24 กันยายน 2552 11:55 น.
คนกุลา
๏ เมฆมัวคลุมม่านฟ้า ดำหมอง ท่านเอย
ยามก่อนโปรยละออง ดั่งย้ำ
ไหลลงชุ่มเนืองนอง แสนชื่น
เหมือนดั่งบอกหลังคล้ำ ฟากฟ้าคืนใส...ฯ
๏ กาลเคยเป็นเช่นนั้น จริงเจียว น้องนา
ฝนพร่างพรำคราวเดียว เลิกร้าง
สุรีย์ส่องลำเรียว คืนสู่ โลกนา
แสงฝ่าลอดเลยข้าง หว่างคลุ้มเมฆฝน...ฯ
๏ ฝนพรายแดดเช่นนี้ นานมา
บรรสานที่กลางนภา ถักรุ้ง
ถึงหาเกิดกับตา เรียมเช่น เอ่ยแฮ
ภาพดั่งเห็นในคุ้ง ขอบโพ้นเงาใจ...ฯ
๏ แดดใสพอไม่ช้า เพียงนาน
ฝนก็พลันพรมลาน อีกครั้ง
สลับกันกับแดดหวาน หมุนเปลี่ยน เวียนนา
ไยดุจเหมือนใจตั้ง หลอกฟ้านภสรวง..ฯ
........
คนกุลา
ในวสันต์
23 กันยายน 2552 11:01 น.
คนกุลา
๐ ฝนฉ่ำฟ้าคราไหนเมื่อใจสุข
หลั่งฝนชุกเพียงไหนหากใจหวาม
นั่งสบตายาใจใต้ฟ้าคราม
มีคนงามทรามเชยร่วมเอ่ยคำ
๐ สายฟ้าแลบแปลบปลาบฤๅวาบไหว
ส่องหทัยนงรามเจ้างามขำ
ฟังคำพี่เอ่ยพจน์จงจดจำ
ในลำนำเว้าวอนผ่านกลอนกานท์
๐ ยังจดจำคำซึ้งคิดถึงพี่
วังวารีเคยเยือนคืนเดือนหวาน
มองคลื่นพรายใต้จันทร์ในวันวาน
ร้อยดวงมานสานรักเฝ้าถักทอ
๐ ชมหิ่งห้อยพร้อยแสงแต่งคืนหลับ
สาดแสงจับลำพูคู่กันหนอ
เหมือนสองเราร่วมเคียงอย่างเพียงพอ
สมเฝ้ารอคอยนางแต่ปางบรรพ์
๐ คำสัญญาว่าปองจะครองคู่
เกี่ยวก้อยอยู่สู่ห้วงสรวงสวรรค์
พี่และน้องครองใจหมายเคียงกัน
หวังร่วมฝันเรืองรองรักสองเรา
๐ อย่าเพียงแลบแปลบปลาบแล้ววาบหาย
ให้รักคลายร้างไกลจนใจเหงา
จงยั่งยืนชื่นบานนับนานเนา
ดุจดั่งเงาทาทาบตราบนิรันดร์
คนกุลา
ในวสันต์
12 กันยายน 2552 11:53 น.
คนกุลา
๐ เมื่อหวังราวพราวพร่างกลางสำนึก
ในดื่นดึกตรึกใดก็ไหวหวาม
ความรู้สึกสื่อใจให้ไหวตาม
กับนิยามความใหม่ใช่เหิมเกริม
๐ ออกเดินทางกลางค่ำฟ้าดำมืด
ลมเย็นชืดชะฝนที่หล่นเสริม
รอนแรมคราระกำดุจซ้ำเติม
ช้ำรอยเดิมย้ำตนแบบคนเคย
๐ มุ่งยังที่มีฝันนั้นรออยู่
แม้ไม่รู้หากความจริงคงยิ่งเผย
เงาตะคุ่มพุ่มไม้กลายล่วงเลย
กระไรเอ่ยฤๅขวางหนทางเดิน
๐ เพียงรู้บ้างมีบางคนบนทางฝัน
กับบางจันทร์ค่อนดวงควงเขาเขิน
ก็พร้อมที่ถากถางทางเผชิญ
เพี่อดุ่มเดินเคียงข้างหวังนางคอย
๐ เพราะชีวิตผิดพลาดอาจมีมาก
จำจรจากจนเศร้าใจเหงาหงอย
เพียรอยากสร้างทางฝันอันเลิศลอย
หากน้องน้อยนวลกล้าร่วมฝ่าฟัน..ฯ
คนกุลา
ในวสันต์