22 กรกฎาคม 2554 20:19 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๔)
๐ ทุ่งกุลาคราก่อนนั้น.........ดงเกลือ
ปลาเมื่อมีเหลือเฟือ.............หมักไว้
เสบียงกรังเริ่มจุนเจือ..........สะสมเก็บ
เตรียมไพร่พลคอยใช้.........ทแกล้วทวยหาญ๚ะ๛
...........................
๐ เริ่มย่านทุ่งกุลา
เลาะเรื่อยมาตามริมมูล
แหล่งเกลือใช้เกื้อกูล
หมักปลาไว้อยู่ได้นาน
๐ ที่ราบลุ่มรับน้ำ
อุดมล้ำคราถึงกาล
หน้าแล้งแห้งกันดาร
ยามฝนมากน้ำหลากพลัน
๐ ปูปลาสมบูรณ์จัง
จับกักขังย่าง,หมักกัน
ใส่ไหกินนานวัน
ร่วมหล่อเลี้ยงเสบียงพล
๐ มีข้าวเต็มยุ้งฉาง
ปลาหมัก,ย่างมีทุกหน
มีดพร้าหาครบคน
ทั้งหอกดาบปราบริปู
๐ อาณาประชาราษฎร์
จึงรวมชาติชนเชิดชู
เจนละก็เฟื่องฟู
เสริมสร้างสมระดมพลัง ๚ะ๛
.....................คน กุลา ๒๒ กรกฎ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
21 กรกฎาคม 2554 19:04 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๓)
๐ ปัญญารู้จักใช้..............ชลประทาน
ทุกแหล่งห้วยละหาร.........ทดน้ำ
ประโยชน์ก่อผลงาน.........นาไร่
ดึงดูดมนุษย์ถ้ำ...............ร่วมด้าวแดนสรวง..ฯ
.....................
๐ รู้ถลุงเหล็กสัมฤทธิ์
ทั้งผลิตเกลือกินใช้
ขุดคูคลองนอกใน
แก้ผองภัยแล้งกันดาร
๐ เพาะปลูกและลี้ยงสัตว์
อีกทั้งจัดชลประทาน
กั้นคันนาไถหว่าน
ปลูกข้าวกินเลี้ยงชุมชน
๐ ปั้นถ้วยหม้อชามไห
แม้นยามใดไม่ขัดสน
จึงดึงดูดผู้คน
ค่อยทยอยมาร่วมคาม
๐ พัฒนาวัฒนธรรม
ให้จดจำและทำตาม
ศิวลึงค์กลึงหินงาม
สร้างอารามให้บูชา
๐ กตัญญูบรรพบุรุษ
ในหมู่บุตรแลธิดา
ปลงศพทำสองครา
สืบต่อมาเท่าปัจจุบัน๚ะ๛
.....................คน กุลา ๒๐ กรกฎ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
20 กรกฎาคม 2554 21:17 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๒)
๐ ปฐมฐานแรกเริ่มนั้น...............ริมมูล
เป็นเพราะความสมบูรณ์..............ยิ่งแล้ว
เสริม”เจนละ”รวมศูนย์...............เติบใหญ่
กระทั่งเถลิงฉัตรแก้ว...................ฝ่ายฟ้าแดนอีศาน..ฯ
.....................คน กุลา ๒๙ มีถุน ๕๔
๐ ตามตำนานแรกเริ่ม
แต่ตั้งเดิมก่อนเก่านั้น
เป็นเมืองขึ้น-ฟูนัน
เมื่อพร้อมพลันก็แข็งเมือง
๐ ท้าวสะสมกำพล
มากผู้คนหนุนเนื่อง
กุย จาม ขอม ลาว ร่วมเมือง
ทบนองเนืองสร้างชุมชน
๐ สามารถรวมเหล่ากอ
และเริ่มก่อสร้างไพร่พล
เข้มแข็งเติบใหญ่จน
ประกาศกล้าขึ้นเป็นไท
๐ สองพี่น้องเก่งรบ
สามารถสยบริปูไกล
ก่อนเชษฐาตั้งเวียงชัย
“จัมปานาค”ที่ริมมูล
๐ เถลิงฉัตรแห่งเจนละ
ชัยชนะก็เพิ่มพูน
ขยายเขตจรดนาดูน
“จัมปาศรี”บุรีงาม ๚ะ๛
.....................คน กุลา ๒๐ กรกฎ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
20 กรกฎาคม 2554 02:11 น.
คนกุลา
ร่ายสุภาพ :
ณ สถานวิมานอินทร์...ธ เยินยินยอท้าว....ทั่วถิ่นด้าวแดนไกล
หลังไศลภูมิประเทศ....รวมขอบเขตุขัณฑ์เข้า......ปราบจอมเจ้าถิ่นพนม
ชื่นเชยชมหมู่มิตร......รอบรายทิศแซ่ซ้อง........ทุ่งรวงทองงามล้ำ
จัดส่งน้ำชลประทาน.....ห้วยละหานตบแต่ง......หมั่นจัดแจงคลองท่อ
ขุดเบิกบ่อบาราย........ให้วัวควายฉ่ำชื่น....ผู้คนหมื่นแสนมา
ร่วมพาราก่อร่าง........หมายมุ่งสร้างเมืองบ้าน.....ที่ฝั่งย่านชีมูล
หวังเทิดทูลแว่นฟ้า......ยามเมื่อกรายเถลิงหล้า....ฝั่งน้ำงามแสน..ท่านเฮย
ตำนานเจนละ
๑)
๐ จำเนียรกาลเนิ่นแล้ว.....สองพัน ปีนา
เกิดก่อขอบเขตุขัณฑ์..........ใหญ่กว้าง
องค์ภววรมัน.....................หมายก่อ
รวมไพร่พลหวังสร้าง..........ถิ่นท้าวสืบปฐม. ๚ะ๛..
.....................
๐ จำเนียรกาลนับนานเนิ่น
ที่ขอบเขินแนวไศล
สองพันปีล่วงไป
อาณาจักรในตำนาน
๐ มีหน่อเนื้อกษัตรา
องค์ราชาจากห้วงกาล
รวมพลแนวท้องธาร
หมายสร้างบ้านมุ่งแปงเมือง
๐ นามภววรมัน
ตั้งต้นฝันงามประเทือง
วงศ์”เสนะ”ให้ลือเลือง
ขยายแคว้นข้ามแดนดง
๐ เข้ายึดวยาธปุระ
ศูนย์กลาง ณ พนมพงศ์
ขยายฐานอย่างมั่นคง
กรีฑาทัพขึ้นปราบดาฯ
๐ แยกตัวจากฟูนัน
เถลิงไอศวรรย์แห่งจัมปาฯ
นำทัพกับอนุชา
ประกาศกล้าฉลองชัย๚ะ๛
.....................คน กุลา ๒๐ กค. ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
16 กรกฎาคม 2554 21:53 น.
คนกุลา
๐ ผืนฟ้ามืดชืดคล้ำฟ่อนดำเมฆ
ดั่งเทพเสกสั่งสรวงดับห้วงหน
แสดม่วงแดงแฝงครามเมื่อยามยล
ย้ำมัวหม่นหมองหน้าคนมาไกล
๐ เมื่อจากไปใครอยู่ไม่รู้หรอก
ฟังเสียงบอกบ่งไว้จำได้ไหม
อยากรู้จริงสิ่งหมางที่บางใจ
ไม่รู้ใครคล้ายเป็นอย่างเช่นเรา
๐ ลำดวนเอยเคยหมายพี่ได้จาก
คงไม่ยากหากผู้เคยรู้เหงา
ในเนิ่นนานปานกางม่านบางเบา
คำก่อนเก่าเลือนหายหลายเพลา
๐ ปาดน้ำตาปร่าปรางเมื่อร้างขวัญ
ยามไกลกันเกินเห็นราวเร้นหน้า
ขอคำนึงถึงบ้างแม้บางครา
เพื่อรักษาโศกตรมไม่สมปอง
๐ คู่เคยคบครั้งนี้อยู่ที่ไหน
เก็บหัวใจเจ็บจนเศร้าหม่นหมอง
ป้ายน้ำตาทาคราบรินอาบนอง
ปาดเกลี่ยยองใยแก้มซ้ำแต้มรอย
........................คน กุลา ๑๕ กค. ๕๔