29 กันยายน 2554 23:19 น.
คนกุลา
กาพย์ห่อโคลงเจนละ
๓๓)
๐ ชีพคนคราเมื่อต้อง..................................ครรไล
ลับกษัตริย์องค์เกรียงไกร............................ยิ่งเศร้า
คราว ธ ล่วงลับไกล....................................ปราณพราก
ปวงประชาทุกเหย้า...................................โศกแม้นสลายขวัญ๚ะ๛
"""
๐ ชีพคนคราครรไล
ต้องจากไปคราวถึงกาล
เวียนวนหนทางปราณ
ก่อนล่วงผ่านคืนที่มา
๐ ศาสนาพราหมณ์ท่านสอน
ทุกบทตอนให้ศึกษา
อาตมันนั้นถึงครา
มิรอช้าต้องจากจร
๐ แม้ใครจะอาดูร
โศกเพิ่มพูนหาอาวรณ์
ชีพหนึ่งซึ่งจบตอน
ฤๅหาห่อนจะยื้อคืน
๐ พระญาติแสนเศร้าสร้อย
ใจละห้อยสุดทนฝืน
หลักรัฐเคยหยัดยืน
มาล้มลงยากปลงใจ
๐ ประชาทุกเรือนเหย้า
คร่ำครวญเฝ้าวิโยคไหว
รันทดหมดหทัย
ราวขวัญได้ร่วมปลิดตาม๚ะ๛
....................คน กุลา ๒๙ กันย์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
25 กันยายน 2554 20:20 น.
คนกุลา
กาพย์ห่อโคลงเจนละ
๓๒)
๐ อีศานครองเขตุนั้น..............................แดนไกล
หากเมื่อเจริญวัย.....................................เติบกล้า
ปกครองขอบเขินไศล..............................จรดฝั่ง สมุทรนา
เห็นต่อไปภายหน้า..................................เก่งล้ำเกินใคร๚ะ๛
...........
๐ อีศานครองเขตุนั้น
เป็นขอบกั้นนครา
ผู้คนด้นดั้นมา
เข้าเทียบท่าฝั่งนที
๐ ด้วยมีเชื้อขแมร์
ได้มาแต่มารดามี
กล้าแกร่งแรงฤทธี
เกินกว่าที่ใครเทียมทัน
๐ ได้รับการมอบหมาย
ดูแลได้ดั่งใจฝัน
แม้นร้างห่างไกลกัน
ท้าวยังมั่นเชื่อบุตรตน
๐ หากฝ่ายประยูรวงศ์
แตกเผ่าพงศ์คงกังวล
เชื้อสายได้ปะปน
คนกับนาคยากปกครอง
๐ แต่ด้วยพยายาม
และในความเชื่อมเกี่ยวดอง
สานร้อยสร้อยโซ่ทอง
แผ่เผ่าผอง”เสนะ”ไกล ๚ะ๛
...........................คน กุลา ๒๕ กันย์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
18 กันยายน 2554 23:38 น.
คนกุลา
กาพย์ห่อโคลงเจนละ
๓๑)
๐ บุตรนางนาคมากด้วย............ฤทธิรงค์
หากแต่ภักดิ์มั่นคง.....................ฝ่ายฟ้า
การใดเมื่อประสงค์....................ถวายพระ บิดาเฮย
อีกส่วยส่งหาช้า.........................เชื่อให้ดังหมาย๚ะ๛
...........
๐ โอรสอันท่านได้
จากเมืองใต้เขตุธรณินทร์
เป็นบุตรเชื้อนาคินทร์
จากแดนดินถิ่นฝั่งชล
๐ เดชากล้ายิ่งนัก
หากใจภักดิ์มิกังวล
ส่วยสาหาเปรอปรน
มิขัดสนจนพอใจ
๐ แม้นพระราชบิดา
ทรงปรารถนาในสิ่งใด
สุดแสนแดนใกล้ไกล
ท่านสู้ไปเสาะหามา
๐ ธ ทรงโปรดปรานนัก
จึงทรงจักหวังพึ่งพา
มอบหมายครองนครา
ในภายหน้าได้สืบวงศ์
๐ แต่ด้วยเรียนเวทมนต์
อาคมข้นจิตมั่นคง
แม้นใจคล้ายซื่อตรง
แต่ดุร้ายในบางที๚ะ๛
...........คน กุลา ๑๘ กันย์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
17 กันยายน 2554 21:38 น.
คนกุลา
กาพย์ห่อโคลงเจนละ
๓๐)
๐ จิตรเสนครองแว่นแคว้น......................จนชรา
กระทั่งถึงคราวครา.....................................ล่วงแล้ว
เจนละนับเพลา.........................................เติบใหญ่
มวลหมู่ทวยทแกล้ว....................................เมื่อหน้าใครครอง๚ะ๛
.........
๐ จิตรเสนครองแว่นแคว้น
ทั่วดินแดนจนชรา
ทำนุปวงประชา
เป็นรามาอันเกรียงไกร
๐ อาศัยกุศโลบาย
เมื่อมุ่งหมายรบชิงชัย
เก่งกาจองอาจใน-
จัดทัพนำทำสงคราม
๐ บางรัฐมัดไมตรี
มิตรมากมีหลากเขตุคาม
ขอมลาวและชาวจาม
พยายามญาติดีกัน
๐ สร้างเมืองสร้างชุมชน
เพื่อผองคนนับอนันต์
ที่ดินมีแบ่งกัน
ธ จัดสรรอย่างเป็นธรรม
๐ อาณาประชาราษฎร์
อภิวาทจริงใจจำ
เพียงทุกข์ทรวงระกำ
ใครจะนำยามท่านไกล๚ะ๛
.........................คน กุลา ๑๗ กันย์ ๕๔
12 กันยายน 2554 17:43 น.
คนกุลา
๐ แว่วเสียงขลุ่ย หวานแว่วหวัง ดังแว่วหวาน
แว่วเสียงขาน ไหวหวิวร่ำ พร่ำหวิวไหว
แว่วเสียงครวญ ใจอวลกรุ่น อุ่นอวลใจ
แว่วเสียงใคร ครวญคร่ำหา ว่าคร่ำครวญ
๐ ฟังเสียงวอน ร่ายคำเพียง เรียงคำร่าย
ฟังเสียงคล้าย หวนไห้ไย ใจไห้หวน
ฟังเสียงล้วน ชวนเชิญมา คราเชิญชวน
ฟังเสียง นวล ลาจากย้ำ จำจากลา
๐ เพลงขลุ่ย เพียง เผยใจยิ่ง จริงใจเผย
เพลงขลุ่ย เอ่ย ฟ้าฉ่ำเฉก เมฆฉ่ำฟ้า
เพลงขลุ่ย พรม ลาลับเลือน เดือนลับลา
เพลงขลุ่ย มา คลอเคล้าราว เจ้าเคล้าคลอ
๐ แว่วขลุ่ย วน ว่ายแหวกข้าม ยามแหวกว่าย
แว่วขลุ่ย หมาย หอห้องปอง คืนห้องหอ
แว่วขลุ่ย ราว รอคอยใคร ให้คอยรอ
แว่วขลุ่ย พ้อ ฤดีเศร้า ร้าวเศร้าฤดี
.......................คน กุลา ๑๑ กันย์ ๕๔
เขียน ด้วยกลอนกลบท กลบกลืนกลอน
แบบฉบับจันทบูรณ์ ครับ