10 มิถุนายน 2552 01:58 น.
คนกุลา
.
คือบทเพลง สวรรค์สรวง
ดับลวง โลกร้าง ทางฝัน
สร้างภาพ อาบฟ้า มานิรันดร์
อาบแสงจันทร์ พราวพร่าง กลางฟ้าเพ็ญ
แสงดาวเด่น ลอยควะคว้าง กลางฟ้าไกล
คือบทเพลง กล่อมฟ้า
เพลา วารี รี่ไหล
ดับฟ้า ดับฝัน และดับไฟ
หัวใจไหม้ เป็นจุณ ในมุ่นควัน
ดับความฝัน เคยมีมา นานกว่านาน
คือบทเพลง ชีวิต
นิรมิต โลกฝัน บรรสาน
ตบแต่ง ฟ้าใส ในวันวาน
ให้ละลาน งามตา น่าชื่นชม
โลกโสมม ให้ลาร้าง ดับกลางใจ
จึงสร้างเพลง กล่อมขวัญ
ทุกวัน ขวัญผวา คราไหน
ทุกข์ร้าว เศร้ามา ประสาใจ
พ่อนกไฟ เฝ้าฝัน วันได้ครอง
จะกล่อมน้อง ประคองขวัญ วันเราเคียง
ขับเพลงกล่อม ถนอมจินต์
สุดถวิล รินใจ ใสเสียง
ขับคลอ ช่อพยอม หอมพอเพียง
ไยละเลี่ยง พี่หนอ เฝ้ารอนาง
ประทับปราง พิสุทธิ์ใจ ในรุ้งงาม
เมื่อเพลงมนต์ คลายขลัง
ใดหวัง ยังฝัน หวั่นหวาม
ท่ามฝัน เคยสว่าง ว่างงาม
อยากฝากถาม นวลจันทร์ คืนวันเพ็ญ
ดุจจะเร้น ร้างรักข้าฯ นะจันทร์นวล
เมื่อไม่มี ที่เหนี่ยว
ใจเดียว เกี่ยวฟ้า อุราหวล
เก็บหวัง พร่างวัน เคยรัญจวน
เฝ้าทบทวน ใจล้า คราโรยแรง
ใจเคยแกร่ง ก็กลับมา สุดล้าแล้ว
.
..............
เพลงกานท์ พุดลาภา
.....................
คนกุลา
รังนกไฟ
กลางวสันตฤดู
.
8 มิถุนายน 2552 16:11 น.
คนกุลา
.
เคยเปิดจอรอสายทุกภายหวัง
หนาวภวังค์ยามทดท้อรอไม่เห็น
ตั้งแต่เช้าเข้าสายตกบ่ายเย็น
ซึ่งก็เป็นอยู่เช่นนี้ทุกวี่วัน
ต่อแต่นี้คงตัดใจจำไปจาก
เพราะว่าหากมาจมหล่มความฝัน
มาเฝ้ารอท้อทดจนหมดวัน
หวังลืมฝันเศร้านักหักใจลา
จะเลิกรอต่อแต่นี้ไม่มีแล้ว
โอ้ดวงแก้วดวงใสไม่รอหนา
หากพบกันวันกระจ่างพร่างจันทรา
ตามประสาว่าขอบคุณที่คุ้นเคย
คงจะเก็บใจหม่นตนคราวนี้
คงไม่มีทวนคำพร่ำเฉลย
เก็บฉากหวงห่วงหาก่อนลาเลย
ลมรำเพยเคยรักต้องหักใจ
เคยเปิดจอรอทักจากงามชื่น
ไม่อยากแอ๊ดคนอื่นฝืนสดใส
หวังจะรอแช็ทบ้างเพียงบางใคร
เพราะห้องใจอวลอะคร้าวราวนิยาย
คงจะต้องเลิกรอต่อแต่นี้
เมื่อคนดีไม่เห็นหวังนั่งรอสาย
ปาดน้ำตาบ่าสิ้นรินระบาย
บล็อกใจไว้ไม่ขอรออีกต่อไป
เก็บกอบห่วงยังหน่วงหนักอีกสักครั้ง
เพื่อก่อหวังในกมลตั้งต้นใหม่
หวังรับพรสร้างใจแกร่งจากแหล่งใด
ปลดปล่อยใจสู่อิสรภาพตราบนิรันดร์
.
..........
คนกุลา
รังนกไฟ
กลางฤดูวสันต์
8 มิถุนายน 2552 08:00 น.
คนกุลา
.
ต่างคนสร้างทอทางฝันเหมือนปั้นเมฆ
ต่างคนเสกนิยายฝันในวันหวัง
ฉันเสกฟ้ามหาสมุทรสุดกำลัง
เพื่อประทังนิยายทุกข์ที่ลุกลาม
ในความฝันวันก่อนก่อนเธอสอนฉัน
ทุกทุกวันยิ่งยินดีมีคนถาม
คอยสนใจในวจีที่ติดตาม
ทุกนิยามคอยชี้แนะและตักเตือน
คอยมาเสริมงานศิลป์ถวิลหวัง
เติมพลังหวังว่ามากกว่าเพื่อน
สอดสายตามาแลไม่แชเชือน
จนดาวเคลื่อนเดือนคล้อยจึงค่อยลา
มาวันนี้คนดีอยู่ที่ไหน
จนเพลาเข้าไฟไม่เห็นหน้า
ลืมแล้วหรือเคยฝันร่วมกันมา
ใจดวงล้ายังห่วงหวงนะดวงใจ
ไม่จริงใจไยออกปากมาฝากรัก
ไม่อยากถักแล้วไยตามมาถามไถ่
ไม่อยากหวังแล้วไยมาหาความใน
ชุบหัวใจอีกหนึ่งดวงให้ห่วงรอ
รอเปิดสายนิยายฝันทุกวันหวัง
ทุกวันยังคงรอสายไม่ระย่อ
ไม่รู้ว่าถึงวันไหนได้รู้พอ
ใจดวงท้อ รอ ณ หวัง ยังเหมือนเดิม
.
.
.
..........................
คนกุลา
รังนกไฟ
ในกลางวสันต์
7 มิถุนายน 2552 15:47 น.
คนกุลา
.
.
ความจริงใจมีไหมโลกใบนี้
ความจริงใจหรืออาจมีอยู่ที่นั่น
แลเลื่อมลายกลางสายหมอกระลอกควัน
ณ ที่ฉันแอบรักหมายใช่บางที
ถามแบบนี้ฤดีกลับยิ่งสับสน
ระหว่างคนหนหลังครั้งก่อนนี้
คอยดูแลและไถ่ถามทุกยามมี
ว่ามิมีรักบ้างหรืออย่างไร
ยังถามว่าคนดีมีกี่ฝัน
และถามฉันว่าคนดีมีรักไหม
รักนิยามท่ามสายหมอกและดอกไฟ
ฝันยามไกลในนภาดูพร่าเลือน
เป็นนกไฟในวันฝันลาลับ
ดังฟ้าดับดาวลอยเดือนคล้อยเคลื่อน
วันคนดีในฝันนั้นมาเยือน
พร้อมถามเตือนเรื่องราวรักเฝ้าถักทอ
รู้คราใดใจหม่นคนคนนั้น
กับความฝันนกไพรวันใดหนอ
ในวันที่ฝันไกลยังไม่พอ
จึงแทบท้อทอใจฝันวันต่อวัน
เธอถามว่าคนดีมีรักไหม
ฉันถามใครต่อได้เล่าทุกเฝ้าฝัน
หรือทิวาวารผ่านวานตะวัน
ให้ถามจันทร์ยามพร่างหว่างราตรี
อยากไถ่ถามนิยามกลับกับเธอบ้าง
ยามอยู่ไกลใจว่างบ้างไหมนี่
แล้วรักละที่เคยหวังยังพอมี
ในฤดีมีใครครองห้องใจยัง
มีบางใครในรักถักบ้างไหม
ในห้วงใจมีใครบ้างไหมหวัง
ไยไม่กลับมารับห่วงในรวงรัง
กลับคืนยังแดนฉันยังฝันรอ
.....................
นกไฟ คนกุลา
.