3 พฤษภาคม 2550 13:57 น.
ครูพิม
ม่านหัวใจ ปิดมานาน ผ่านหลายฝน
ความหมองหม่น ก็เจือจาง เลือนลางเห็น
ความเจ็บช้ำ เนื้อร้าย กลายแผลเป็น
เก็บซ่อนเร้น เอาไว้ ในใจตน
ไม่อาจบอก กล่าวใคร ให้รู้เห็น
หลายประเด็น ที่เก็บไว้ ใจสับสน
พอมีเขา เข้ามาใกล้ ใจวกวน
ที่ท่วมท้น ทุกข์ทั้งมวล ล้วนเผยใจ
เขารับรู้ ความเจ็บช้ำ เกินคำอ้าง
พร้อมทุกอย่าง รับฟัง ทั้งแก้ไข
คำปลอบโยน อบอุ่น ละมุนละไม
เยียวยาใจ ที่แล้งล้า..มาแสนนาน
คราบน้ำตา แห้งเหือด เดือดก็ดับ
ใจที่ลับ ก็เปิด เกิดรับขาน
รับใจเขา เข้ามาใกล้ ในดวงมาลย์
เวลาผ่าน....เผยให้เห็น ความเป็นไป
เขาที่เห็น ในวันนี้ มีแปรเปลี่ยน
ใจเริ่มเรียน รู้สะเทิ้น เกินต้านไหว
เขาเก็บรัก รายทาง มากเกินไป
น้ำตาไหล...ลงอีกครา...อาบหน้านวล
ปิดม่านใจ..เถิดคนดี..สุดที่รัก
จงหยุดพัก เก็บใจไว้ อย่าไห้หวน
รักตัวเอง คงไม่ต้อง ร้องคร่ำครวญ
ใจเจียนจวน....ขาดย่อยยับ....รับใจคืน..
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐
1 พฤษภาคม 2550 08:16 น.
ครูพิม
ทนมานานเท่าไหร่ใจย่อมรู้
ใจทนสู้มานานใจย่อมเห็น
ทนเหลือเกินอดทนจนลำเค็ญ
ร้อนจึงเย็นเห็นได้เพราะใจทน
ท้อมานานเท่าไหร่ใจย่อมรู้
ท้อแท้อยู่ผ่านมาหลายหน้าฝน
ท้อไม่ถอยก็เพราะเรามันก็คน
ท้อไม่บ่นและไม่ถอยคอยใครดึง
ไม่อยากเป็นคนไร้ค่าเพราะอาภัพ
ไม่อยากนับวันเดือนเตือนใจถึง
ไม่อยากเปลืองหัวใจใฝ่คำนึง
ไม่อยากซึ้งไม่อยากรักให้หนักใจ
นานเท่าไหร่ที่ท้อถอยคอยใครเขา
นานแล้วเนาแต่ทุกข์สุขอยู่ไหน
นานแล้วหนอท้อทนนานเกินไป
นานหรือไม่หากจะลุก..ปลุกใจตน
ตื่นเสียเถิดคนดีสุดที่รัก
ท้อนานนักใจก็ล้ากล้าสักหน
มองกระจกดูสิเราก็คน
จะหมองหม่นเพราะเขาไป..ไม่ใช่ที..
๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
30 เมษายน 2550 13:39 น.
ครูพิม
มือเหี่ยวเหี่ยวผิวย่นย่นคนแก่แก่
สายตาแลแลหาลูกยาเอ๋ย
คอยมานานนานนักหนาไม่มาเลย
คอยชื่นเชยเชยชมลูกที่ผูกพัน
แต่ยายคอยคอยเก้อชะเง้อหา
สอดสายตาตาฝ้าฟางยังมีฝัน
หวังเต็มเปี่ยมเปี่ยมล้นปรี่ทุกวี่วัน
ลูกหลานนั้นนั่นลูกหลานกลับบ้านเรา
มีลมพัดพัดเคล้าเฝ้าเป็นเพื่อน
ดาวมาเยือนเยือนบ้านนาคราหงอยเหงา
หิ่งห้อยปลอบปลอบใจไม่บรรเทา
ยายยิ่งเศร้าเศร้าตรมระทมคอย
ยายคอยเก้อเก้อมาหลายหน้าฝน
ลูกหลายคนคนทิ้งให้ยายเหงาหงอย
สงสารยายายจ๋าตาอย่าตาลอย
ลมค่อยค่อยค่อยหมดลม...ห่มร่างยาย....
๓๐ เมษายน ๒๕๕๐
29 เมษายน 2550 14:00 น.
ครูพิม
ฟ้าทะมึนครวญครางอย่างบ้าคลั่ง
โหมประดั่งคั่งแค้นใครอย่างใหญ่หลวง
พัดกระหน่ำซ้ำซัดฟัดทะลวง
สิ่งทั้งปวงพังยับลงกับตา
เสียงหวีดร้องหวาดกลัวจนตัวสั่น
จิตประหวั่นวิ่งวนจนถลา
เรียกลูกลูกอยู่ไหนให้รีบมา
ซ่อนกายาใกล้อกแม่แน่ปลอดภัย
ลูกตัวสั่งงันงกตกประหม่า
นี่แม่จ๋าลมพัดมาจากไหน
แล้วนี่ลมเขาโกรธพิโรธใคร
ลมจึงได้พัดหมุนโกรกกรรโชกมา
ลมไม่โกรธใครดอกจะบอกให้
แต่ต้นไม้ถูกตัดโค่นจนหมดป่า
ดินแห้งแล้งไร้เมฆฝนหล่นลงมา
เห็นแต่ห่าลูกเห็บนั่นมันหล่นลง
เพราะมนุษย์ทั้งหลายทำลายธรรมชาติ
ผิดประหลาดฤดูฝนจึงหล่นหลง
ไม่มีป่าอุดมพรมไพรพง
ฟ้านั่นคงลงโทษเขา....เหล่าผู้คน
หลับตานิ่งนะคนดี
ใต้ปีกนี้ของแม่แผ่คุ้มฝน
ใต้ปีกแม่เจ้าปลอดภัยไร้กังวล
ปล่อยให้คนพบชะตากรรม...ที่ทำเอง.....
๒๙ เมษายน ๒๕๕๐
26 เมษายน 2550 11:51 น.
ครูพิม
จะรักใครไหนอื่นทำไมเล่า
หากต้องเศร้าโศกาน้ำตาไหล
หากต้องทนให้ข่มเหงไม่เกรงใคร
ต้องเสียใจครารักจักอับปาง
หากต้องท้อแท้ใจคราไม่เห็น
หากลำเค็ญคราไกลจำใจห่าง
หากต้องเศร้าเสียใจใคร่ครวญคราง
ใจบางบางถ้าไม่ทนคนหลายใจ
หากต้องหาทุนทรัพย์รับขวัญน้อง
หากต้องหมองครารักล่มตรมสลาย
หากต้องหาสิ่งของกองมากมาย
หากสุดท้ายต้องแยกทางทำอย่างไร
หากหัวใจอ่อนแอท้อแท้นัก
ก็อย่ารักอย่าหวังทางสดใส
เก็บไว้เถอะเก็บรักไว้กับใจ
อย่ารักใครไหนอื่น..ให้ขื่นตรม
หากจะรักต้องเตรียมใจให้เข้มแข็ง
เพราะรักแบ่งผลสองทางคือสุขสม
หรืออาจต้องเปลี่ยวเหงาเศร้าระทม
หากรักล่มก่อนจะสุข...คงทุกข์กัน
ปรารถนาให้ทุกคนที่มีใจรัก....จงสมหวังในรักเทอญ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๐