3 มิถุนายน 2552 21:29 น.
คนกุลา
.
นั่งอยู่ริมหน้าต่างใจชั่งโปร่ง
ยังอยู่โยงจับตาหน้าจอฝัน
เคยลำบากยากเพียงใดใจฝ่าฟัน
ฤๅยอมให้ขวัญนั้นเสียหายใต้มือเรา
เมื่อทำใจไม่ได้ต้องให้จบ
อาจไม่พบกันใหม่ในวันเหงา
ในบางวันที่ที่นี่ไม่มีเรา
หวังเพียงเอาใจดวงนี้เพื่อพลีพลัน
โปรดจงได้เข้าใจตามไปด้วย
และจงช่วยเอาใจใส่ในไฟฝัน
กลางหัวใจไหวว่างยังเงียบงัน
น้ำตาจันทร์คงแสนโศกวิโยคใจ
ทั้งเขียนสานสรรค์สร้างอย่างงานศิลป์
อ่านงานรินร่ายระบายดอกไม้ไหว
ไม่โกรธเกลียดใครบ้างเพียงบางใคร
เพียงหัวใจคนกุลาไม่กล้าทน
ผลทนอยู่หากผู้อื่นฝืนลำบาก
สู้ระเหเล่จากสู่ฟากหน
แต่หากไปอย่างเงียบเชียบและเยียบยน
แบบนั้นคนกุลาไม่กล้าทำ
รักที่นี่หลงที่นี่เหมือนที่บ้าน
รักทุกคนรักทุกงานสุดหวานล้ำ
รักทุกใจที่เปิดเอ่ยเฉลยคำ
จะขอจำจนตายไม่ลืมกัน
มาที่นี่มีฝันอันสดใส
อ่านงานใจเขียนงานจิตนิมิตฝัน
เขียนอารมณ์พรมระบายใต้นวลจันทร์
กลางตาวันก็ยังร่ายได้บางคราว
ลาแล้วหนอขอลาจากพรากแล้วขวัญ
แล้วจะได้พบกันกี่วันหนาว
ที่กลางทางช้างเผือกในเทือกดาว
หรืออาจราวราวฟ้านั้นฉันจะรอ
.
.........
ขอบคุณทุกท่าน สำหรับ ทุกๆอย่าง ครับ
คนกุลา
3 มิถุนายน 2552 12:04 น.
คนกุลา
.
ไม่เข้าใจไยต้องมาบอกลาจาก
ไม่หวังมากยังเข้าใจพอได้ฝัน
ยิ่งรักมากฝันมากอยากผูกพัน
ยิ่งเหมือนปั้นรูปลักษณ์ถักมายา
หวังรักวันคืนผ่านสร้างงานศิลป์
จากแดนดินถิ่นไพรในวัสสา
เมื่อหมดรักหมดฝันถึงวันลา
มิอาจฝ่าล่วงล้ำข้ามกำแพง
ดังห้วงหาวดาวเดือนมาเลือนลับ
ฟ้าพยับเมฆสลัวหม่นมัวแสง
ใจเอ๋ยยามไหวว่างกลางลมแรง
ยากพลิกแพลงใจหมายเหมือนไร้ใจ
เก็บเวลานาทีที่เจ็บปวด
ในความรวดร้าวประดังกว่าครั้งไหน
กับความหลังที่มลายสิ้นสายใย
คงต้องไปจากฝันนั้นเสียที
เมื่อหมดรักถักฝันในวันเก่า
ที่สองเราถักถ้อยทุกรอยที่
กอบเก็บฝันวันหวังยังพอมี
ตอบวจี..คำลาลับตราบนิรันดร์
.
คนกุลา
2 มิถุนายน 2552 13:54 น.
คนกุลา
..........
ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีรัก
จีงขอจักวิจัยให้รู้แจ้ง
รักพิไลใสเพริดเจิดแจรง
หรือมักแต่งความหมองมาครองใจ
อยากถามให้ผู้อ่านช่วยกันตอบ
อาจเลือกกรอบตรงของตนบนข้อไหน
เพื่อผมนำคำตอบหอบกลับไป
ทำวิจัยเรื่องรักจากทุกคน
.
ข้อหนึ่ง.รักเกิดอยู่ที่ไหนใครรู้แจ้ง
โปรดแสดงขอบเขตุพร้อมเหตุผล
สอง.เกิดแล้วเป็นอย่างไรในผองชน
รักส่งผลอย่างไรให้อธิบายความ
รักจางคลายจากฤดีมีบ้างไหม
มีคำตอบใดใดใส่ข้อสาม.
ข้อสี่.รักของบางชีวีที่ว่างาม
ตอบคำถามมาซีใช้วิธีใด
ห้า.ยามขัดแย้งแบ่งแยกเห็นแตกต่าง
ไขบอกบ้างตัวอย่างออกทางไหน
หก.ยามหมองมัวหม่นคนรักไกล
แก้อย่างไรช่วยตอบมาอย่าช้าพลัน
เจ็ด.ข้ออื่นๆที่มีช่วยชี้ช่อง
เพื่อมากรองอีกทีที่ตอบนั้น
มีแผนกแยกพิจารณาสารพัน
ช่วยตอบกันเผื่อวิจัยให้รู้จริง
ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีรัก
วิจัยจักช่วยให้รู้ดูทุกสิ่ง
รู้ต้นสายปลายใดให้รักพิง
หากรู้จริงอาจช่วยได้หลายหลายคน
ใช่ว่าผมจะตั้งตนเป็นคนรู้
แม้แต่ผู้วิจัยก็ไหม้หม่น
จึงอยากรู้เผื่อช่วยกู้ปัญหาตน
และทุกคนเพื่อช่วยกันถักให้รักงาม
..........
คนกุลา
ผู้วิจัย
รับสมัครนักวิจัย เพิ่ม ครับ
2 มิถุนายน 2552 12:26 น.
คนกุลา
.
ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีฝัน
ดวงตะวันสุรีย์ศรียังมีแสง
มีดาวรายพรายเพริดเจิดแจรง
นั่งเพียรแต่งกลอนฝันล้อจันทร์นวล
ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีรัก
ยังทอถักร้อยใจแม้ไห้หวล
ยังคนึงถึงเจ้าคราวรัญจวน
คิดถึงนวลน้องนางที่ห่างกาย
ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีทุกข์
เราคงสุขอยู่บ้างก็ห่างหาย
กลางรสธรรมย้ำแกร่งมิแพร่งพราย
จึงเพียรได้เพียงโสดาฯก็พร่ามัว
ยังตั้งใจให้พระธรรมมานำจิต
เพ่งพินิจกายใจให้ถ้วนทั่ว
กรรมใดดีร้ายเลวเหลวน่ากลัว
ปฏิบัติตัวครองใจในกรรมดี
จึงขอเพียงแค่นี้นะที่รัก
คงจักไม่ได้ไปไกลกว่านี้
มุ่งโสดาปัตติมรรคคงจักมี
เพราะยินดีปรีดาในอารมณ์
หวังเพียงวันข้างหน้าคราล่วงลับ
กายดับจิตล่วงไปในฟ้าห่ม
จะไม่ตกนรกไหม้หมกตรม
เกิดกลับชมดาวใสในเพ็ญจันทร์
หลายหลายสิ่งหลายอย่างต่างรู้จัก
รู้จักรักรู้จักทุกข์เศร้าสุขสันต์
เพียงเวลาผ่านไปของวัยวัน
โสดาบันแห่งห้วงจิตคิดว่าพอ
..........
ขอเพียงแค่นี้ นะที่รัก
คนกุลา
2 มิถุนายน 2552 11:34 น.
คนกุลา
.
นอนบนเสื่อกระจูดใจในวันกลับ
ดังมาดับอารมณ์ร้อนในฟ่อนฝัน
กลิ่นกระจูดดั่งกลิ่นกระแจะจันทน์
เสื่อผืนนั้นคล้ายผืนนี้ที่ทอรอ
ฟังเพลงหวานกังวานหวังเหมือนฟังว่า
ดั่งน้ำตาน้องนี้คอยพี่หนอ
กลับมาชื่นขวัญเรียงคงเพียงพอ
มาเปิดศอมารับสร้อยเส้นน้อยนี้
ยามกลับมาบ้านนาซื้อมาฝาก
เพื่อแทนใจคนยากจากใจพี่
ซับน้ำตาหม่นคราหลังยังพอมี
หวังนับต่อแต่นี้อย่ามีเลย
เจ้าเตรียมน้ำเตรียมท่าเตรียมอาหาร
เมื่ออิ่มทานแล้วอ้อนอุ่นหนุนเขนย
เอาตักนางเป็นหมอนหนุนให้กรุ่นเกย
อยากเผยใจเจ้าไพรนกในอกนวล
พรุ่งนี้เช้าเจ้าตื่นก่อนแต่ค่อนรุ่ง
เพื่อจะปรุงข้าวปลาอาหารล้วน
จัดสำรับจับมือเจ้าเฝ้าชักชวน
เดินลัดสวนกราบพระธรรมนำจิตใจ
พรมประปรุงจรุงแต้มหอมแก้มสาว
พระธรรมวาวพร่างพ้นสู่หนไหน
รักคู่ธรรมนำคนสู่หนใคร
ให้นกไพรคืนใจเจ้านะสาวนาง
.
.........