30 ตุลาคม 2551 17:01 น.
ลานเทวา
เร่ซมซานซากชีวานี้มาสู่
หวังโลกรู้ดวงแดผู้แพ้พ่าย
ฝันพะนอล้อเล่นความเป็นตาย
ฝืนชะตาเดียวดายบนเส้นทาง
คุยกับตัวเองอยู่บ่อยบ่อย
เคลื่อนอารมณ์ล่องลอยอยู่ระหว่าง
ห้วงความฝันความจริงสิ่งอำพราง
และร่องรอยจางจางของหัวใจ
นิรนามบนเส้นทาง
ปลดปล่อยวางชีวินดั่งสิ้นไร้
แลสิ่งวาดปรารถนามรรคาใด
มีค่าให้เสพสมภิรมย์ภักดิ์
ผิดแต่ห้วงดาวเดือนที่เกลื่อนฟ้า
ปรารถนาใดสู่หรือรู้จัก
บนเศษซากงมงายที่ทายทัก
งดงามแห่งความรักกระไรแล
ห่วงพันธะอันใดจะให้มี
ฤาหมายเปลื้องซากชีวีก็แล้วแต่
ใคร่เสนอสนองครรลองแด
บอกเบื่อแล้วความผันแปรโชคชะตา
จึงซมซานซากชีวานี้มาสู่
หวังโลกรู้ความผกผันแห่งตัณหา
ใช้ชีวิตล้อเล่นความเป็นมา
บนมรรคาจรจัดโลกบัดซบ
..
โดยคำ ลานเทวา
15 ตุลาคม 2551 21:46 น.
ลานเทวา
ขุ่นตะกอนวิถีธุลีธาตุ
สำนึกสาดใดสบมิพบแสง
เศษภวังค์หม่นย้ำไร้สำแดง
โลกเปลี่ยนแปลงมารยาสาธยาย
ขุ่นนัยน์ตาฝ้ามัวไปทั่วทิศ
เราก็หนึ่งชีวิตในหลากหลาย
อัตคัดลำเค็ญความเป็นตาย
ซุกเร้นใจงมงายเร่ชีวิต
อยู่บนโลกกลมกลวงลวงตา
เสพมารยาสารพัดดัดจริต
โดยไมตรีฉาบทาเคลือบยาพิษ
ใส่หน้ากากเป็นมิตรประทังใจ
โอ้ ! ปรากฏการณ์
โลกสามานย์เบือนบิดชีวิตใคร่
เราหนึ่งผู้ปวดร้าวเหน็บหนาวใน
กับห้วงการณ์อันเป็นไปแห่งมรรคา
ขุ่นตะกอนวิถีธุลีธาตุ
สำนึกสาดชีวินเหมือนบิ่นบ้า
เศษรำพึงตรึงซากฝากชีวา
หนาวอารมณ์ อนิจจา ความเป็นไป
..
โดยคำ ลานเทวา
13 ตุลาคม 2551 15:54 น.
ลานเทวา
โอ้ ชีวา
ปรารถนาใดเล่าที่เฝ้าเพรียก
ถามชั่วดีใดย้ำโลกสำเหนียก
ใคร่ตะเกียกตะกายอยู่รายวัน
โอ้ สาไถย
โลกเป็นไปอย่างสุ่มเสี่ยงอยู่เยี่ยงนั้น
โดยมารยาสารพัดสารพัน
ดัดจริตชีวิตกันด้วยชีวิต
โอ้ วิถีโลกขี้เรื้อน
งามตอแหลผันแปรเกลื่อนแล้วใจจิต
วิไลโลกโสภาเคลือบยาพิษ
สวมหน้ากากแห่งมิตรเข้าทักทาย
โอ้ ผู้คน
สาละวนดีทรามเพียงความหมาย
แลคุณค่าใดเร้นความเป็นตาย
เกียรติกามกินลิ้นร่ายระเริงโลก
โอ้ ความเป็นไป
ช่างละเมียดละไมอุปโลกน์
เร้นดำรินิรนามทรามโสโครก
บริโภคสามานย์กาลเวลา
โอ้ ดัดจริต
งามชีวิตเสกสรรโดยตัณหา
กระบวนใจใดย้ำหรือนำพา
ต่างร่ายเริงชีวา ดัดจริต
โดยคำ ลานเทวา
8 ตุลาคม 2551 16:22 น.
ลานเทวา
กำสรวล ตุลา ๕๑
เอย น้ำตา
โลมอาบฟ้าอาบดินไม่สิ้นหยาด
เจ็ดตุลาห้าหนึ่งก็ถึงฆาต
รัฐอุบาทว์เข่นฆ่าประชาชน
เอย ชีวิต
จักสถิตใดชอบประกอบผล
อำนาจทรามถ่ายเทหลากเล่ห์กล
เหยียบศพคนบริสุทธิ์เข้ายุดย้ำ
เอย ตุลา
คาวหยาดเลือดและน้ำตาชโลมฉ่ำ
เสียงพิสุทธิ์แห่งชีวินไม่สิ้นคำ
อาวุธคนระยำก็ทำร้าย
เอย ความชอบ
ไร้คำตอบใดอิงเป็นสิ่งหมาย
เหมือนดังลมโลมหวามพาความตาย
ไปกับหนาวสุดท้ายของสายลม
เอย บ้านเมือง
จักสุ่มเคืองใดดับการทับถม
สำนึกใครใหญ่โตความโสมม
ประหนึ่งใคร่นิยมความชั่วช้า
เอย อำนาจ
แลใครต่างผูกขาดปรารถนา
แม้นต้องย่ำบนรอยเลือดและน้ำตา
ข้ามศพซากปวงประชาก็ยังใคร่
เอย วิญญาณ
ผู้ฉิบหายวายปราณหรือยิ่งใหญ่
ผิดแต่ผู้ฉาบฉวยต่างอวยชัย
อวดอ้างประชาธิปไตยเซ่นชีวิต
เอย กู
แสนอดสูบ้านเมืองวิปริต
มันโกรธแค้นมาแต่ใดในทางทิศ
ถึงหมายปลิดหมายปลงกันตรงนั้น
.
โดยคำ ลานเทวา