24 พฤษภาคม 2554 13:10 น.
คนกุลา
๐ สายฝนโปรยจากฟ้า โลมดิน
ราวพร่างพรมจากอินทร์ หลั่งหล้า
ปานชลชื่นโรยริน รดสู่ หทัยนา
โชลมปลอบใจสุดล้า กลับให้สุขเขษม
๐ สายฝนหล่นจากฟ้า
โลมแหล่งหล้าทั่วธานินทร์
ไหลหลั่งฝั่งวารินทร์
ปลุกผืนดินฉ่ำชื่นบาน
๐ ราวพรจากอินทร์องค์
ประพรมสรงโลกตระการ
พลิกแล้งแห้งเนิ่นนาน
แสนสดใสให้ชุ่มเย็น
๐ ปวงสัตว์ทวิชาติ
จตุบาทเคยรำเค็ญ
ร่ำลาครายากเข็ญ
ยามร้อนร้ายกลายผ่านไป
๐ ฝนเอยเมื่อหลั่งมา
ฉ่ำใจข้าฯจากแดนไกล
ขอฝากห่วงห้วงใจ
ถึงคนไกลในคำนึง
๐ หวังนุชจงสุดสุข
นิราศทุกข์คอยรัดรึง
ส่งหทัยใฝ่รำพึง
ว่าภักดิ์นางมิจางคลาย..ฯ
๐ ฝนเอยฝากพจน์ข้าฯ คืนไป
หมายส่งจากดวงใจ ภักดิ์นั้น
สายลมช่วยนำหทัย แทนข่าว อ้ายนา
เพราะพี่ก็สุดกลั้น ชอกช้ำถวิลถึง
.................................... คน กุลา
21 มีนาคม 2554 18:41 น.
คนกุลา
๐ เป็นรวงราวพราวเหลืองงามเรืองเรื่อ
เด่นดอกเหนือรายทางอย่างในฝัน
รับหน้าแล้งแต่งเรียงคลอเคียงกัน
สีหวานนั้นรอใครจะได้เยือน
๐ เด่นดอกย้อยระย้าท้าลมหนาว
แดดพร่างพราวคราวทาบอาบเสมือน
จะโอบอุ้มชุ่มหทัยให้คืนเรือน
นับปีเดือนงามขำจากลำเนา
๐ ล่วงหน้าหนาวเข้าแล้งน้ำแห้งขอด
ไม้เริ่มถอดใบแดงแห้งเหี่ยวเฉา
ดอกงามงดสดใสในฟ้าเทา
ปานบอกเล่าบ้านนายังท่าคอย
๐ คอยอยู่ด้วยหัวใจที่ไม่ท้อ
คูณหรือรอเหลืองเลื่อมให้เอื้อมสอย
เบ่งดอกบานหวานไหวในลมลอย
ที่ทะยอยแต่งแต้มแซมบรรจง
๐ จะอุ่นใจใสล้ำคำเคยสอน
ลบอาวรณ์ใจหวังงดังประสงค์
ดับอาดูรครองใจใสซื่อตรง
วันคืนวงอ้อมแขนแดนดอกคูณ
....................
คนกุลา
คิดถึงดอกคูณบานลาลมหนาว และต้อนรับ
หน้าร้อนและคราคราวที่ลูกหลานชาวบ้านทุ่ง
จากแดนอีสานที่มาทำงาน และตั้งหลักปักฐาน
ในเมืองกรุง จะคืนเรือนสู่อ้อมแขนแดนดอกคูณ
เมื่อวันสงกรานต์ เดือนเมษายนวนกลับมาอีกคราว
15 มกราคม 2554 10:48 น.
คนกุลา
๐ เตรียมเครื่องมือหาปลาพาเรือออก
คลื่นกระฉอกแตกร่องเป็นฟองขาว
ไปสู่ท้องน้ำกว้างความหวังพราว
เสน่ห์คาวทะเลเข้มเต็มหัวใจ
... ๐ เสียงเครื่องดังฟังดูรู้แห่งหน
น้ำลึกล้นผันแปรมาแต่ไหน
แหล่งที่ปลาชุกชุมลุ่มน้ำใด
มุ่งหน้าไปแสวงหาแสนช้านาน
๐ กี่ลำเรือหาปลาที่มาเปลี่ยน
ทะเลเวียนศอกคืบได้สืบสาน
คอยขึ้นฝั่งตั้งใจไว้แสนนาน
ตีนสะพานคว้าสมอทอดรอคอย
๐ ตั้งแต่ยังรุ่นกระทงคงได้รู้
จากรุ่นปู่-พ่อ-ตาหาใช้สอย
ฝ่าผืนลมห่มฟ้ามาเลื่อนลอย
หวังคนคอยยขึ้นฝั่งดังหมายจินต์
๐ เรือก็เก่าคนก็แก่แต่ใจสู้
ระลึกรู้เมื่อหวังยังไม่สิ้น
เรื่องคนเฒ่าเล่ากี่หนได้ยล-ยิน
การหากินมิเปลืองทรัพย์เนืองนอง
๐ เมื่อลูกหลานเขาไปไม่คืนกลับ
ผู้เฒ่านับวันล้าพาหม่นหมอง
ในวันที่สายตาพร่ามัวมอง
ก็คงต้องทิ้งลายชายชาวเล
๐ วันนี้ออกหาปลาแม้ฟ้าเหลือง
อุกาเรืองมิพรั่นใจหันเห
ท่ามคลื่นลมห่มคลั่งฝั่งทะเล
จึงร่อนเร่แรมทางอย่างเดียวดาย
๐ ปานท้าทายชะตาวันฟ้าครึ้ม
เมฆทึบทึมดั่งว่าหาความหมาย
ท่ามทะเลที่เห็นความเป็นตาย
พิสูจน์คล้ายบ่งบอกก่อนออกเรือ
๐ เมื่อฝนซาฟ้าสางในรางรุ่ง
ทุกท้องคุ้งลมสงบซบหาดเหนือ
ซากเรือแตกแปลกใหม่ใกล้กงเรือ
คือเศษเสื้อเก่าเก่าเฒ่าทะเล
.....................
คนกุลา
ในเหมันต์
30 พฤศจิกายน 2553 23:23 น.
คนกุลา
๐ คลื่นซัดหาดสาดฝั่งดังค่อยค่อย
หมู่เมฆลอยเลียบฟ้าทะเลฝัน
ม่านภูเขาเทาทาบอาบม่านควัน
ทิวไม้กั้นกำแพงมาแต่งเติม
๐ เรือบางลำลอยไกลคล้ายนิ่งเงียบ
ใจเย็นเฉียบหาใครไหนมาเสริม
ราวนิยายหมายจดด้วยบทเดิม
ตั้งแต่เริ่มจนจบวนทบเวียน
๐ เครื่องบินครางอย่างฟ้าจะถล่ม
ฝืนใจข่มมองไกลคล้ายภาพเขียน
ซากความหลังยังจดเป็นบทเรียน
เจ็บจวนเจียนเกือบตายไยคล้ายจำ
๐ กลับมาเยือนทะเลแม้เหว่ว้า
โชคชะตาพาใจให้ถลำ
เห่ขวัญเอยเคยชอบมาปลอบคำ
บอกงามขำแม้นนานมิผ่านเลย
๐ ใครมาสร้างวิมานทรายที่ชายหาด
ก่อปราสาทสร้างทรายไว้เปิดเผย
มิกลัวคลื่นคืนฝั่งเหมือนดังเคย
ไล่สายเสยกลบหายไร้ร่องรอย
๐ เหมือนฝันคนตนมีตามที่หวัง
ปลุกพลังเพียรก่อมิท้อถอย
มีใครหนอรอฉันร่วมวันคอย
คู่เคียงค่อยก่อใหม่ไม่เลิกรา
............................
คนกุลา
ในเหมันต์
9 พฤศจิกายน 2553 17:09 น.
คนกุลา
๐ ลมหนาว คราวเหมันต์
พัดกล่อมขวัญ โบกโบยผ่าน
สิ้นฤดู หมุนเวียน เปลี่ยนตามกาล
ค่ำคืนหวาน ซ่านใจ ในคำนึง
ยังติดตรึง ซึ้งในทรวง เพราะห่วงกัน
๐ หมดวสันต์ ลงวันไหน
จากคนไกล ที่เฝ้าฝัน
รอคืน ขับกานท์ ทุกวารวัน
ยามห่างนั้น ขวัญเอ๋ย เกินเอ่ยคำ
อยากบอกย้ำ ใจพี่ยา ในคราจร
๐ ห่วงน้องน้อยก็ห่วง
ถึงเจ้าดวง สายสมร
ไหว้พระ คราใด ขอได้พร
หวังบังอร ผ่อนทุกข์ เปี่ยมสุขพลัน
นับอนันต์ แสนเกษม เปรมปรีดา
๐ คราไหน เราได้พบ
ได้ประสบ ได้พบหน้า
จะเฝ้า ชมชิด จนนิทรา
แทนเวลา คราพราก ได้จากนาง
เชยสองปราง ประทับรอย สมคอยคืน..ฯ
คนกุลา
ต้นเหมันต์
..........................