25 กรกฎาคม 2547 17:33 น.
คนมันชอบโม้นะ
12 พ.ค. 2544
สวัสดีครับ เตย
ช่วงนี้เตยคงยุ่งมากจนไม่มีเวลาตอบจดหมายของอั้มเลย แต่ไม่เป็นไร อั้มจะรอจดหมายของเตยนะ
อั้ม
ท้ายจดหมายของเขา มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาเขียนไว้ ฉันเห็นว่าโทรหาสักครั้งคงไม่เป็นไร ว่าแต่เขาจะจำฉันได้ไหม ?
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ...ต้องการพูดกับใครคะ เสียงปลายสายตอบอย่างเป็นมิตร
นั้นบ้านอั้มใช่ไหมคะ พี่ชื่อเตยเพื่อนอั้มนะคะ ไม่ทราบว่าอั้มอยู่หรือเปล่าคะ ปลายสายอึ้งไปชั่วครู่ ฉันเริ่มลังเลใจจึงหยิบเบอร์โทรศัพท์ของเขาขึ้นมาดูอีกครั้ง ฉันกดไม่ผิด
พี่เตย พี่เตยจริง ๆด้วย เสียงปลายสายดูตื่นเต้นไม่น้อย
รู้จักพี่ด้วยเหรอคะ
ค่ะ... พี่อั้มเคยเล่าให้แอมฟัง แอมเป็นน้องสาวของพี่อั้มค่ะ
แล้วอั้มล่ะคะ อั้มอยู่ไหม
พี่อั้มเสียแล้วค่ะ พี่อั้มเสียเมื่อ 4 ปีก่อน เป็นเนื้องอกในสมอง เป็นมานานมากแล้วค่ะพี่เตย จนเมื่อพี่อั้มติดต่อกับพี่เตย อาการของพี่อั้มก็ขึ้นมาก มากจนทำให้ทุกคนแปลกใจ ยิ่งวันไหนพี่อั้มได้จดหมายของพี่เตย พี่อั้มจะอารมณ์ดี ทานข้าวได้เยอะเป็นพิเศษ แต่พักหลังพี่เตยไม่ตอบจดหมายของพี่อั้ม อาการของพี่อั้มก็ทรุด จนเมื่ออาทิตย์ก่อนที่พี่อั้มจะเข้าห้องผ่าตัด พี่อั้มเขียนจดหมายหาพี่เตยอีกครั้ง พี่อั้มอยากได้ยินเสียงพี่เตยเพียงสักครั้ง แต่พี่เตยก็ไม่โทรมา แล้วหมอก็ยื้อชีวิตพี่อั้มไม่ได้
พี่ขอโทษ...พี่ไม่รู้ นี่คงเป็นคำพูดเดียวที่ฉันสามารถคิดออกในเวลานี้
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แอมว่าอั้มคงดีใจด้วยซ้ำที่สุดท้ายพี่เตยก็โทรมา ก่อนที่พี่อั้มจะเข้าผ่าตัด พี่อั้มยังบอกหนูว่าให้รอโทรศัพท์พี่เตย...พี่อั้มเชื่อว่าสักวันหนึ่งพี่เตยต้องโทรมา
หลังจากที่ฉันวางหูโทรศัพท์ น้ำตาแห่งความผิดพลาดก็พรั่งพรูออกมาเป็นสาย นี่ฉันทำลายความหวังของผู้ชายคนหนึ่ง เพียงข้ออ้างที่มีค่าไม่พอเลยว่า ไม่มีเวลา ถ้าวันนั้นฉันเปิดจดหมายของเขาอ่าน อะไร ๆมันต้องดีกว่านี้
ฉันรวบรวมจดหมายของเขาทั้งหมดออกมาตัดแสตมป์ออกแล้วเอาไปแช่น้ำตามที่เขาเคยบอกกับฉัน ฉันเฝ้ามองแสตมป์ที่ค่อย ๆหลุดออกจากกระดาษช้า ๆ แล้วสายตาฉันก็สะดุดกับอะไรบางอย่างในแสตมป์ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู แล้วปล่อยน้ำตาไหลอย่างไม่อายใคร
...และแล้วความลับของจดหมายของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมา...
...ฉันรู้แล้วว่าทำไมเขาอยากให้ฉันแกะแสตมป์ของเขาออกหนักหนา
...เพราะหลังแสตมป์ทุกดวงที่เขาส่งมา ถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงว่า.
...รัก...
24 กรกฎาคม 2547 14:53 น.
คนมันชอบโม้นะ
จำได้จดหมายฉบับสุดท้ายของเขามาถึงฉันพร้อมกับจดหมายแจ้งผลการสอบ แน่นอนฉันต้องเลือกที่จะหยิบจดหมายแจ้งสอบมาเปิดอ่านก่อน และแล้วความพยายามของฉันก็สำเร็จเพราะฉันสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของรัฐได้ จนลืมที่จะเปิดจดหมายของเขาอ่าน ไม่ใช่สิ...ฉันไม่ได้สนใจมันมากกว่าฉันจับจดหมายของเขายัดลงในลังเก่า ๆ ใบหนึ่ง และไม่เคยจะเหลียวมองจดหมายของเขาอีกเลย
จวบจนวันนี้...วันที่ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกเคว้งคว้างเหลือเกิน ไม่รู้จะตั้งต้นเดินไปทางไหนดี อยู่ ๆ ฉันก็นึกถึงเขาขึ้นมา ความทรงจำเก่า ๆ สีซีดจาง แต่ยังไม่เคยเลือนหายไปจากใจฉันเลยสักครั้ง แต่กลับมาเคาะประตูของหัวใจถามว่า ทำไมลืมเขาไม่ได้สักที นั้นสิ...ทำไมนานจนป่านนี้แล้ว ทำไมฉันถึงไม่ลืมเขา
จดหมายฉบับสุดท้ายของเขายังอยู่ในสภาพดีเหมือนเพิ่งได้รับมาเมื่อวาน ทั้งที่ความจริงแล้ว มันมีอายุการรอคอยให้ฉันเปิดอ่านเป็นเวลากว่า 4 ปี ...และวันนี้เป็นวันที่จดหมายฉบับสุดท้ายของเขาจะสิ้นสุดการรอคอย...ฉันจะเปิดจดหมายของเขา
ฉันเปิดจดหมายฉบับสุดท้ายของเขาอ่าน ด้วยมือสั่นเทาเหมือนว่ากำลังจะได้ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง แต่เมื่อฉันได้อ่านจดหมายของเขา ฉันก็แปลกใจเล็กน้อย ...เพราะจดหมายของเขามีแค่ 3-4 บรรทัดเท่านั้น
(ครั้งต่อไปเรามาอ่านเนื้อความในจดหมายกันนะ)
23 กรกฎาคม 2547 18:41 น.
คนมันชอบโม้นะ
เมื่อระยะเวลาผ่านไปได้ช่วงหนึ่ง เป็นฉันเองที่เผลอเล่าเรื่องส่วนตัวให้เขาฟังกว่าจะรู้ว่าตัวเองละเมิดกฎที่ตัวเองตั้งขึ้นไว้ เขาก็รู้เรื่องราวของฉันไปเกือบหมดแล้ว น่าแปลกใจที่ฉันไม่เห็นเขาเป็นแค่ เพื่อนทางจดหมาย เหมือนเมื่อก่อน ฉันกลับรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน เขาเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกที่คอยเตือนฉันว่า ทุกวันพฤหัสฉันต้องตรงไปที่ตู้จดหมาย เพื่อรับจดหมายของเขาขึ้นมาอ่าน เป็นเหมือนคนที่คอยตอบคำถามที่ฉันไม่เข้าใจได้ทุกเรื่อง เป็นเหมือนเพื่อนผู้ชายที่สนิทชิดเชื้อพอที่จะทำให้ฉันเข้าใจความรู้สึกของผู้ชาย มากกว่าที่ฉันเคยรับรู้มาตลอดชีวิตนี้ ที่สำคัญเขาพยายามพิสูจน์ให้ฉันมั่นใจได้ว่า เขาบริสุทธิ์ใจในการคบหากับฉันจริง ๆ
จดหมายของเขาที่มาถึงมือฉันเป็นตั้ง ๆ ทุก ๆ ซองจดหมายของเขา จะแปะแสตมป์สวย ๆมาด้วยทุกครั้ง เขาบอกว่า สักวันหนึ่งเขากับฉันไม่ได้ติดต่อกันแล้ว เมื่อฉันเห็นแสตมป์ของเขา ฉันจะจำเขาได้ (เพราะตราประทับบนแสตมป์เป็นชื่อจังหวัดของเขา) ตอนนั้นฉันจำได้ว่าเขาเคยบอกให้ฉันลอกแสตมป์ของเขาออก แล้วแยกเก็บไว้
ฉันไม่เข้าใจความหมายที่เขาบอก ฉันไม่อยากตัดแสตมป์ออกจากซองจดหมาย เพราะคิดว่าแสตมป์สมควรอยู่บนจดหมายเท่านั้น แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอให้ฉันแกะแสตมป์อยู่ดี ฉันยังจำได้ว่าเขาเคยสอนว่า ถ้าจะแกะแสตมป์ออกจากซองจดหมายอย่าดึงออกโดยตรง เพราะจะทำให้แสตมป์ขาดได้ แต่ให้ฉันตัดแสตมป์ออกมาแล้วแช่น้ำไว้สักพัก แสตมป์จะหลุดออกเอง จากนั้นตากไว้ให้แห้งก่อนจะเก็บใส่สมุด จำไปก็เท่านั้นแหละ เพราะฉันไม่เคยทำตามที่เขาบอก แม้ว่าเขาจะถามฉันบ่อย ๆ ว่าฉันจัดการกับแสตมป์ของเขาหรือยัง แต่ฉันก็โกหกเขาตลอดว่า เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉันก็ตกหล่นไปโดยมีเวลาเป็นตัวแปร พอดีช่วงนั้นฉันต้องตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เขาก็ยังส่งจดหมายมาหาฉันเหมือนเดิมไม่เคยขาด ส่วนฉันได้แต่อ่าน แต่ไม่คิดจะลงมือเขียนจดหมายตอบเขา ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีเวลา
(ยังมีต่ออีกนะช่วยติดตามด้วย)
22 กรกฎาคม 2547 18:32 น.
คนมันชอบโม้นะ
เมื่อหลายปีก่อน เขากับฉันรู้จักกันผ่านอินเตอร์เน็ต มีคนเคยบอกว่าเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต ไม่ยั่งยืนและไม่ค่อยจริงใจต่อกัน แต่สำหรับเขาคงเป็นข้อยกเว้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะเขียนจดหมายมาหาฉันอาทิตย์ละหนึ่งฉบับไม่เคยขาดเลยซักครั้ง ฉันเองซะอีกที่นานวันเข้าชักเริ่มขี้เกียจตอบจดหมายของเขา แต่เขาไม่เคยบ่น ไม่เคยทวงถามจดหมายของฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว นานวันเราสองคนก็เริ่มสนิทกันผ่านตัวอักษรในจดหมาย เขาชอบเล่าเรื่องราวส่วนตัวของเขาให้ฉันฟัง จนคล้ายเขาเปิดไดอารี่ส่วนตัวขนาดย่อๆให้ฉันเข้าไปอ่านส่วนฉันมั่วแต่ระแวงว่าเขาไม่ซื่อกับฉัน จึงไม่ค่อยตอบจดหมายของเขาเกินกว่าหนึ่งหน้ากระดาษ ความสัมพันธ์ของเราถูกเว้นระยะไว้แค่
เพื่อนทางจดหมายฉันพยายามไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้เขารู้มากนัก ผิดกับเขาที่เล่าให้ฉันฟังได้หมดว่าเขาเป็นใคร เรียนที่ไหน อายุเท่าไหร่ นำความแปลกใจมาสู่ฉันไม่น้อยว่าทำไมเขาถึงได้ไว้ใจฉันถึงขนาดนี้
(มีต่ออีกแต่ไว้แค่นี้ก่อนนะ)