22 มกราคม 2553 13:57 น.
ลานเทวา
.
.
.
.
.
.
เจ้าลืมตาดูโลก เหมือนโศกเศร้า
เผินผ่านรูป แสง เงา ไปลับหาย
เพ้อชีวิตล้อเล่น ความเป็นตาย
ล่วงพ้นความเปล่าดาย ใจทุกผู้
ล่วงแววตาอ่อนไหว กระไรนั่น
ลึกลึกหวั่นหนาวร้อน ซุกซ่อนอยู่
ค้นหัวใจอ้างว้าง บางอณู
พบแต่หมองหม่นดู เหมือนปวดร้าว
พิสุทธิ์ใดไหววาด ปรารถนา
โลกเดียงสาซ่อนเจ็บ อันเหน็บหนาว
เฝ้ารอการปลดเปลื้อง บางเรื่องราว
ซับน้ำตาที่ฝากดาว ดวงนั้นไว้
นานแล้ว นิทานก่อนนอน
แอบความรักซุกหมอน อิงแก้มใส
ปลอกหมอนเปื้อนคราบน้ำตา ร่ำอาลัย
ยามโลกสิ้นอุ่นไอ จะแอบอิง
กับความรู้สึกดีดี วูบสุดท้าย
ก่อนละเลือนลับหาย ไปทุกสิ่ง
ที่ปรากฏไม่งดงาม เลยความจริง
ทุกลมใจช่วงชิง ราคาแพง
เด็กน้อยเอย เดียงสาเจ้า
สร้างคำถามรบเร้า โลกแสวง
คำตอบจากชะตากรรม จำแลง
ผลัดเพี้ยนความเปลี่ยนแปลง กาลเวลา
ดอกไม้พลาสติก พลิกกลีบแย้ม
รับน้ำค้างคืนแรม อย่างโหยหา
เสียงเด็กน้อยคอยปลุก ตุ๊กตา
ใต้เวิ้งฝันชีวา อันเดียวดาย
……………………………
โดยคำ ลานเทวา
21 มกราคม 2553 19:34 น.
ลานเทวา
.
.
อาจบางเช้าไร้แสงตะวัน
ซึ่งภาพมันยากอธิบายได้เหมือน
ความรู้สึกบอกผ่าน สะท้านสะเทือน
หลายเส้นทางแลเลือน ไร้จุดหมาย
ยามนั้น ฉันคล้ายคนบ้า
ครุ่นสับสนไขว่คว้า มิรู้หน่าย
ค้นความรัก บางสิ่ง ของหญิงชาย
ร่านวุ่นวายไปทั่ว ในตัวตน
ท่ามกลางโลกสับสน วิกลจริต
รอยยิ้มฉันเป็นมิตร ไปทุกหน
อาจเพี้ยนแผกแปลกบ้าง ในต่างคน
เหงาเศร้า สุข ทุกข์ทน ที่ต่างใคร
ลืมไปแล้วหรือไร ความรู้สึก
ยามสบตาเห็นลึก ความหวาดไหว
หรือปล่อยโลกบอกเล่า กว่าเข้าใจ
จากสิ่งเห็นเป็นไป อยู่เช่นนั้น
เราไม่เคย และไม่อาจรับผิดชอบ
ไม่เคยหาแม้คำตอบ ใดสร้างสรรค์
ปล่อยไปตามยะถา ไม่ว่ากัน
ชีวิตมันเหลื่อมล้ำ ธรรมดา
เมื่อทางออกของใคร ใครเดิน
เราก็แค่ส่วนเกิน อนาถา
เมื่อความหวังดีมันไม่มีเวลา
เถอะ ปล่อยให้โชคชะตา ทำหน้าที่
…………………….
โดยคำ ลานเทวา
21 มกราคม 2553 12:24 น.
ลานเทวา
วิจิตรภาพ มโนนึก
ประดับดึกอารมณ์ ผสมผเส
เคลิ้มหัวใจจรจัด ให้พัดเพ
อยู่กลางห้วงคะเน คะนึงครวญ
ฟังสายลมแผ่ววี คีตะแว่ว
งามกลีบแก้วละมุนพร้อม กลิ่นหอมหวน
สไบบางพรางคลี่ เจ้าสีนวล
พริ้วรับลมเรรวน บางสไบ
ริ้วริ้วบาง พรางพริ้ว ละลิ่วล้อ
แผ่วละอองดงาม ทุกยามไหว
เคล้าสายลมอ้อยอิ่ง หริ่ง เรไร
วังเวงไพรดึกพร่ำ ลำนำตรึง
ร่ายอารมณ์ สมสู่อณูหนาว
ปลดเรื่องราวสับสน ใครคนหนึ่ง
ความรู้สึกอ่อนไหว ในรำพึง
ครุ่นคำนึงโหยหา มิคลาคลาย
หวนรอยยิ้มงดงาม ยามปวดร้าว
ท่องธารดาวผันแปร กระแสสาย
เหงา ยังคงเหงาเปลี่ยว อยู่เดียวดาย
ครุ่นอารมณ์บรรยาย บทกวี
บันทึกท่วงละไม ยามไหวอ่อน
โดยอักษรปรารถนา ทำหน้าที่
แทนบางกลีบอันหอมหวล มวลมาลี
ประโลมห้วงฤดี รัตติกาล
……………………….
โดยคำ ลานเทวา
อาศรม ลานเทวา ๒๑.๓๗ น.
อาศรม ลานเทวา ๒๑.๓๗ น.
อาศรม ลานเทวา ๒๑.๓๗ น.
18 มกราคม 2553 12:01 น.
ลานเทวา
ทุกครั้งเราทำได้เพียงประณาม และเรียกร้อง
บนครรลองความฝัน สันติสุข
หากแต่ความโหดร้ายยังเป็นไป สมัยยุค
ทับท่วมทุกข์ ถั่งโถมโหมทวี
นับเนิ่นในความ ไม่สงบ
นับศพเพื่อนผอง น้องพี่
นับไม่สิ้นเวทนา บรรดามี
นับเคลื่อนฝัน วัน เดือน ปี อย่างสิ้นไร้
มันมิใช่ การกระทำ ของเหตุผล
แลเป็นการกระทำของผู้คน ก็ไม่ไช่
ความป่าเถือนต่อชีวิตจิตใจ
หมายสังเวยศาสดาใด มิอาจแจ้ง
ทุกครั้งเราทำได้เพียงประณาม และเรียกร้อง
หาสันติสุขครรลอง ในหนแห่ง
บนความโหดร้ายทารุณ อันรุนแรง
อมนุษย์ยังคงสำแดง เป็นเคราะห์กรรม
ปรารถนาใดเล่า
บนรอยเศร้าวิโยค โศกกระหน่ำ
คราบน้ำตา ศพซาก จากกระทำ
คัมภีร์ใดชี้นำ ปลอบวิญญาณ์
ณ แผ่นดินหนึ่งซึ่งเฝ้ารอ คอยฟังข่าว
ผ่านฤดูและเรื่องราว หวาดผวา
สิ้นเสียงอาซาน กาลเวลา
ไม่เหือดหายสายน้ำตา อันอาดูร
เพราะทุกครั้งเราทำได้เพียงประณาม และเรียกร้อง
เปล่งเสียงสวดกึกก้อง แล้วเงียบสูญ
ท่ามการกระทำอันเถื่อนที่ ทวีคูณ
เข่นผู้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ให้เป็นไป
นับเนิ่น ด้วยน้ำตา
รอคอยกาลเวลา แผดเผาไหม้
นับเนิ่น โดยสาเหตุโดยเภทภัย
ช่างห่างไกลแท้นั่น สันติธรรม
………………….
โดยคำ ลานเทวา
16 มกราคม 2553 19:53 น.
ลานเทวา
.
.
.
ดุ่มเดี่ยวอยู่ในภวังค์เร้น
ร่ายอารมณ์ล้อเล่น ความว่างเปล่า
เฉยเมยในไหววูบ แห่งรูปเงา
ผ่านสายลมบรรเทา ความชินชา
ผละสรรพสิ่งทั้งปวง สู่ล่วงลับ
เร้นภวังค์สดับ ใจโหยหา
เคลื่อนไหวคล้อยบนรอยกาล ผันผ่านพา
ตรึงเป็นภาพอันฉาบทา ลวงตาใจ
ทับถมเป็นอดีตกาล ที่ผ่านพ้น
ท่ามกลางความสับสน และหวั่นไหว
บางอาวรณ์ซ่อนเร้น ความเป็นไป
ซุกอาลัยครุ่นสดับ นานนับเนิ่น
บางเรื่องราวทิ้งวาง อยู่อย่างนั้น
นับนิรันดร์แห่งกาล ล่วงผ่านเผิน
บางเรื่องราวทบทวน คล้ายส่วนเกิน
บนทางเดินอันล้นหลาก ความมากมี
เธอเก็บอะไร เอาไว้บ้าง
บนเส้นทางทุกข์ทน ต่างหนที่
นอกจากเก็บความรู้สึกดีดี
ในแต่ละท่วงนาที ที่เลือนลับ
………………………….
โดยคำ ลานเทวา