22 กุมภาพันธ์ 2550 11:04 น.
ลานเทวา
มีเพียงร่างรองรับซับกามโฉด
รักหรือโปรดในเล่ห์เสน่หา
รับอารมณ์เลวทรามกามกามา
ผ่านเวลาขมขื่นในคืนวัน
เศร้าดื่มด่ำน้ำตาคราคืนค่ำ
โศกกระหน่ำใจสลดระทดฝัน
ขายความสาวที่มีเพื่อชีวัน
ชายตกมันเชยชมเพียงสมใจ
ราตรีแห่งกลกามทรามชีวิต
เกิดมาผิดชะตาแลสาไถย
ร่างนี้เพียงขายให้ชมสมฤทัย
จบแล้วไปคนละทางต่างก้าวเดิน
ผะแผ่วผิวพริ้มพรมผมสยาย
ค่าความหมายลับลิ่วแลผิวเผิน
วาดชีวิตยลเห็นเช่นส่วนเกิน
ที่บังเอิญมีร่างกายไว้ขายค้า
โอ้ ความสาวความสวย
ช่างร่ำรวยคาวพลีเหมือนมีค่า
ใครจะซึ้งยามสบตบราคา
ตรมน้ำตารินพล่านในผ่านเลย
ต้องสำออยร้อยมารยาพาชีวิต
สุดลิขิตความจริงใจใดมาเอ่ย
เพียงครั้งคราวในกาลที่ผ่านเชย
ชีวิตเอยชีวิตไร้ทิศทาง
-----------------------
ลานเทวา
20 กุมภาพันธ์ 2550 19:38 น.
ลานเทวา
ลืมตาตื่นท่ามกลางหนทางฝัน
แสงตะวันสีทองสาดส่องใส
ชื่นกลิ่นหอมน้ำปรุงจรุงใจ
ยามลมไกวโชยกลิ่นถวิลรัก
กังสดาลกังวานแว่ว
พริ้วสไบโบยแผ่วยามลมกวัก
ณ ลานธรรมลำธารเบิกบานนัก
งามพร้อมพรักหมู่พฤกษามวลมาลี
กลิ่นกำยานซ่านตลบ
เสียงธรรมกลบใจสับสนบนวิถี
ประคำร้อยเคลื่อนนับรับราตรี
โคตมีแห่งธรรมอ่าอำไพ
ตื่นขึ้นมาท่ามกลางหนทางฝัน
แสงตะวันเริ่มต้นในหนใหม่
วิถีทางวิถีธรรมส่องนำใจ
เราจะไปด้วยกันนิรันดร
หลับต่อไปเถอะนะคนดี
ความจริงในวันนี้ใช่เหมือนก่อน
ดั่งจะสิ้นแสงฝันตะวันรอน
ฉันเหนื่อยอ่อนเต็มทีแล้วที่รัก
-
ลานเทวา
18 กุมภาพันธ์ 2550 13:03 น.
ลานเทวา
สัตว์เอย สัตว์สภา
ผสมพันธุ์ในมรรคาอันโสมม
ดีไหนเล่าชม
ยังแต่จมใจชั่วตัวตน
เหยียบย่ำบนความทุกข์ของประชา
ที่ลำเค็ญน้ำตารินเกลื่อนก่น
มิเคยเห็นครรลองค่าของคน
จ้องเสพผลประโยชน์อย่างโหดร้าย
เสพอิ่มไปทั้งคอก
ยังกลับกลอกเกินคิดหมาย
ย่ำรากหญ้ารากเน่าที่เปล่าตาย
จะแลหมายอุ้มประคองหรือมองมี
สัตว์เอย สัตว์สภา
ยังลอยหน้าโกงกินทุกถิ่นที่
ยังโกหกชีวาประชาชี
ยังอัปรีย์อย่างยิ่งใหญ่ในสภา
คนเอย คนไทย
วิถีจักเป็นเยี่ยงไรที่ใฝ่หา
ยังแต่สัตว์ตัวเก่าเข้าสภา
ไปเป็นเจ้าชีวานำชีวิต
สัตว์เอย สัตว์สภา
แลสำนึกไร้ค่าในถูกผิด
ยังแต่ความจัญไรในความคิด
เมาเสพติดสันดานผลาญแผ่นดิน
นรกเอย นรก
จงเอามันไปตกให้หมดสิ้น
ไอ้พวกตัวอัปรีย์ที่โกงกิน
ตัวมลทินจัญไรในสภา
-
ลานเทวา
18 กุมภาพันธ์ 2550 13:00 น.
ลานเทวา
ไม่มีธรรมนำใจเหมือนไร้ทิศ
ความถูกผิดจึงมิตรองการมองหมาย
ชีวิตจึงสับสนปนวุ่นวาย
พาเสียหายทั้งสังคมล่มจมไกล
จะพึ่งพาใดวางทางชีวิต
จะลิขิตความดีที่ตรงไหน
จะดับร้อนคืนวันกันอย่างไร
หรือปล่อยไปตามกรรมจะนำพา
ความสำนึกดีดีใครมีบ้าง
มาช่วยสร้างสังคมให้สมค่า
ให้ความดีได้ประจักษ์ในมรรคา
นำชีวาสร้างคิดลิขิตไทย
มาเถอะมาช่วยกัน
มาสร้างสรรค์สังคมนิยมใหม่
เอาหลักธรรมนำก่อพอเพียงใจ
ความเป็นไปเป็นอยู่ที่รู้พอ
ลานเทวา
17 กุมภาพันธ์ 2550 17:14 น.
ลานเทวา
กวีกระวาดว่าย กานท์กลอน
กระจ่างใสอัมพร ดั่งแก้ว
กมลย่อมถึงบทตอน ร่ายเอ่ย รำพัน
กระเดื่องเลิศยิ่งแล้ว ร่ายเหล้า ร่ำกวี ฯ
เสน่ห์น้ำจัณฑ์ใต้ แสงเดือน
ยากยิ่งในลืมเลือน หลีกลี้
ยังคงมั่นใจเตือน จารจด ในคำ
ตามแต่ใจยื่นชี้ ชื่นช้ำ คำใจ ฯ
ลานเทวาสรรค์สร้าง ทางกลอน
จารบ่งในบทตอน แจ้งไว้
วิถีแห่งคนจร จารจด ใจจำ
แลบ่หาญอวดใช้ เล่ห์สร้าง ในลวง ฯ
มิควรคู่ นวลน้อง ผู้ผ่องพักตร์
มิอาจรัก มิ่งมิตร พิศมัย
ด้วยไม่เหมาะ เพราะต่าง จนห่างไกล
หักห้ามใจ ลืมลา ด้วยยาดอง
กินเพื่อลืม ดื่มเพื่อรัก หักห้ามจิต
ให้เลิกคิด เลิกหวัง รั้งใจหมอง
เพราะหัวใจ อาภัพ อับคู่ครอง
ใครจะปอง หมายแล แค่คนจร
รินสุรา ร่ายร่ำ ลำนำโศก
สายลมโบก หัวใจ ไหวเอนอ่อน
โอ้ยามนี้ มีแต่พร่ำ ร่ำบทกลอน
พอถ่ายถอน ความช้ำ ที่ย้ำตรม
เมาเอ๋ยเมา เมาใจ ไร้คู่ชิด
เมาชีวิต ไร้ชื่น พาลขื่นขม
เมาสุรา พาคึกครื้น รื่นอารมณ์
เมารักจม ใจเหงา เฝ้ารำพัน
-----------ลานเทวา------------