31 กรกฎาคม 2554 21:57 น.
คนกุลา
(๑)
๐ กวีฝึกฝันกลอนกานท์สานกลอนฝัน
กวีฝึกร้อยเรียงวรรณมั่นเรียงร้อย
กวีฝึกคอยสื่อสารผ่านสื่อคอย
กวีฝึกความเรียงร้อยถ้อยเรียงความ
๐ นำกลอนเก้าสานประสงค์คงประสาน
นำกลอนกานท์หวามไหววาดอาจไหวหวาม
นำกลอนพิศตามติดนัยใฝ่ติดตาม
นำกลอนยามเยีอนเนาคอยค่อยเนาเยือน
๐ จึงให้กฎบทกวีคลายคลี่กวีบท
จึงให้จรดเหมือนคราวสุขทุกคราวเหมือน
จึงให้เพื่อนเตือนใจหมายใช้ใจเตือน
จึงให้เยือนกันลืมให้ไม่ลืมกัน
๐ ยามเขียนคราวเหงาหงอยช้ำย้ำหงอยเหงา
ยามเขียนเอาฝันใฝ่แนบแอบใฝ่ฝัน
ยามเขียนท่ามจันทร์พร่างใสในพร่างจันทร์
ยามเขียนวันคืนหวังคล้ายหมายหวังคืน
๐ เพื่อกลับหมายคว้าไขว่เอยเคยไขว่คว้า
เพื่อกลับมาฝืนใจรับกับใจฝืน
เพื่อกลับต้าวยืนหยัดหนอรอหยัดยืน
เพื่อกลับชื่นใจมั่นซึ้งซึ่งมั่นใจ
(๒)
๐ แว่วเสียงขลุ่ยหวานแว่วหวังดังแว่วหวาน
แว่วเสียงขานไหวหวิวร่ำพร่ำหวิวไหว
แว่วเสียงครวญใจอวลกรุ่นอุ่นอวลใจ
แว่วเสียงใคร ครวญคร่ำหา ว่าคร่ำครวญ
๐ ฟังเสียงวอนร่ายคำเพียงเรียงคำร่าย
ฟังเสียงคล้ายหวนไห้ไยใจไห้หวน
ฟังเสียงล้วนชวนเชิญมาคราเชิญชวน
ฟังเสียงนวลลาจากย้ำจำจากลา
๐ เพลงขลุ่ยเพียงเผยใจยิ่งจริงใจเผย
เพลงขลุ่ยเอ่ยฟ้าฉ่ำเฉกเมฆฉ่ำฟ้า
เพลงขลุ่ยพรมลาลับเลือนเดือนลับลา
เพลงขลุ่ยมาคลอเคล้าราวเจ้าเคล้าคลอ
๐ แว่วขลุ่ยวนว่ายแหวกข้ามยามแหวกว่าย
แว่วขลุ่ยหมายหอห้องปองคืนห้องหอ
แว่วขลุ่ยราวรอคอยใครให้คอยรอ
แว่วขลุ่ยพ้อฤดีเศร้าร้าวเศร้าฤดี.๚ะ๛
...................คน กุลา ๓๑ กค. ๕๔
31 กรกฎาคม 2554 11:37 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๙)
๐ ถนนตารางรูปนั้น...............จริงจัง
ทุกแห่งตัดเหมือนดัง................ขีดเส้น
คราคราวก่อนนั้นยัง..................คงขาด
หาเครื่องมือมาเน้น...................วัดให้มาตรฐาน๚ะ๛
๐ ทุกที่มีชุมชน
ตัดถนนเป็นตาราง
ให้คนใช้หนทาง
และวัวต่างได้เทียมเดิน
๐ ใช้เชือกสายรังวัด
มาใช้ตัดนับนานเนิ่น
ย่างกรายคล้ายเพลิดเพลิน
แบบแมงมุมสุมชักใย
๐ เรียนจากธรรมชาติ
จิตสะอาดพิสุทธิ์ใส
จิตไม่มากคราบไคล
คิดสิ่งใดก็แจ้งพลัน
๐ เครื่องมือไม่เป็นไร
สร้างลงไปตามมีกัน
ระดับจับแรงดัน
น้ำ~ฉากไม้ใช้วัดมุม
๐ คนเราต้องสัญจร
เที่ยวซอกซอนสร้างชุมนุม
ติดต่อกันในกลุ่ม
และระหว่างต่างบ้านเมือง๚ะ๛
.....................คน กุลา ๓๐ กรกฎ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
30 กรกฎาคม 2554 17:02 น.
คนกุลา
๐ ขอเพียงรอหนอหวังยังหวังหนอ
ขอเพียงก่อรักร้อยสานร้อยรัก
ขอเพียงใจจักรู้ให้รู้จัก
ขอเพียงภักดิ์ใจหมายดั่งหมายใจ
๐ ไม่อยากเฝ้าหลงจิตจนจิตหลง
ไม่อยากพะวงไหวหวามจนหวามไหว
ไม่อยากฝืนใจจำเพราะจำใจ
ไม่อยากให้นางคอยจึงคอยนาง
๐ เพราะหวังไว้แสนสูงสุดสูงแสน
เพราะหวังแดนพร่างพริบพรายพริบพร่าง
เพราะหวังวางลางเลือนอาจเลือนลาง
เพราะหวังอย่างจริงจังและจังจริง
๐ จึงมาตอบปลอบคำด้วยคำปลอบ
จึงมาชอบหญิงน้องนะน้องหญิง
จึงมาหวังอิงแอบอุ่นแอบอิง
จึงมาติงคำตอบเธอตอบคำ
๐ รู้ว่าคงฝันไกลสุดไกลฝัน
รู้ว่าพลันถลำลึกลึกถลำ
รู้ว่าหากจำใจฝืนใจจำ
รู้ว่าพร่ำรอหวังเกินหวังรอ
๐ แม้นว่าเธอร่วมฝันและฝันร่วม
แม้นว่ารวมขอรักมั่นรักขอ
แม้นว่าสู้พนอใฝ่ฝันใฝ่พนอ
แม้นว่าท้อก็ทนสู้หยัดสู้ทน
................โดย คน กุลา ๓๐ กรกฎ ๕๔
30 กรกฎาคม 2554 14:17 น.
คนกุลา
๐ ความจริง กับสิ่งฝัน
ท่ามฝ่าฟัน สู่จุดหมาย
แม้นร่าง หมื่นร่าง จะวางวาย
แต่วิญญาณ ย่านสาย ยังว่ายวน
ยอมทุกข์ทน วนเวียนหวัง ระวังปราณ
๐ ฤๅคู่ อาจอยู่นี่
ไม่รู้กี่ ที่ภพผ่าน
จำฝัน ย้ำฝัน เมื่อวันวาน
เพื่อจะผ่าน พ้นผ่าน การพานพบ
แต่ใช่หลบ ไม่ยอมสาน การผูกพัน
๐ น้อมธรรม เพื่อนำจิต
เพ่งนิมิต สู่สวรรค์
ไม่ยึด ไม่ฝืน ค่ำคืนวัน
ไม่หน่วงขวัญ รักขวัญ เท่านั้นพอ
เพราะทนรอ จึงรู้รัก จักนิรันดร์ ๚ะ๛
.............................คน กุลา ๓๐ กรกฎ ๕๔
เขียน โดย กานท์ พูดลาภา
30 กรกฎาคม 2554 11:19 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๘)
๐ ชุมชนจึงแต่งปั้น.....................ตำนาน
ในทุ่งดำเนินการ........................สืบสร้าง
คันดินรอบสถาน........................คูขอบ
วางแท่งศิลาบ้าง.......................สลับไม้แปงผสม๚ะ๛
๐ ชุมชนได้ตบแต่ง
ค่อยเปลี่ยนแปลงแจงตำนาน
ท้องทุ่งรุ่งเรืองกาล
แม้นบางคราแล้งราโรย
๐ ที่นั้นครั้นหน้าแล้ง
ฟ้าสีแห้งดินสีโหย
หน้าฝนหล่นปรายโปรย
รื่นลมโชยแสนชื่นบาน
๐ เที่ยวชมทุกถิ่นที่
มากมายมีหลายสถาน
ชุมชนคราวโบราณ
มีมากมายหลายร้อยเชียว
๐ พินิจในภาพรวม
หวังจะร่วมนครเดียว
ผูกพันมั่นกลมเกลียว
สร้างเจนละประกาศพงศ์
๐ เรื่องราวที่เกิดมา
ราวเวลาพอเจาะจง
พุทธกาลสานสืบตรง
นับเนื่องก่อต่อจากพราหมณ์๚ะ๛
.....................คน กุลา ๓๐ กรกฎ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)