28 มกราคม 2552 22:53 น.
ลานเทวา
เธอโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
โลกแต้มแต่งความหวาดกลัวไว้ทั่วหน
พิสุทธิ์นัยน์แววหวังแลกังวล
ความรุนแรงจากผู้คนที่โหดร้าย
เป็นบาดแผลที่บาดลึก
บาดไปถึงความรู้สึกมิรู้หาย
ถามพระเจ้าผู้รู้เห็นความเป็นตาย
ไยทอดทิ้งเธอเดียวดายบนกองทุกข์
โปรดเถิดซับน้ำตา
ประโลมใจสรรพชีวาศานติสุข
ดับเถิดไฟนาครที่ร้อนรุก
มอบคืนยุคสันติธรรมได้นำพา
เพื่อสัมพันธ์ครรลองอย่างน้องพี่
ด้วยไมตรียื่นมอบแทนลอบฆ่า
ให้รอยยิ้มพิมพ์ชื่นหวนคืนมา
ชุบชีวาผู้เหนื่อยหนักได้พักพิง
โลกไม่ต้องการความโหดร้าย
หยุดเถิดการทำลายสรรพสิ่ง
ชีวิตยังงดงามในความจริง
รวมใจอิงแนบรักมาทักทาย
..
โดยคำ ลานเทวา
กิจกรรมเล็กๆ จากเด็กกลุ่มนี้
ที่มา ของภาพและเรื่องราว
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=952000000983
12 มกราคม 2552 12:15 น.
ลานเทวา
ฉันฝ่าความเดียวดายมาทายทัก
เธอคนรักในสายลมหนาว
เก็บความเหงาเล่าบอกเจ้าดอกดาว
พร่ำคิดถึงทุกเรื่องราวที่ผ่านมา
นานแล้วหนอหนทางที่ห่างหาย
เหมือนความตายซ่อนเร้นไม่เห็นหน้า
ที่เคยพบสบซึ้งถึงแววตา
ก็เลือนลาแรมร้างอ้างว้างใจ
ร้าวแต่โศกสายลมที่พรมเห่
อยู่กับความว้าเหว่เหมือนบอดใบ้
ถามคืนล่วงห่วงหามรรคาใด
จะโอบกอดเงาคนไกลด้วยอาทร
ให้โลกคนเดียวดายได้คลายเหงา
ประโลมฝันบรรเทายามไหวอ่อน
ผ่านค่ำคืนสับสนของคนจร
ลบรอยคราบเปียกปอนของน้ำตา
เพียงเศษเสี้ยวอาทรอันอบอุ่น
ประดับฝันละมุนปรารถนา
ด้วยรอยยิ้มแทนคำตอบที่มอบมา
ก็ชื่นแล้วในอุราของคนทุกข์
..............................
โดยคำ ลานเทวา
26 ธันวาคม 2551 10:25 น.
ลานเทวา
คือความสิ้นไร้ซึ่งความดีเป็นที่สุด
เท่าที่ความเป็นมนุษย์จะรู้สา
คือที่สุดอันโสมมแห่งมรรคา
แต่ที่แปลกคือเป็นธรรมดา ของเมืองไทย
คืออะไรอะไรที่ระยำเกินกำซาบ
ของเมืองพุทธที่มากบาปจนเกินไถ่
ก็ยังพกความเฉยเมยผ่านเลยไป
เหมือนไม่มีสิ่งใดต้องสำนึก
กับความจริงที่ไม่อยากจะเห็น
ดังบ้าบอล้อเล่นความรู้สึก
สารพัดห่าเหวอันเลวลึก
ชัดเจนแล้วในประพฤติทรามต่ำช้า
โดยสามานย์กาลตอกย้ำอันซ้ำซาก
ผ่านหัวใจไร้ปากจึงไร้ค่า
เราปล่อยวางอย่างมืดบอดตลอดมา
จนสำนึกด้านชาการรับรู้
ในความบัดซบไม่จบสิ้น
ยางอายหรือเสาะรินความอดสู
ยังแต่พล่ามแอบอ้างข้างข้างคูคู
ปานชีวิตมึงกู ประเสริฐนัก !
ท่ามการปรากฏ อันสาไถย
สนองใครทั้งปวงให้ตวงตัก
ดุษฎีแห่งตัณหาสามิภักดิ์
เมื่อเงินควักซื้อได้ถึงใจคน
..................
โดยคำ ลานเทวา
23 ธันวาคม 2551 12:59 น.
ลานเทวา
หมดแล้วหัวใจ ไร้คำตอบ
ยิ้มสุดท้ายที่มอบแลโศกเศร้า
เหมือนมีความอ้างว้างระหว่างเรา
โลกซ่อนเงาพลัดพรากไว้จากลา
เหมือนการเดินทางถึงที่สุด
สัมพันธภาพนิ่งหยุดแสวงหา
การแบกรับภาระแห่งชะตา
จะจบสิ้นแรงนำพาไว้ตรงนั้น
ย่างก้าวของความเงียบเฉย
ย่ำผ่านเลยหัวใจผู้ไหวหวั่น
สิ้นจุดหมายปลายทางระหว่างกัน
ก็สิ้นจางสัมพันธ์ระหว่างใจ
จึงต่างก้มหน้าพร้อมจะยอมรับ
เหงาเศร้าอันซึมซับอารมณ์ไหว
ซุกสายตาซ่อนเร้นความเป็นไป
เงียบอยู่ในกาลล่วงห้วงภวังค์
จมอยู่ในกาลเวลาไร้คำตอบ
เก็บบางสิ่งที่มอบเป็นความหวัง
พักผ่อนเถิดหัวใจยามพ่ายพัง
สำมะหาใดจีรัง โลกใบนี้
โดยคำ ลานเทวา
20 ธันวาคม 2551 00:43 น.
ลานเทวา
ต่างแปลกหน้าแปลกใจไม่รู้จัก
ผ่านสายลมทายทักเหมือนมักคุ้น
ซุกซ่อนเถิดความสงสัยหัวใจคุณ
ด้วยสัมผัสละมุนดอกน้ำค้าง
อาจจะลึกซึ้งไกลไปกว่านี้
เธอผู้ทอดไมตรีอันแตกต่าง
เงื่อนไขความต้องการคนผ่านทาง
คือคำตอบบอบบางเรือนร่างนั้น
เพียงผิวเผินชีวิตที่ผิดแปลก
ยะถากรรมเพี้ยนแผกชำแรกฝัน
ปลดเปลี่ยวโลกชำเราอย่างเมามัน
ข้ามขื่นคาวคืนวันใจผุพัง
ผ่านลมหนาวก้าวย่างอย่างช้าช้า
หลุบสายตาลังเลคะเนหวัง
ก้มหน้าซ่อนอารมณ์ม่านผมบัง
เยื้องกายอย่างระวังความเป็นไป
คมตาชายชำเรืองเรืองแววสื่อ
ซึ้งนัยคือความคุ้นชินถวิลไหว
เร้นภาษาซ่อนฝากมาจากใจ
บอกอะไรมากมายหนอสายตา
คล้ายจะอ้อนวอนเว้าอย่างเศร้าสร้อย
โศกร้าวรอยไหววาดปรารถนา
แม้นวงพักตร์จักเร้นความเย็นชา
เหมือนเมินเฉยชีวาอย่างชาเย็น
ไม่ต้องเอยใดมากเท่าอยากรู้
ความทุกข์ท้อส่ออยู่เพียงผ่านเห็น
หม่นใบหน้าแววตาย้ำนัยน์ลำเค็ญ
บอกเล่าไปทุกประเด็นชะตากรรม
ปรารถนาดีใดหรือใคร่มอบ
ให้เธอเป็นคำตอบในคืนค่ำ
ณ หลืบซอกตรอกนี้ที่ประจำ
ก็จบแล้วบรรดาคำอธิบาย
โดยคำ ลานเทวา