15 พฤษภาคม 2552 13:34 น.
คนกุลา
.
ตั้งตาว่าจะหลับ
หวนกลับมาหน้าคอมฝัน
ยลแสงนวลใยในนวลจันทร์
ในดึกอันมีเราเปล่าเปลี่ยวแด
มาดูแลรักษาใจให้ตัวเอง
โอ้ว่าเพลาดึก
ห้วงนึกห้วงในใยเร่ง
ทำใมไม่ปล่อยไปตามเพลง
อาจเร่งเร้าเร่าร้อนฤๅผ่อนคลาย
เหมือนดังทรายกับทะเลเห่กล่อมกัน
หรือคืนที่คลื่นคลั่ง
ดุจดังนภาฟ้าเฟือนควั่น
เมฆดำคลุมทับดับดวงจันทร์
ดั่งเหมือนวันโลกดับจะพับพัง
ในความหลังครั้งชีวิตแทบปลิดปลง
น้ำตาไหลนองหน้า
ยิ้มปร่ายังเติมเพิ่มส่ง
ยามยากหากใจไม่มั่นคง
สิ่งยืนยงมักมาถูกท้าทาย
ย้ำความหมายความซื่อตรงตรงกระทำ
เมื่อน้ำตาพร่าหยด
คงหมดนัยตาปร่าย้ำ
สะอื้นในใจไหวระงำ
ชะความช้ำหมดนะจะเข้านอน
ความอาวรณ์ขอกลบฝังกลางฝนปรอย
......................
14 พฤษภาคม 2552 15:34 น.
คนกุลา
.
ขณะนี้คือที่แท้
พรุ่งนี้อาจแปรกลับหาย
มุ่งหวังกระทั่งยังเปล่าดาย
ตระหนักไว้ที่เห็นเป็นปัจจุบัน
ที่เราฝันหลายสิ่งฤๅจริงจัง
ที่ได้คือหมายพบ
ประสบสิ่งดีที่หวัง
หากดีคือดียังจีรัง
แต่ต้องตั้งว่าดีที่พบพาน
เมื่อได้ผ่านการผูกพันต่อกันมา
ชีวิตการเดินทาง
ระหว่างชีวีเหว่ว้า
เทียวทนหนทางก้าวย่างมา
มีน้ำท่าดื่มกินแสนยินดี
เพราะคนที่ยังพร่องก็ต้องเติม
รักหรือฝันพลันรู้
ตรองดูก็รู้แต่เริ่ม
งามจันทร์งามฝันจันทร์ดวงเดิม
หากยิ่งเพิ่มงามจันทร์ในวันเพ็ญ
ยามมาเห็นก็ว่างามไปตามจันทร์
รักหรือก็คือรัก
ทอถักกันมาฝ่าฝัน
ทอรักถักรอก็ผูกพัน
รักงามนั้นความจริงคือสิ่งไร
อยู่ที่ไหนรักผูกพันมั่นไม่คลาย
ความจริงสิ่งที่ฝัน
ท่ามโอบจันทร์สู่จุดหมาย
แม้นร่างลับร่างดับวางวาย
แต่สืบสายวิญญาณยังผ่านวน
ทบทุกข์ทนวนเวียนหวัง ณ ฝั่งกาล
อาจพบคู่อยู่หรือ
ใครคือคู่แท้แม้ผ่าน
จำฝันย้ำฝันของวันวาน
เพื่อจักผ่านพ้นผ่านการพานพบ
แต่ใช่หลบไม่ยอมผ่านการผูกพัน
ใจใฝ่ธรรมนำจิต
นิมิตมุ่งสรวงสวรรค์
ชีวิตละคอนค่อนคืนวัน
ไม่ยึดขวัญรักขวัญเท่านั้นพอ
เพื่อรู้รอสร้างให้รักจักนิรันดร์
...............
13 พฤษภาคม 2552 20:18 น.
คนกุลา
.
ปลายฟ้า ณ ปลายฟ้า
ยามว้าเหว่ทะเลฝัน
เหมือนดั่งวิหารแห่งพรานจันทร์
ที่ล่าฝันฝูงดาวเหินหาวลอย
ดุจเรือน้อยลอยเคว้งคว้างกลางคลื่นพราย
ทะเล ณ ทะเล
บทเห่ห้วงน้ำยามสาย
ภาพวาดพิมพ์ฝันพรรณราย
ระยิบร่ายทิพย์ภาพอาบแผ่นดิน
สายฝนรินรดทะเลเห่กล่อมนาง
แดนฝัน ณ แดนฝัน
ตะวันจรมาฟ้ากว้าง
ม่านฝนหม่นฟ้าพร่าพร่างพราง
เหมือนม่านบางแต่งห้องท้องวิมาน
ทิพย์สถานเรือนรับรองของใครนา
อัสดง ณ อัสดง
แดดยอลงดังเริงร่า
เมฆปอยลอยล่องผ่านคลองตา
ประดับฟ้าแต่งน้ำในความจริง
ว่าทุกสิ่งล้วนงดงามตามครรลอง
ปลายฟ้า ณ ราตรี
ยามนี้ทะเลงามผ่อง
จันทร์นวลกระทบคลื่นพรายฟอง
ปานเกร็ดทองกระพริบรับกับจันทร์
ค่ำคืนอันห้วงน้ำล้อมกล่อมทะเล
...............
13 พฤษภาคม 2552 16:58 น.
คนกุลา
.
แม้ถ้อยถักอักษราที่ว่าหวาน
ฤๅจะทานหวานใจไม่สิ้นสาย
ที่ถักร้อยถ้อยรินสิ้นใจกาย
เพราะงามง่ายงามล้ำเกินจำนรรย์
งามกายประดับดอกบุปผชาติ
แก้มขนงบรรจงวาดปาดสีสัน
ช้องนางน้องกรองผมประพรมพลัน
น้ำอบกลั่นกลิ่นกรุ่นละมุลใจ
ทบผ้าถุงนุ่งห่มเนื้อเสื้อลายดอก
วิหคหยอกลายเย้าคู่อยู่ไหวไหว
สงบงามท่ามตำบลหนแห่งใด
ตำบลใจงามดั่งฝันปั้นแต่งมา
งามใจยิ่งงามล้ำเกินคำขาน
ด้วนสายธารรสพระธรรมนำทิศา
ด้วยดวงใจใสครบสงบกริยา
งามสง่าดุจเทพีที่แดนไตรย์
แม้ให้ทั้งเทพเทพินสิ้นสามโลก
ร่ายโศลกก็เกินการจะทานไหว
ตรับกระแสสินธ์รินจินตนาใจ
วิโยคไหววะวับวับดับอินทรีย์
คงเป็น ณ ที่นี่ที่เกิดโลก
เกิดเป็นโศกสุขเศร้าเคล้าที่นี่
แล้วค่อยไหลเอิบอาบซาบอินทรีย์
จึงไม่มีวันรู้ได้-ยาม-ว่าย-วน
อยากมีปีกบินออกไปนอกโลก
เพื่อเห็นโศกสุขเศร้าที่สับสน
ที่เกิดทุกข์ก่อมาสาละวน
เพื่อหวังผลที่เห็นตามเป็นจริง
เพราะความจริงคือนิยามความงามง่าย
งามกายงามใจในทุกสิ่ง
เมื่อพบใจเหมือนพบรักที่พักพิง
หวังแอบอิงอุ่นไอรักถักให้งาม
.................
13 พฤษภาคม 2552 12:46 น.
คนกุลา
.
หลับตาลงตรงนี้เถิดที่รัก
หากอยากถักทอฝันในวันหวาน
ร้อยดอกบัวระบำเป็นธรรมทาน
ระกิ่งก้านหนามกิเลสแห่งเภทภัย
ดวงดอกไม้ร้อยสีที่ว่าหอม
หากได้ดอมดมปาริชาติฤๅวาดไหว
คงตระหนักจักรู้สู่ถิ่นใด
มาจากไหนกี่ภพชาติอาจรู้จริง
อุตสาห์เวียนวนว่ายหลายภพชาติ
เพื่อถักร้อยบ่วงบาศก์ผูกสรรพสิ่ง
เหลือเพียงตัวแหละหัวใจให้พักพิง
เพื่อได้สิงสู่สวรรค์อนันตกาล
แม้จะได้เรียนธรรมนำประจักษ์
แต่ใจรักไม่ฉลาดและอาจหาญ
สู่หนห้วงสรวงทิพย์แห่งนิพพาน
โพธิญาณหวังเน้นหนักขอตักตวง
คงจักวนเวียนว่ายหลายหมื่นภพ
กว่าประสบสุขสันต์อันใหญ่หลวง
ตราบเท่าที่สรรพสัตว์ระบัดปวง
ยังไม่ล่วงสู่สัมโมโพธิญาณ
ยังขอวนเวียนว่ายทางสายโลก
เพื่อดับโศกดับทุกข์สร้างสุขสานติ์
แก่ปวงเทพสัตว์มนุสสุดห้วงกาล
เติมตำนานตราบสามโลกยังโศกตรม
ในโลกันต์อเวจีที่แสนมืด
ล้วนกำพืดสัตว์แสนต่ำกรรมสะสม
ส่วนในถิ่นดิรัจฉานผ่านนานนม
คลุกโคลนตมมาเป็นคนด้นดั้นมา
หากที่ใดได้ทิพย์ละลิบสวรรค์
เกิดเทวัญเทพสถานพิมานฟ้า
ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา
ตราบดาวดึงส์ยามามาพร้อมเพรียง
หรือสถิตย์นิ่งแน่นแดนพรหมสถาน
ในวิมานทิพย์รูปและทิพย์เสียง
หรืออรูปพรหมประทับดับสำเนียง
สถิตย์เพียงพร่างพรายในสายลม
อาจเป็นอากาสานัญจายะฯบรรเจิด
ก่อเกิดวิญญาณัญจาห้วงฟ้าห่ม
เป็นเนวะสัญญานาสัญญาฝ่าโลกตรม
ถ้วนทางถมในดิถีที่ต้องเป็น
เมื่อยังไม่เกิดกายกามทั้งสามโลก
ยังดับโศกยังไม่มีดังที่เห็น
จะขอเกิดให้ครบทุกภพเย็น
จึงค่อยเน้นทางสงบพบนิพพาน
ขอหลับตาลงตรงนี้นะที่รัก
หลับในตักความฝันอันแสนหวาน
สืบสายใยใจเอ๋ยเคยร้าวราน
สบสายธารธรรมเพื่อก่อเกื้อกูล
...........