30 สิงหาคม 2553 12:05 น.
คนกุลา
๐ เมื่อใบไม้บางใบร่วงในสวน
ดั่งลำดวนด่วนมาลับลาหาย
มองฟากฟ้าคราหม่นฝนโปรยปราย
ดาวผกายคล้ายหมองในคลองตา
๐ เราพบกันวันนั้นคราดั้นด้น
ทุ่มกายจนสุดแรงแหล่งใฝ่หา
หลายผู้คนบนทางสร้างศรัทธา
พัฒนาประชาชนค้นแนวทาง
๐ ลุงคือผู้รู้เรียนเพียรพินิจ
รับแนวคิดใหม่มากมาถากถาง
เอาใจใสไม่เคยเฉยละวาง
เป็นแบบอย่างของผู้รู้ทำงาน
๐ จนสำเร็จให้เห็นเป็นแบบแผน
คนทั่วแดนหลากหลายหมายสืบสาน
ได้เล่าลือถือนำเป็นตำนาน
ไปทำการก่อเกื้อช่วยเหลือตน
๐ มาวันนี้ทราบข่าวปวดร้าวจิต
ว่ามิ่งมิตรจากราวสู่หาวหน
ในแนวทางสร้างค่าฝ่าทุกข์ทน
ลุงคือคนจริงจังที่ฝังใจ
๐ หวังชือชู สิทธิจักรนักส่งเสริม
ด้วยตีนเปิ้มเริ่มไว้ไม่ไปไหน
เป็นเหมือนหวังดังวันร่วมฝันไกล
เนิ่นนานไปใครก็ขอเดินตาม
๐ วันลุงจากพรากลาในหน้าที่
คงไม่มีอะไรต้องไถ่ถาม
เพียงมาย้ำคำตอบมอบแสนงาม
ฤๅอาจห้ามน้ำตาไหลปร่าริน
๐ เหมือนใบไม้บางใบร่วงในสวน
ดั่งลำดวนด่วนมาลับลาสิ้น
มองฟากฟ้าคราหม่นฝนโรยริน
หากได้ยินโปรดทราบฝากกราบลุง
.......................
เขียนในวัน
ทราบข่าวการเสียชีวิต
ของลุงชู สิทธิจักร
นักส่งเสริมตีนเปิ้มแห่งบ้านเขาดิน
ต.วังน้ำลัด อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์
อำลา ด้วยอาลัย
จาก....คนกุลา
อดีต ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการ
องค์การพิทักษ์เด็กแห่งสหรัฐอเมริกา นครสวรรค์ (ประเทศไทย)
(องค์การเซฟเดอะชิลเดร็นแห่งสหรัฐอเมริกา ประเทศไทย)
หมายเหตุ: นักส่งเสริมตีนเปิ้ม คือนักส่งเสริมการเกษตรแบบผสมผสาน
เท้าเปล่า ซึ่งก็คือเกษตรกรที่สนใจเกษตรรูปแบบใหม่ ในปี
พศ.นั้น เมื่อได้ทำ จนเห็นผลลัพธ์ ที่ดีแล้ว จึงนำไปเผย
แพร่เป็นวิทยาทานแก่เกษตรกร คนอื่นๆ ต่อๆไป
โดยไม่มีเงินเดือนประจำ หรือเบี้ยเลี้ยงใดๆ ทั้งสิ้น
30 สิงหาคม 2553 11:50 น.
คนกุลา
๐ ฟ้ามืดมัวหม่นเศร้า
คละคลุ้งเคล้ากลิ่นระไอ
ผลิไม้ระบัดใบ
ชรอุ่มพุ่มพนา
๐ ไม้บานผิบังใบ
สดไสวละลานตา
ลมโชยระรื่นมา
ไหวระริกระเริงชล
๐ ผาดโผนกระจายคว้าง
บ่ละวางกระจ่างจน
ลอยลิ่วสิเมฆฝน
จรดลถะถั่งกราย
๐ เมฆมัววสันต์เวียน
อุตุเพียรมิเสื่อมคลาย
เนื่องนองฟองกระจาย
ระดะล้น ณ แนวไพร
๐ ฟ้าคลุ้มทะมึนนาน
แล้ววิญญาณละสู่ใด
เพ่งพิศมิสดใส
มนนั้นสุดหมองมัว
๐ เย็นลมกระพือพัด
จะสบัดผิวตัว
อกขวัญสั่นระรัว
สดับข่าวแล้วร้าวราน
๐ ลุงชูผู้ประเสริฐ
ที่ก่อเกิดดำเนินการ
มุ่งนำดั่งสายธาร
ตลอดชีพเพื่อชูทาง
๐ หวังกายได้ผ่อนพัก
สิทธิจักรในคัคนางค์
จิตใจคงปล่อยวาง
ผู้อยู่หลังดำเนินรอย
๐ ส่งคำมาขับกล่อม
มนัสน้อมสุดเหงาหงอย
อำลาฝ่าฝนปรอย
เป็นเพลงกาพย์กราบศพลุง
************
.......................
เขียนในวัน
ทราบข่าวการเสียชีวิต
ของลุงชู สิทธิจักร
นักส่งเสริมตีนเปิ้มแห่งบ้านเขาดิน
ต.วังน้ำลัด อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์
อำลา ด้วยอาลัย
จาก....คนกุลา
อดีต ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการ ( ปี 2531-2537)
องค์การพิทักษ์เด็กแห่งสหรัฐอเมริกา นครสวรรค์ (ประเทศไทย)
(เซฟเดอะชิลเดร็น สหรัฐอเมริกา ประเทศไทย)
นักส่งเสริมตีนเปิ้ม คือ นักส่งเสริมเกษตรผสมผสานเท้าเปล่า
21 สิงหาคม 2553 14:39 น.
คนกุลา
๐ หลบอยู่กลางหว่างเขาราวเงาฝัน
ไล่ลดชั้นเชิงตามสุดงามแสน
เคยได้ฟังครั้งนั้นวันขาดแคลน
คราเหมือนแม้นแดนไพรได้ทะลาย
๐ ฝนราวหลั่งสั่งฟ้ามาท่วมโลก
ร่ายโศลกบทใดเกินใจหมาย
ปลิดปลงชีพชาวชนจนวางวาย
มิคลับคล้ายได้เห็นเช่นทุกคราว
๐ ละลอกชลป่นหล้าจนสาสม
ภูถล่มจมกลืนในคืนหนาว
กวาดทุกอย่างขวางกั้นสะบั้นราว-
จะดับดาวดวงหวังให้พังภินท์
๐ ความพลัดพรากจากกันในวันโน้น
หวังปลอบโยนยังหวั่นให้มันสิ้น
เก็บบทเรียนรู้ค่าการหากิน
ทำลายถิ่นธรรมชาติอาจเอาคืน
๐ มาวันนี้ที่เห็นน้ำเย็นใส
รายเรียงไปเพียงว่าเคยฝ่าฝืน
คงเข้มแข็งแรงล้ากลับมาคืน
จึงสดชื่นตื่นตาผู้มาเยือน
๐ คีรีวงวันนี้คงมีหวัง
เฝ้าระวังครั้งที่ไม่มีเหมือน
หายนะคราเก่าคงเฝ้าเตือน
ให้หวั่นเลือนลับห่างได้บางเบา
๐ น้ำใสเย็นเห็นท่ามัจฉาว่าย
เหม่อมองหมายกรายผ่านม่านภูเขา
ทึบทึมทาบขนาบขวางกางเขตเนา
เพื่อบอกเรา-เขา-ใครที่ได้ยล
๐ ธรรมชาติอาจงามในยามเห็น
หากซ่อนเร้นร้ายแรงทุกแห่งหน
ใครทำลายหมายบุกทุกมณฑล
ให้เตือนตนตามที่มีตำนาน
...............
คนกุลา
ในวสันต์
เขียนคราได้เยือน
ชุมชน คีรีวง อ.ลานสะกา
จ.นครศรีธรรมราช
เสาร์ ๑๔ สิงห์ ๒๕๕๓
เครดิตภาพจาก:
http://i253.photobucket.com/albums/hh56/extremechan/kiriwong/_DSC2163.jpg
http://www.trf.or.th/re/image/best_re_49/best_49_pic18_1.jpg
http://www.suan-spirit.com/activity/umaji_act_61.jpg
http://1.bp.blogspot.com/_GxiXH2XYJic/TD082YTUbCI/AAAAAAAAA4I/cQUj_8aqXpI/s1600/swimming2.jpg
19 สิงหาคม 2553 16:36 น.
คนกุลา
๐ ม่านสายหมอกหยอกล้อคลอภูเขา
เมฆทึมเทาเย้าเอินกับเนินผา
ขาวรำไรไล่ลอยทะยอยมา
ราวกับว่าฟ้าราดสีวาดลง
๐ หากว่าฟ้าคราคล้ำดำทั่วฟ้า
แสงทองทาเริ่มแดงเรื่อแรงหลง
ดวงตะวันดั้นมาหาพ-วง
ราวซื่อตรงกับเพลาต้องมาเยือน
๐ ย้อนคราวเก่าเยาว์วัยได้ขับขาน
หนุมานหาญกล้าหาใครเหมือน
เข้ายื้อยุดหยุดหมายให้แชเชือน
หวังบิดเบือนหน้าที่สุริยัน
๐ อาทิตย์เจ้ากล่าวว่าหาทำได้
เราต้องไปตามกำหนดกฎสวรรค์
อรุณรุ่งต้องรับต่อทอแสงจันทร์
ทำได้นั้นเพียงชักรถให้บดบัง
๐ หลบเหลี่ยมอิงสิงขรผ่อนแสงกล้า
เพื่อเลี่ยงตาเคลื่อนผ่านไปด้านหลัง
เป็นอุบายหมายจะพอประทัง
ให้พอตั้งตัวย้ำได้ทำงาน
๐ หรือตัวเราก็เป็นเช่นรถลาก
ถึงเหนื่อยยากตรากตรำเฝ้านำสาร
หาหวังใครไปทำเป็นตำนาน
เพียงก้าวผ่านกาลเวลาทุกนาที
๐ ขอเพียงได้มุ่งมาดปรารถนา
สร้างพาราเรืองรุ่งทั้งกรุงศรีฯ
ให้ชื่อไทยไกรเกรียงเคียงปฐพี
ส่งเสริมศรีศาสน์สถานวิหารราย
๐ ได้เทอดทูนบุญญาพระมหากษัตริย์
เศวตฉัตรมั่นผดุงความมุ่งหมาย
เพียงเท่านั้นที่ฝันจนวันวาย
ชึพมลายหมายฤดีกล้าพลี-ลง
๐ มิได้หวังสิ่งใดในชีวิต
ผ่านถูกผิดใกล้ไกลเคยใหลหลง
คือมุ่งมั่นฝันข้าฯคราปลิดปลง
ขอฝากพงศ์เผ่าไทยในโลกาฯ
๐ เมื่อเกิดมาชาติหนึ่งควรพึงคิด
กายและจิตสืบวงศ์เผ่าพงศา
อินทรีย์แกร่งแหล่งใดดลให้มา
กตัญญุตาต้องมีที่สำคัญ
๐ ม่านสายหมอกหยอกล้อคลอภูเขา
เมฆทึมเทาฤๅแข่งแสงสวรรค์
ราวชีพคนบนทางต่างฝ่าฟัน
เมื่อถึงวันพลันดับลับล่วงไกล..ฯ
................
คนกุลา
ในวสันต์
เครดิตภาพ จาก
http://i711.photobucket.com/albums/
http://www.tripandtrek.com/webboard1/photo
http://board.trekkingthai.com/board/upload/photo/
18 สิงหาคม 2553 15:35 น.
คนกุลา
๐ ฝนเบาบางพร่างโปรยโรยฟ้าฉ่ำ
เมฆหม่นดำมืดมิดราวปิดฝัน
แสงเพ็ญลอดลงมาต้องตาพลัน
ค่ำคืนนั้นพลันหม่นเพราะฝนปรอย
๐ ความมืดเงียบเยียบยังคลุมทั้งฟ้า
เมื่อตั้งหน้าฝ่าไกลไยท้อถอย
เมือความหวังยังเพริศแสนเลิศลอย
ราวถักร้อยสร้อยขวัญของวันวาน
๐ มองออกไปไพรเขาที่เนาเนิ่น
คงนานเกินเก็บเห็นเป็นหลักฐาน
คงได้แต่จดจำเป็นตำนาน
สอนสั่งผ่านผู้เฒ่าคอยเล่าความ
๐ เพราะภูเขาเนาเลียดเสียดฟากฟ้า
เรื่องสูงกว่าพนาใดเกินไถ่ถาม
จึงได้ชื่อลือไกลให้เป็นนาม
คำนิยามตามรอยเขาสอยดาว
๐ ผู้ที่ผ่านย่านถิ่นดินแดนนี้
ในฤดีมีไหมใคร่สืบสาว
ยามฟังจากปากคำย้ำเรื่องราว
ตำนานชาวจันทบุรีคราที่เยือน
๐ มากี่ครั้งยังซึ้งคำนึงหมาย
ฟ้าระบายคล้ายใจให้เสมือน
ยามจากลามาไกลหวังใจเตือน
คราพรากเลือนคนึงนางที่ร้างมา
๐ แม้นมากมายหลายเพื่อนฤๅเหมือนนุช
เพราะแสนสุดห่วงผู้อยู่เคหา
เก็บใจเหงาเศร้าล้ำวันอำลา
ในยามล้าคราคืนหวังชื่นใจ
๐ หวังน้องน้อยคอยพี่อยู่ที่บ้าน
คอยดูแลเรือนชานแต่งบ้านใหม่
ความคิดถึงจึงมากยามจากไกล
หนึ่งฤทัยคนึงพี่มีไหมเอย
.................
คนกุลา
ในวสันต์
เครดิตภาพจาก http://www.chomthai.com