหรีราวป่ามีมานาน
กล่อมขับขานนานเนาเฝ้าพงไพร
มองสิมองดวงดาวที่พราวฟ้า
แต้มนภาราตรีสีสดใส
ดุจมณีคลี่พรมห่มฤทัย
สว่างไสวในนภายามราตรี
มองสิมองท้องนาครารุ่งเช้า
ชาวนาเขาลงแรงแห่งศักดิ์ศรี
ทุกหยาดเหงื่อเพื่อเรามีข้าวดี
เขียวขจีที่ทุ่งทองของชาวนา
มองสิมองผองพ่อค้ามาซื้อข้าว
หัวอกร้าวคราวนี้มีปัญหา
กิโลที่เขาให้ไร้ราคา
หมดปัญญาจำขายพอได้เงิน
มองสิมองความยากลำบากแท้
ชาวนาแพ้แต่ใครใครใคร่สรรเสริญ
กระดูกชาติอนาถนักจักเผชิญ
ความเจริญห่างไกล...ให้ระอา
มองสิมองตรองดูอาจรู้เห็น
สิ่งซ่อนเร้นเค้นคับกับปัญหา
รัฐบาลไหนหนอพอนำพา
ซับน้ำตา..คราน้ำ...มาซ้ำเติม
20 ตุลาคม 2552 06:51 น.
ครูพิม
เรานั่งอิงพิงกันเย็นวันหนึ่ง
ตะวันซึ่งพึ่งลับกับเหลี่ยมเขา
แสงอ่อนจางบางเห็นกลายเป็นเงา
โลกของเรา เราครองเพียงสองคน
ไม่มีสายตาใครให้หลบซ่อน
ไม่อาทรค้อนขวับหรือสับสน
ไม่ต้องอายสายตาใครมายล
ไม่ต้องสนความหมองของผู้ใด
มีเพียงเราเข้าใจมิไหวหวั่น
มีเพียงกันสรรค์สร้างทางไสว
มีเพียงเราสองเราที่เข้าใจ
มีสองใจใช้มองครรลองรัก
ณ แดนนี้มีเราเป็นเจ้าของ
จะเที่ยวท่องล่องไพรให้ประจักษ์
ใช้ป่าเขาเนาไม้เพื่อได้พัก
เราจะถักทอฝันนั้นอีกครา
ณ ถิ่นนี้มีรักประจักษ์จิต
ขอใช้สิทธิ์ชิดใกล้ด้วยใฝ่หา
ประครองรักด้วยใจใฝ่ศรัทธา
ปรารถนาแต่สุขในทุกวาร
ณ แดนนี้อยู่ไหนก็ไมรู้
หรือจะอยู่ตรงนั้นคราฝันหวาน
หรือจะอยู่ตรงนี้รักคลี่บาน
อกสะท้าน...เรามีสิทธิ์ แค่คิดเอง..
ครูพิม
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒
17 ตุลาคม 2552 22:10 น.
ครูพิม
รอนรอนร้อนรนระคนหนาว
ดอกเดือนดาวร้าวตรมระทมไหว
ยอดหญ้าหมองมองเฉาเหงาหัวใจ
แมกไม้ไกวไหวหวั่นกลั้นน้ำตา
หลบหน้าชอนซ่อนใจที่ไหวอ่อน
หลบลมร้อนซ่อนตนหยุดค้นหา
ต้องจำพรากจากแล้วแก้วอำลา
สุดเหว่หว้าคราไหนไม่เท่านี้
ดุจโลกบิ่นสิ้นแสงสุรีย์ฉาย
เงาเลื่อมพรายหายวับดับแล้วนี่
ที่วาดหวังพังล่มตรมฤดี
พอกันทีหยุดยั้ง…หยุดชั่งใจ
มองภาพเก่าอบอุ่นยามหนุนตัก
ใจประจักษ์รักกันเกินหวั่นไหว
แท้ที่จริงสิ่งเห็นที่เป็นไป
เพียงโลมไล้ใจจินต์แอบยินยล
อยากเห็นเขาเงางามไม่คร้ามครั่น
จะยอมหันผันกลับเลิกสับสน
ขอเลิกราหาใช่ไม่อดทน
แต่อับจนด้วยรักหักใจลา
สุขเถิดนะคนดีสุดที่รัก
ต้องจำหักข่มไว้ไร้วาสนา
จะยอมรับความตรมขมชีวา
ขอบ่ายหน้าคืนกลับ....รับความจริง...
ครูพิม
๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒
14 ตุลาคม 2552 05:44 น.
ครูพิม
กราบบวงสรวงเทวามาประสิทธิ์
พรสำฤทธิ์ดาลดลส่งผลให้
“พี่นรศิริ”ประสบสุขพ้นทุกข์ภัย
สุขฤทัยอิ่มเอมเปรมฤดี (ครูพิม)
สิบห้าตุลาเวียนมาอีกหน
ขอเทพไท้บันดลให้สุขี
นรศิริสุขเกษมและเปรมปรีดิ์
วันเกิดนี้สมหวังดั่งตั้งใจ (ป้ากันนา)
ขอให้มีคนรักอยู่รายรอบ
รับส่งไมตรีตอบสุขสดใส
คนคอยช่วยคอยหนุนอบอุ่นใจ
ทำอะไรได้ผลเด่นเห็นอัศจรรย์ (ต้า รัมณีย์)
ขอพี่สาวคนดีที่ฉันรัก
จิตแน่นหนักและเย็นเห็นสุขสันต์
ธรรมชีวิตปกป้องคุ้มครองพลัน
นิจนิรันดร์สุขขีตลอดไป (แก้วประภัสสร)
ขอพร่างพราวเพริดแกร้วดุจแก้วสวย
ให้ร่ำรวยสินทรัพย์รับไม่ไหว
มีร่างกายแข็งแรงกำลังใจ
มีเงินใช้เต็มบ้านหลานเต็มเมือง (กิ่งโศก)
ให้พี่สาวพราวเด่นเช่นจันทร์แย้ม
สวยอะแร่มแจ่มกระจ่างอย่างต่อเนื่อง
หรือเป็นดาวพราวพรั่งมลังเลือง
ให้ฟูเฟื่องเลื่องไกลไปทั่วแดน....(ฝากฝัน)
คล้ายวันเกิดอีกคราเวียนมาแล้ว
ขอดวงแก้วนับเงินเกินนับแสน
หวังสิ่งใดให้ได้สิ่งตอบแทน
ทั่วถิ่นแดนจงแคล้วโศกโรคไม่มี (พิมญดา)
ครูพิม
๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๒
12 ตุลาคม 2552 08:47 น.
ครูพิม
เมื่อรักก่อเกิดในดวงใจนี้
ใจก็มีที่หวังเสรีมฝั่งฝัน
ล้านถ้อยคำล้ำค่ามากำนัล
ร่วมแบ่งปันทุกข์ร้อนช่วยผ่อนคลาย
เมื่อรักงามตามใจที่ใฝ่หา
ด้วยศรัทธาฝ่าฟันด้วยมั่นหมาย
ว่าวันหนึ่งถึงวันฉันเคียงกาย
ลบฝันร้ายที่ผ่านผลาญชีวี
เมื่อรักมีมีรักอีกครั้งหนึ่ง
ทุกคำนึงจึงไขว่คว้าหาวิถี
แม้นตระหนักความจริงทุกสิงมี
แต่ใจนี้มิอาจตัดขาดกัน
เมื่อรักบานวานวันที่ผันเปลี่ยน
ใจยังเพียรเขียนหวังตรงฝั่งฝัน
ปลอบประโลมใจล้ามานานวัน
พี่เหมือนจันทร์ส่องฟ้ายามราตรี
เมื่อรักเราเข้าใจในรักแล้ว
จึงเห็นแววรักจริงใจมิหน่ายหนี
สัญญารักสลักมั่นในฤดี
ว่าไม่มีหนีร้างไปห่างใจ
เมื่อรักแล้วรักจริงหญิงมั่นหมาย
ขอเพียงชายรักมั่นมิหวั่นไหว
หากแม้กาลผลาญพรากเราจากไกล
มิรักใคร…ไหนแล้ว….แม้แคล้วกัน
ครูพิม
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๒