26 มีนาคม 2551 21:06 น.
ลานเทวา
หยาดคำร่ายสายคำมาย้ำโศก
ประหนึ่งโลกเร้นเศร้าเป็นเงาฝัน
หยาดน้ำตาขมขื่นแห่งคืนวัน
วาดรำพันรำพึงคนึงพา
ครวญเอ๋ยว่าครวญคร่ำ
ครวญใจไหวร่ำรำพันหา
ไร้ดอกดาวพราวดวงห้วงนภา
ตรมแต่ดอกน้ำตารินรดใจ
ซ่อนเอ๋ย เจ้าซ่อนกลิ่น
มิอาจซ่อนรอยชีวินอันวาดไหว
ยามเลยล่วงห่วงหาโหยอาลัย
รั้งแต่ทุกข์ปลุกหทัยอยู่มิวาย
แลฟากฝันอันหมาย ณ ปลายฝัน
ร้าวชีวันตรมตรึงคนึงหมาย
แลโลกเศร้าเหงาเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ดังเฝ้ารอความตายมาบรรเทา
ฝากสายลมกระซิบย้ำลำนำโศก
อ้างว้างโลกเดียวดายคล้ายว่างเปล่า
ทิพย์น้ำค้างพร่างระยิบระยับเงา
หยาดคำเศร้าปลอบปลุกผู้ทุกข์ตรม
----------------------
โดยคำ ลานเทวา
9 มีนาคม 2551 00:18 น.
ลานเทวา
ไร้เสี้ยวจันทร์สรรค์เสกวิเวกฟ้า
ดวงดาราเร้นหลบสู่ภพไหน
จักดื่มด่ำธรรมเสกวิเวกใจ
สู่หนใดเล่ามรรคาแห่งราตรี
วิเวกกาลผ่านย้ำลำนำบท
อันปรากฏแต่ถ้อยรอยวิถี
ประดับทุกข์สุขโศกอันโลกมี
ให้ชีวีวาดไหวในลำนำ
โดยคำอันแผ่วโผยระโหยล้า
สิจารฟ้าแต่งชื่นให้คืนค่ำ
แม้นไร้แสงเดือนดาวมาพราวนำ
จักร่ายคำกล่อมสงัดรัตติกาล
แผ่วสายลมพรมพร่างต่างสหาย
ในห้วงเปลี่ยวเดียวดายที่พ้นผ่าน
ร่ายบทถ้อยร้อยฝันมาบันดาล
สุขชื่นพร้อมกล่อมวิมานหริ่งเรไร
ไร้เสี้ยวจันทร์สรรค์เสกวิเวกฟ้า
ดวงดาราเร้นหลบสู่ภพไหน
จักร่ายเสกวิเวกคำลำนำใด
กล่อมวิญญานิราลัยนิรมล
---------------
โดยคำ ลานเทวา
6 มีนาคม 2551 01:33 น.
ลานเทวา
ไล่ลมครวญรวนนิ้วพลิ้วขลุ่ยร่าย
กล่อมโศกเร้นดาราราย ณ คืนเหงา
ม่านเมฆคล้อยลอยเคลื่อนเลือนบังเงา
วิเวกเศร้าขลุ่ยคร่ำรำพันครวญ
โลกเอย ...
สิหวังเชยใดชื่นมิคืนหวน
ที่หาโหยโดยสบในทบทวน
คือความรวนเร่รนแห่งหนใจ
ร้าว....วังเวง ...
ท่ามเสียงขลุ่ยบรรเลงระโหยไห้
แลห้วงกาลผ่านคล้อยฝากรอยใด
เป็นสำนึกตรึกในชีวิตดล
จึงโดดเดี่ยวเปลี่ยวร้างอยู่กลางห้วง
ท่ามกระแสกาลล่วงผันผ่านหน
เฝ้าโหยหาอันใดในสกล
จากเกิดดับลับวนว่ายชีวิต
ไล่ลมครวญรวนนิ้วพลิ้วขลุ่ยร่าย
เห่กล่อมความเป็นตายอันสถิต
ม่านเมฆคล้อยลอยเคลื่อนบังเดือนมิด
วิเวกทางร้างทิศแล้วหรือไร .... ?
------------------------------------
ลานเทวา
5 มีนาคม 2551 00:45 น.
ลานเทวา
เดียวดายเศร้าท่ามเงาโศกวิโยคร่าย
ในคืนพรายดาวพร่างอ้างว้างหน
ภวังค์หนึ่งตรึงย้ำระกำทน
ร้าวใจจนเจียนดับลับแรงใจ
ประกายฝันในวันพรุ่งมิรุ่งแจ้ง
โศกกรรแสงโหมกาลสะท้านไหว
หมองหม่นม่านน้ำตาอาบอาลัย
ห้วงหทัยห่มร้าวหนาวภวังค์
ดังโลกปลงลงร้างบนทางทุกข์
ไร้รอยสุขมอบฝากในฟากฝั่ง
เศร้าเดียวดายในวิถีอันจีรัง
โศกประดังใจล้ามิลาเลือน
แลมิพ้นกรอมระกำอันซ้ำซาก
พบเพื่อพรากจากรอยอันคล้อยเคลื่อน
จึงใจแฝงโศกเหงาเป็นเจ้าเรือน
ตราตรึงเตือนห้วงกาลที่ผ่านใจ
รอยอาลัยอาดูรหรือสูญลับ
รอยคนึงตรึงซับแต่โศกไหว
จักซ่อนรอยน้ำตารอยอาลัย
สู่ห้วงหนแห่งใด...... เล่าชีวิต .... ?
-------------------
ลานเทวา
แด่ ......
3 มีนาคม 2551 16:16 น.
ลานเทวา
จักทอภาพฝันอันภิรมณ์รื่น
ด้วยมวลมาลีชวยชื่นขจรกลิ่น
วาดความงามทุกแห่งหนไร้มลทิน
โอบอุ่นไอทาบแดนดินด้วยความรัก
แม้นจักเป็นเพียงแค่ความฝัน
คราวคืนวันเศร้าโศกวิโยคหนัก
ไร้ความสุขจากความจริงให้พิงพัก
ก็ชื่นนักแล้วฝันเพื่อบรรเทา
แม้นจะไร้อุ่นไอใดเสกสรรค์
ขออิงอุ่นแห่งตะวันพอคลายเหงา
ความเดียวดายชีวีใช่มีเพียงเรา
ยังมีคนโศกเศร้ามากมายในโลกนี้
จงคุ้นเคยกับความเอกาว้าเหว่
เอาความฝันกล่อมเห่หนวิถี
แม้นจะไร้ในสิ่งที่คนอื่นเค้ามี
มิใช่เหตุจะท้อชีวีหรือปวดช้ำ
เธออาจจะมีฝันที่บรรเจิด
แลเป็นเลิศให้ปลื้มใจดื่มด่ำ
หากเธอรู้จักคิดวาดคาดนำ
ลงมือทำให้ปรากฏในความจริง
ภาพฝันอันภิรมณ์รื่น
เธอสามารถหยิบยื่นในทุกสิ่ง
ท่ามกลางแสงแห่งตะวันอันอุ่นอิง
ยังมีรักให้พักพิงยามรอนร้าว
-------------------------
ลานเทวา