10 ธันวาคม 2555 20:29 น.
คนบางบอน
เก็บดอกแก้วกลิ่นหอมสู่อ้อมอก
น้ำตาตกครวญคร่ำแอบร่ำไห้
คิดถึงแก้วดอกหนึ่งซึ่งอยู่ไกล
ต้องหวั่นไหวเหว่ว้า..คราหนาวเยือน
กลิ่นแก้วอวลชวนให้ใจถวิล
คราวโบยบินแรมร้างมาห่างเพื่อน
ลมเหมันต์มาแล้วแว่วเสียงเตือน
..อย่าลืมเลือน...อย่าแรมร้าง..อย่าห่างไกล..
ถวิลครวญหวนหาคราใกล้ชิด
เคยได้สิทธิ์ร่วมเรียงอยู่เคียงใกล้
เด็ดดอกแก้วแซมผมชมพฤกษ์ไพร
ต่างเผยใจให้เห็นเน้นสัมพันธ์
ยินเสียงครวญหวนหาคราห่างเหิน
ใครหรือเมินเผลอใจใครหรือนั่น
ยังคิดถึงคะนึงหามาทุกวัน
กลิ่นแก้วนั้นยังประทับอยู่กับใจ
วอนลมพัดพร่างพรูความรู้สึก
สู่ห้วงลึกใจสาวคราวหวั่นไหว
แม้เหินห่างทางนี้ไม่มีใคร
ยังอาลัยเสน่หาผกาเดิม...
2 ธันวาคม 2555 20:21 น.
คนบางบอน
น้ำจากพี่ไปไกลอยู่ไหนหนอ
พี่ฝ้ารอน้ำอยู่...น้ำรู้ไหม
ญาติพี่น้องหมองหม่นกังวลใจ
ขอร้องให้น้ำกลับมาบ้านนาเรา
นาขาดฝนคนขาดน้ำชอกช้ำหนัก
ซึ้งประจักษ์แก่ใจในความเขลา
วันมีน้ำอยู่ใกล้ไม่แบ่งเบา
หลงเชื่อเขาปล่อยน้ำไปไม่ใยดี
น้ำลองดู ข้าวทุกกอ ที่พ่อปลูก
มันต้องถูกแดดกล้าคราน้ำหนี
ยืนต้นแห้งเหี่ยวเฉาเหงาชีวี
ผืนนามีแต่รอยแยกแตกเป็นทาง
หนี้สินหรือก็โถมทับมากับแล้ง
ต้องหน้าแห้งหมองมัว...กลัวทุกอย่าง
ความหวังที่จะอยู่รอด มันเลือนราง
มีแต่ความอ้างว้าง เกาะกินใจ
ข้าวกำลังจะแห้งตายไม่ได้เกี่ยว
เพียงเศษเสี้ยวจะหลงเหลือจุนเจือไหม
ทุกหย่อมย่านทุกข์ยากลำบากไป
เพราะเยื่อใยของน้ำทำร้าวราน
น้ำกลับมาหาพี่เถิด...ที่รัก
น้ำต้มผักเคยขมยังอมหวาน
กลับมาอยู่บ้านนาที่กันดาร
โปรดสงสารพี่ น้องเรา ชาวนาไทย...
29 พฤศจิกายน 2555 19:48 น.
คนบางบอน
จบกระทงอธิษฐานผ่านสำนึก
น้อมรำลึกถึงพระคุณเกื้อหนุนส่ง
...ทุกชีวิตมิอาจจะขาดลง...
ขอพระคงคารับซึมซับความ
ลูกมาขอขมา คราเพ็ญโสม
ลอยล่องโคมสู่ธารา,ฟ้า, สยาม
สืบทอดเป็นประเพณีอันดีงาม
ประทับนาม วัฒนธรรมอันอำไพ....
----------------------------------------
คืนนี้ดาวพราวโพยมโสมส่องแสง
ดับร้อนแรงสุรีย์ที่เผาไหม้
ลมเหมันต์ผ่านผิว..วาบหวิวใจ
ไม่มีใครเคียงข้างอ้างว้างจริง
วางกระทงเหงาเหงาเศร้ายิ่งนัก
เหมือนความรักลอยไปไกลทุกสิ่ง
อ้างว้าง เดียวดาย ไร้คู่อิง
ไม่มีมิ่งขวัญใจไว้ชื่นชม
ฝากหัวใจใส่กระทงจำนงหวัง
ลอยความหลังฝังใจคราไม่สม
วอนพระแม่คงคาพาความตรม
ไปกับลมพักล่องท้องธารา...
19 พฤศจิกายน 2555 20:04 น.
คนบางบอน
ถ้าหอบใจเหว่ว้ามาเยือนถิ่น
คนสุรินทร์จะยินดีพาทีไหม
ซึ้งบทกลอนอ่อนหวานคนบ้านไกล
จึงเผลอใจไหวหวามข้ามฟ้ามา
หวังให้คนสุรินทร์ถวิลถึง
ว่ามีใครคนหนึ่งคะนึงหา
ถึงหนทางยาวไกลสุดสายตา
สุดขอบฟ้ามิอาจขวางเส้นทางใจ
บอกกับเธอด้วยใจที่ใฝ่ฝัน
เฝ้านับคืนนับวันฝันมาใกล้
ดอกไม้แห่งไมตรีนี้ฝากไป
หวังผูกเยื่อสานใยไว้ด้วยกัน
ฝากสายลมรำเพยพาเพลงกานท์กล่อม
สถิตอ้อมหัวใจจุดไฟฝัน
อย่าเลือนรางอย่าห่างหายสายสัมพันธ์
ฝากคำมั่นนี้ไว้กับสายลม
คนอยู่ไกลใจหวังฟังคำอ้อน
ผ่านบทกลอนปลอบขวัญวันขื่นขม
กลอนซึ้งซึ้งคำซึ้งซึ้งถึงอารมณ์
คงจักข่มใจเหงา เศร้า สร่างซา
แม้นมาถึงสุรินทร์แล้วสิ้นหวัง
ก็จะฝังใจนี้ที่ร่ำหา
คนสุรินทร์สิ้นเยื่อใยไม่เมตตา
(จะ)ร่ำสุรา ที่สุรินทร์ ให้สิ้นใจ
14 พฤศจิกายน 2555 21:44 น.
คนบางบอน
เป็นเพื่อนกันนานแล้วเปลี่ยนแนวไหม
ลองคิดใหม่ทำใหม่ให้ได้ผล
เผื่อความเหงาที่เร้ารุมสุมกมล
จะหลุดพ้นออกไปจากใจเรา
ความเหมือนที่แตกต่างทางชีวิต
ต่างมีสิทธิ์ก้าวข้ามลบความเหงา
ถึงเคล็ดลับต่างกัน หนัก สั้น เบา
แต่ก็เฝ้ามองหาสิ่งเดียวกัน
อย่าปล่อยใจให้จมหล่มรักเก่า
อย่ามัวเศร้าเหงาใจหมดไฟฝัน
เมื่อต้องอยู่เดียวดายใต้เงาจันทร์
อย่าปล่อยวันปล่อยเดือนเลื่อนลอยไป
ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อดูโลก
จะทุกข์โศกเพียงนี้ หรือไฉน
เวลาที่เหลืออยู่เพื่อดูใจ
มันเหลืออีกไม่เท่าไร แล้วคนดี
ต่างผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนัก
เรื่องความรักก็เคยผ่าน...นานแล้วนี่
ขาดก็เพียงคนรู้ใจยังไม่มี
ไมตรีนี้จึงเทใจมอบให้มา
เป็นแฟนกันเอาไหม..ใจฝากถาม
ตอบได้ตามที่ใจใฝ่ฝันหา
แต่ถ้าใจเลือกคู่เคียงสูงเยี่ยงฟ้า
เชิญแก้วตาอยู่บนคานวิมานเดิมฯ