29 มิถุนายน 2552 22:00 น.
คนกุลา
.
จากดินแดนเกิดกายปลายด้ามขวาน
เส้นทางผ่านร่านทุรนหนทางหนาว
กี่ร้อนฝนด้นสานตำนานยาว
หากสืบสาวทุกนาทีที่ล่วงไป
มีเพียงหนึ่งสัญญาใจในวันจาก
วันจำพรากจากกันสู่ฝันไหน
ทุกวันหวังห่วงหาสัญญาใจ
แม้บางนัยเคยออกนอกเส้นทาง
ยังรู้จำใจหนึ่งซึ่งตามติด
ยังรู้คิดบางน้ำตาที่พร่าพร่าง
ยังรู้จักว่าบางใจในรุ่งราง
ตื่นมากลางคืนค่ำร่ำน้ำตา
ยังจำได้บางฝันของวันโน้น
เสียงอ่อนโยนปลอบปลุกทุกคำว่า
ทั้งแสนรักแสนหวงห่วงทุกครา
กอดขวัญตาตรึกทุกคำที่พร่ำเตือน
เราจากกันวันฟ้าทาสีรุ้ง
วันฉันนุ่งเสื้อผ้าใหม่ยังไม่เปื้อน
เมื่อจากกันหลายปีสีผ้าเลือน
สัญญาเตือนกลับย้ำให้จำใจ
เมื่อจากไกลไปมากจากฟากอก
น้ำตาตกทุกคราคราวพร่าไหล
ยังผูกพันห่วงหาสัญญาใด
กับบางใครที่บอกว่าอย่าลืมคำ
อยู่ที่หวังจะตั้งหน้าหาเงินส่ง
จากแดนดงป่าดอนก่อนจากย้ำ
ผ่านมาทุกวันวัยใจยังจำ
เพียงงามขำจบปอตรีก็ดีใจ
ยังรักษาสัญญาใจในวันจาก
แม้อีกฟากของสัญญาอยู่ฟ้าไหน
มิรู้จะทวงสัญญาจากฟ้าใด
"แม่"อยู่ไหน"ลูก"ยังจำคำสัญญา
...............
กลางวสันต์
คนกุลา
รังนกไฟ
ในฟากฟ้า ทะเลขวัญ
.................................
28 มิถุนายน 2552 17:42 น.
คนกุลา
.
เราพบกันวันโน้นกลางโพ้นรุ้ง
ที่ริมทุ่งธารฝันวันฟ้าสวย
เธอมาถามท่ามยิ้มพิมพ์ระรวย
หากบอกด้วยว่าช้ำสุดจำนรรย์
เธอเรียกฉันทุกวลีว่าพี่จ๋า
เธอบอกว่าฉันเหมือนใครที่ในฝัน
เธอบอกฉันเหมือนใครในเพ็ญจันทร์
เธอเคยฝันสานรักร่วมถักทอ
เธอรอเขาทุกคราเมื่อฟ้าค่ำ
เขาจะร่ำข้ามฟ้ามาไหมหนอ
เพียงบางคำท่ามสายที่หมายรอ
ทุกอย่างก็เหมือนสลายในสายไฟ
เขาไม่มาเหมือนเคยเธอเอ่ยบอก
หรือเขาหลอกลวงเย้าเศร้าไฉน
เคยสานรักถักคำหวามดวงใจ
มิทันไรเขามากลายคล้ายลืมคำ
ฉันบอกว่าอย่าถามหาคำรัก
มิอาจจักกล่าวบอกดอกงามขำ
หากดูแลแต่นี้พี่จะทำ
ฉันยังย้ำคำนี้ทุกทีไป
เราจะไม่รอกันนะขวัญจ๋า
จะไม่รอเวลาฟ้าฟากไหน
หากพบกันก็คุยกันทุกวันไป
สานสายใยแสนดีมีให้กัน
ทุกน้ำคำย้ำวจีที่พร่ำบอก
ยิ่งจะตอกเติมย้ำนะคำขวัญ
ท่ามวารีรี่ไหลทุกวัยวัน
เราพบกันเพื่อดูแลอย่างแท้จริง
เธอเข้มแข็งขึ้นมากจากวันพบ
ใจสงบสดใสได้เร็วยิ่ง
เราเป็นหลักพักให้ได้เพียงพิง
ทุกอย่างยิ่งช่วยก่อต่อเต็มเติม
เราพบกันวันโน้นกลางโพ้นรุ้ง
ที่ริมทุ่งธารฝันในวันเริ่ม
เพื่อจะจบลบนิยายร่ายบทเดิม
ก่อนจะเสริมสัมพันธ์ใจไร้คำรัก
...............
กลางวสันต์
คนกุลา
รังนกไฟ
ในฟากฟ้า ทะเลขวัญ
...................
27 มิถุนายน 2552 16:48 น.
คนกุลา
..
ชีวิตใครใดใกล้จนคล้ายฝัน
ในคืนวันเฉียดตายไร้บังเหียน
รวมความรักเรื่องราวเล่าวนเวียน
ดุจจารเจียรดวงใจใส่นิยาย
จากเรื่องราวร้าวรักตักสาวหนุ่ม
จนตกพุ่มหม้ายรักหักสลาย
ปาดน้ำตาคราช้ำจำเจียนตาย
จึงต้องบ่ายหลีกหน้ามาแสนไกล
เพราะรักลูกปลูกรักนั้นหนักยิ่ง
ภาระจริงแสนลำบากยากเพียงไหน
มาสู้ทนทำงานบ้านเมืองไกล
หากหัวใจบางคราวก็หนาวเป็น
จะมีใครรู้บ้างเราร้างรัก
พอได้พักใจว่างอย่างที่เห็น
มาช่วยซับน้ำตาไหลกระเซ็น
จะยอมเป็นคู่ใจให้เธอครอง
มีบ้างไหมบางใครให้ได้ฝัน
พอมีวันหวังที่มีเราสอง
หัวใจร้าวคราวที่เริ่มสีทอง
ขอรับรองมอบใจให้นิรันดร์
ด้วยได้พบประสบการณ์ผ่านชีวิต
ที่เรียนรู้ถูกผิดจิตใจฝัน
คนดีเอ๋ยเคยไหมในคืนวัน
จะกล้าฝันสานรักภักดิ์แสนงาม
เส้นทางรักถักได้ไม่รู้จบ
จนจะพบคนใช่ในใจหวาม
คนที่ใช่หมายมอบที่ตอบความ
ร่ายนิยามรักวันนี้ที่ฉันเป็น
.........................
ในกลางวสันต์
คนกุลา
รังนกไฟ
ในฟากฟ้า ทะเลขวัญ
.................
25 มิถุนายน 2552 22:02 น.
คนกุลา
..........
ด้วยกำแพงที่แต่งเติมจนเสริมแกร่ง
สุดที่แรงใดใดในเวหน
จักกระแทกให้แตกร้าวทุกคราวทน
แต่วันหม่นน้ำตาใจก็ไหลริน
รินลงรดจรดซุกทุกเม็ดร้าว
น้ำตาพราวไหลหล่อห่อหุ้มสิ้น
ใครรู้ว่าน้ำตาที่บ่าริน
เพื่อเปลี่ยนหินเป็นมุกทุกคราวครา
คือน้ำตาหอยมุกในทุกครั้ง
แม้ว่ายังดูเข้มแข็งแกร่งหนักหนา
แต่บางเจ็บเหน็บร้าวหนาวอุรา
เกินวาจาบอกใครให้ได้ยิน
มีเพียงแต่บางคนบนทางผ่าน
ที่เห็นด้านภายในไม่ใช่หิน
คือเลือดเนื้อเถือมาน้ำตาริน
เพื่อหุ้มสิ้นกรวดทรายให้มุกงาม
เมื่อบางใครไหนได้ประดับมุก
ในทุกทุกเรียงเม็ดเกร็ดวาบหวาม
ประดับกับศอสรงของนงราม
ก่อนจะงามโปรดรู้ไว้ใต้ความจริง
แฝงนั้นเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่
แต่สำหรับบางใครหาใหญ่ยิ่ง
หากในท่ามใจงามรักความจริง
ทุกทุกสิ่งที่มุกกลั่นนั้นแสนงาม
.
คนกุลา
รังนกไฟ
ในกลางวสันต์
.................
..............................