27 เมษายน 2552 09:50 น.

จินตนาการ..แด่.."ม่านดอย"

คนกุลา

กลอนบทแรก เป็นกลอนที่แต่งไว้นานมากแล้ว  

จำบทต่อไปไม่ได้   เขียนเกี่ยวกับจินตนาการและ

ความมุ่งหวังที่เกี่ยวกับทำงานบนดอยสูง 

ส่วนสองบทหลัง

เขียนใหม่ ครับ ซึ่งหลายเสี้ยวส่วนจาก

การตอบกลอนของเพื่อนบ้านกลอน 

ที่ชื่อ "ม่านดอย"

ขออนุญาติไว้ ณ ที่นี่ ด้วยนะครับ คุณ ม่านดอย

.

ลุยดงหมอกขาวหนาวไหมเพื่อน

แชเชือนอยู่ทำใมเล่า

เบื้องหน้าความหวังยังพราว

ป่ามันเร้าเร่งให้เอ็งไป

.

ได้คืนสู่ดอยสูงเสียดเบียดห้วงหาว

ท่ามแสงดาวพราวพร่างกลางฟ้าใส

เหมือนอยู่ในแดนสรวงแห่งห้วงใจ

ยิ่งกว่าใครอยู่ใกล้ฟ้ากว่าทุกคน

.

ยินดี ซิ ยามได้กลับสู่บ้านเกิด

เพื่อไปเทอดทูนไทในทุกหน

คือการกลับไปหาค่าตัวตน

ย้ำชื่อคนไกล้ฟ้าว่า"ม่านดอย"

.

จะสร้างถางทางไพรให้งามงด

ให้ใสสดสิ้นหมองต้องไม่ถอย

แม้นบางอย่างยังไม่เพริศแสนเลิศลอย

สู้สร้างดอยเป็นแดนฝันบ้านของเรา

.

ฝันเพียงว่าเธอมาสร้างร่วมทางด้วย

กลับมาช่วยซับน้ำตาฝ่าความเหงา

วันเหนื่อยหนักพิงพักใจให้บางเบา

เป็นเหมือนเงากันและกันควั่น"ม่านดอย"

.



...................				
27 เมษายน 2552 01:46 น.

คำสารภาพ..ของผู้ขโมยกวี..!!!

คนกุลา

.............

.

ชอบเขียนกลอนอ่านกลอนสอนสำนึก

ค่อยค่อยฝึกค่อยค่อยเขียนเพียรแก้ไข

แอบจำจดบทกวีที่ชอบใจ

บันทึกในส่วนลึกไว้ตรึกตรอง

.

ยามประสบการณ์พานพบกระทบจิต

คำความคิดจากใจก็ไหลล่อง

เกิดถ้อยคำลำนำใจในทำนอง

อาจมีพ้องขออภัยในพฤติกรรม

.

มากถ้อยคำเก็บงำไว้ในสำนึก

ในส่วนลึกหว่างภวังค์ยังลึกล้ำ

ใสสงบงามสิ้นรินน้ำคำ

ที่ฝังจำนำกรองวางพ้องกัน

.

ที่ถือเป็นครูกลอนสุนทรภู่

เนาวรัตน์ผู้เบิกกวีซีไรท์นั่น

ที่เหลืออ่านซึมซับมากบรรพบรรณ

ล้วนเหล่านั้นแลกเปลี่ยนหมุนเวียนไป

.

เคยถูกถามเมื่อยามคำนำไปพ้อง

ใครเจ้าของใครมาหลังยังสงสัย

ก็ชี้แจงแถลงต่อพอเข้าใจ

อยากบอกไว้ไม่มีเลศเจตนา

.

อยากเขียนกลอนจากมุมใจที่ได้เห็น

ทั้งที่เย็นหรือร้อนเร่าเข้ามาหา

เขียนจากใจกลั่นสิ้นรินออกมา

ดุจดั่งว่าเขียนหัวใจ....ออกให้ชม

.




...................				
26 เมษายน 2552 01:17 น.

"ดาวใส..ในอเวจี"...!!!

คนกุลา

.

แว่วข่าวเศร้าทรวงในห้วงนึก

ว่าค่อนดึกดาวดับล่วงลับหาย

เจ็บปวดร้าวพราวพร่าน้ำตาพราย

ดุจมารร้ายเข้ากระทำหยามย่ำยี

.

เหมือนดอกไม้หนึ่งดอกมาชอกช้ำ

เมื่อถูกย่ำยีหยามในยามนี้

ฟ้าฉีกขาดดาษเดือนดาวหนาวฤดี

อเวจีคลี่ทับคลุมอับจน

.

จึงหนึ่งดวงดาริกาต้องลาลับ

มารบังคับคาวขื่นกลบกลืนหน

ไร้งดงามความเรืองรองดุจผองชน

ขับเคลื่อนดลด้วยแรงบาปคราบไคร่นำ

.

มันหลบนิ่งกลิ้งกลอกในซอกหลืบ

เวลาคืบคลานกลืนในคืนค่ำ

ฟ้าพิโรธโกรธาหล้ามืดดำ

ฝนหลงร่ำรั่วมากลางราตรี

.

ยังติดตราตรึงทรวงในห้วงลึก

ยามคิดนึกอั่งอุกอยู่ทุกที่

หวังทุกรักถักไออุ่นแห่งสุนทรีย์

สัมพันธ์ที่งดงามตามครรลอง

.

รักและไคร่ในวิถีที่ถูกสร้าง

เป็นรอยด่างในวิถีที่ถูกต้อง

แทนรวงรักถักดาวเป็นราวทอง

กลับมาต้องทอถักในปลักตม

.

เมื่อเหตุหากต้องถามหาความผิด

หนึ่งชิวิตที่ล่วงหายไม่เหมาะสม

อีกหนึ่งต้องอาชญาค่าโสมม

กับความตรมฝังใน......ใจผู้คน

.



.....................				
25 เมษายน 2552 22:06 น.

คืน...บ้านเกิด..!!!

คนกุลา

.............

เครื่องบินลอยคล้อยคว้างกลางม่านเมฆ

พัดเช่นเฉกระบายข้างหน้าต่างฝัน

ละอองขาวปลิวไหวไหวคล้ายหมอกควัน

ก่อนจะดั้นฟ้าเรียบลงเหยียบแดน

.

กลับมาที่ฝังรกวันตกฟาก

หลังได้จากถิ่นไปสุดไกลแสน

ท่องไปในฟ้ากว้างต่างดินแดน

เพื่อทดแทนสิ่งมุ่งหวังได้ตั้งใจ

.

ป่ายางรายกลายทางสองข้างเทียบ

จัดระเบียบเป็นแถวแนวไสว

บ้างตากแผ่นยางแน่นราวขาวทั่วไป

จมูกไวได้กลิ่นยางอยู่ลางเลือน

.

ทุ่งนาข้าวดูโล่งลิ่วทอดทิวเขียว

หมู่ตาลเรียวเรียงผนังตั้งต้นเหมือน

ดังจะคล้ายคอยหาผู้มาเยือน

กี่ปีเดือนที่ตาลเจ้าเฝ้ายืนคอย

.

กลับมาที่ฝังรกวันตกฟาก

กังหันจากนากุ้งเป็นฟุ้งฝอย

หลายสิ่งเวียนเปลี่ยนความหลังยังคงลอย

วนเวียนอ้อยอิ่งฝัน......กตัญญู

.

..................				
24 เมษายน 2552 15:28 น.

"เย็นย่ำ..อันงดงาม"

คนกุลา

.


ลิบลิบลิ่วร่ายสุดปลายฟ้า

บัวแดงพร่างตาอยู่ไหวไหว

อุทยานนกน้ำนามเกริกไกร

คนมาไกลยามได้เยือนเหมือนต้องมนต์

.

กลางดงอ้อกอแขมแซมบัวสวย

รินระรวยลมเย็นพอเห็นหน

แฝงรังรักที่ถักทอแต่พอตน

ฟักไข่จนเกิดนกน้อยค่อยสอนบิน

.

นกบางฝูงอยู่ประจำบึงน้ำนี่

เป็นนกที่อาศัยไม่ทิ้งถิ่น

บางฝูงคอยคืนรังยังต้องบิน

ข้ามฟ้าดินแดนไกลได้จากมา

.

เรื่องราวนกอกสะท้อนสอนคนได้

เราก็คล้ายด้นผ่านฟากม่านฟ้า

กี่เดือนปีที่ถากถางทางยาตรา

เพื่อตั้งหน้าหากินทุกถิ่นแนว

.

เยียบยามเย็นตะวันยอล้อเมฆคล้ำ

ก่อนฟ้าดำแสงลับดับมืดแล้ว

ก่อนดวงดาวจะพราวพรายขึ้นฉายแวว

ไปทั่วแนวท้องน้ำขังฝั่งบึงไกล

.

โอ้นกเอย

คืนนี้ทรามเชยจะนอนไหน

เสียงโก้กเพรียกเรียกลูกน้อยเจ้ากลอยใจ

ก่อนจะบินลับไปในคลองตา

.

นกยังมีที่หมายให้คืนกลับ

เราเล่าหับหอคู่อยู่ไหนหนา

เหงาหม่นหมองต้องเก็บงำก่อนอำลา

หวังข้างหน้าอาจมีใคร...ตั้งใจคอย


.


....................................................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา